แฟชั่น บิ๊กอาย

บิ๊กอาย กับ แฟชั่นในปัจจุบัน

เลนส์ตาโต เป็นคอนแทคเลนส์ชนิดตาโต หรือที่วัยรุ่นเรียกกันว่า “บิ๊กอาย”จะเหมือนกับคอนแทคเลนส์แฟชั่นสมัยก่อนที่มีสีสันให้เลือกมากมาย แต่ที่แตกต่างคือ เลนส์สีบริเวณตรงกลางดวงตาจะเป็นเลนส์ใสปกติแต่บริเวณขอบเลนส์จะมีสีดำ ทำให้ขอบตาคุณดูชัดมากขึ้น มีราคาตั้งแต่ 450 – 2,000 บาท

ใส่บิ๊กอายตาติดเชื้อ

บิ๊กอายทำตาบอด ติดเชื้อแบคทีเรีย แพทย์เตือนวัยโจ๋

แพทย์เตือนอันตรายจากคอนแทกท์เลนส์ "บิ๊กอาย" หลังมีผู้ป่วยติดเชื้อสูโดโมแนสที่ตา ทำให้เกิดการอักเสบอย่างรุนแรงต้องเข้ารับการรักษาตัวแล้ว 4 ราย จักษุแพทย์ ระบุ เป็นแบคทีเรียร้ายแรงลามกินตาดำได้ภายใน 2 วัน รักษาไม่ทันถึงขั้นตาบอด ผู้ป่วยรับหาซื้อง่ายแม้กระทั่งตามตลาดนัด จี้ภาครัฐออกมาเข้มงวด เพราะจัดอยู่ในกลุ่ม เครื่องมือแพทย์ ต้องได้รับอนุญาตจาก อย.

เลดี้ กาก้า Lady Gaga ใส่บิ๊กอาย

เลดี้กาก้า นำเทรนบิ๊กอาย อเมริกาเตือน Big Eye เป็นอันตราย ผิดกฏหมายในอเมริกา

นับตั้งแต่กระแสความโด่งดังของ Music Video "Bad Romance" ของนักร้องสาวชาวอังกฤษ Lady Gaga ทำให้วัยรุ่นอเมริกันเริ่มนิยมใส่ Contact Lenses ที่เรียกว่า "Big Eye" กันเป็นจำนวนมาก จนหลายฝ่ายต้องออกมาเตือนในการใช้และการเลือกซื้อ เพราะวัยรุ่นจำนวนมากนิยมสั่งซื้อผ่านอินเตอร์เน็ต จากร้านค้าออนไลน์ในแถบเอเชีย...

บิ๊กอาย คอนแทคเลนส์ปลอม

อันตรายจากการใช้คอนแทคเลนส์แฟชั่น "บิ๊กอาย"

กระแสคอนแทคเลนส์แฟชั่นได้แพร่ระบาดเข้าสู่ประเทศไทยเมื่อประมาณต้นปี 2549 ที่ผ่านมา โดยวัยรุ่นไทยนิยมใส่คอนแทคเลนส์แฟชั่นเพื่อให้ตา กลมโตเลียนแบบดาราเกาหลี และญี่ปุ่น คอนแทคเลนส์แฟชั่นดังกล่าวเป็นที่รู้จักกันดีในนาม บิ๊กอายส์ หรือ คอนแทคเลนส์ตาโต ราคาก็มีตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักพัน ระยะเวลาการใช้งานก็มีให้เลือกหลากหลาย ตั้งแต่ 1 เดือนไปจนถึง 1 ปี

18 ก.พ. 2554

[ข่าว] หามส่ง รพ. 4โจ๋เหยื่อ บิ๊กอาย เสี่ยงบอด - ควักตา

พิษ "บิ๊กอาย" อันตราย พบแผลที่กระจกตาดำ เผยแบคทีเรียร้ายกินทะลุได้ภายใน 2 วัน แถมเข้าสู่กระแสเลือดได้ หมอชี้รักษาไม่ทันอาจทำให้ตาบอดหรือควักลูกตาทิ้งได้ พบเหยื่อโจ๋หญิง-ชาย 4 รายเข้ารักษาที่ร.พ.พระนั่งเกล้าหลังตาบวมฉึ่ง สอบถามพบอยากสวยเลยซื้อคอนแท็กต์เลนส์แบบบิ๊กอายมาใส ่ ทั้งสั่งซื้อทางอินเตอร์เน็ตและตลาดนัดสะพานพุทธ

วันที่ 15 ก.พ. น.พ.ฐาปนวงศ์ ตั้งอุไรวรรณ จักษุแพทย์ ประจำโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จากการตรวจ ผู้ป่วยด้านตาพบว่าในรอบ 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีผู้ป่วยเข้ารับการรักษาด้วยอาการตาบวม เป็นสีแดงก่ำ ปวด และมีขี้ตาเป็นสีเขียวออกมาตลอดเวลา ถึง 4 ราย เป็นเพศชายและหญิง ทุกรายเป็นวัยรุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี และอายุน้อยสุด 14 ปี เมื่อส่องกล้องพบว่ามีรอยขาวขุ่นอยู่ในตาดำ เป็นลักษณะของการเกิดแผลที่กระจกตาดำ ผู้ป่วยทั้ง 4 รายต้องเข้ารักษาเป็นผู้ป่วยใน ผลจากการเก็บตัวอย่างส่งตรวจหาสาเหตุ พบว่า ตาติดเชื้อแบคทีเรียสูโดโมแนส แอรูจิโนซ่า ซึ่งเป็นแบคทีเรียที่สามารถกินทะลุกระจกตาดำภายใน 2 วัน หากรักษาไม่ทันอาจส่งผลให้ตาบอด หรือต้องควักลูกตาออก เพื่อไม่ให้ลามไปยังอวัยวะอื่น เนื่องจากเชื้อแบคทีเรียชนิดนี้เข้าสู่กระแสเลือดได้ ในการรักษาตาติดเชื้อสูโดโมแนสฯ ต้องใช้เวลานานและต้องให้ยาฆ่าเชื้อชนิดแรงทั้งแบบยา ฉีดและยาหยอดตา

ตาติดเชื้อ ใส่บิ๊กอาย

"จาก การสอบถามผู้ป่วยทั้ง 4 ราย สาเหตุ ที่ทำให้ตาติดเชื้อแบคทีเรียชนิดนี้ น่าจะเกิด จากการใส่คอนเท็กต์เลนส์บิ๊กอาย เนื่องจากผู้ป่วยทุกรายมีประวัติใส่บิ๊กอายทั้งสิ้น โดยซื้อจากแผง ลอยวางขายทั่วไปตามตลาดนัด สะพานพุทธ หรือย่านขายของวัยุร่น สั่งซื้อจากอินเตอร์เน็ต หรือซื้อจากเพื่อนที่เป็นนายหน้าขายตรงด้วยการมีแค็ต ตาล็อกแบบของบิ๊กอายให้ เลือกเป็นชนิดใส่รายปี ในราคาคู่ละ 300 บาท ซึ่งขณะนี้กำลังเป็นที่นิยมใส่อย่าง มากในกลุ่มพนักงานบริษัทหรือคนวัยทำงาน รวมทั้งนักเรียน นักศึกษาทั้งหญิงและชายสวมใส่ตั้งแต่เรียนอยู่ในชั้น ระดับมัธยมต้น" น.พ. ฐาปนวงศ์ กล่าว

น.พ.ฐาปนวงศ์ กล่าวว่า ปัจจุบันบิ๊กอาย จัด เป็นเครื่องมือแพทย์ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข การผลิต นำเข้าหรือจำหน่าย ต้องได้รับการอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) คงต้องตรวจสอบกันต่อไปว่าได้รับการอนุญาตจากอย.หรือไ ม่ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องรีบเข้าไปตรวจสอบ และจับกุมผู้ที่กระทำความผิด เพราะจำนวนผู้เข้า รับการรักษาที่มีลักษณะตาอักเสบจากการ ใส่บิ๊กอายเพิ่มมากขึ้น ในส่วนของนักเรียน กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ควรที่จะออกกฎระเบียบมาคุมเข้มในเรื่องของการใส่บิ๊ก อาย ทั้งนี้ หากเป็นบิ๊กอายที่ได้รับอนุญาตจากอย. ผู้ที่จะนำมาสวมใส่ควรที่จะรักษาความสะอาดให้ดี จะช่วยป้องกันตาติดเชื้อได้

น.ส.ณัฐ พร อุ่นธรรม อายุ 20 ปี หนึ่งในผู้ป่วยตาติดเชื้อจนเกิดแผลที่กระจกตาดำ กล่าวว่า ใส่บิ๊กอายเนื่องจากเป็นคนสายตาสั้น เมื่อใส่แว่นจะรู้สึกเกะกะ และยอมรับว่าอยากสวย บวกกับเห็นเพื่อนใส่มานาน 2-3 ปี จึงตัดสินใจสั่งซื้อทางอินเตอร์เน็ตแบบรายปี คู่ละ 300 บาท ซึ่งตนจะบอกระยะสายตาที่สั้น เลือกแบบแล้วเพื่อนจะเป็นคนสั่งซื้อให้พร้อมจัดส่งถึ งบ้าน เมื่อเริ่มเปลี่ยนเป็นคู่ที่ 2 ได้ราว 2-3 เดือน เริ่มมีอาการโดยเกิดการระคายเคืองตา จึงถอดบิ๊กอายออกและนอนหลับตามปกติ เมื่อตื่นขึ้นมาตาแดงคิดว่าไม่เป็นไร เพราะเคยเป็นมาก่อน ทำให้ใส่บิ๊กอายกลับเข้าไปใหม่ แต่ทันทีที่เจอกับแสงแดดปรากฏว่าตาสู้แสงไม่ได้ แสบตาและน้ำตาไหล ตาแดงก่ำมาก พบแพทย์เพื่อให้ยาฆ่าเชื้อก็ไม่หาย

ขณะที่ ด.ญ.รัก (นามสมมติ) อายุ 14 ปี ผู้ป่วยตาติดเชื้อจนเกิดแผลที่กระจกตาดำ บอกว่า ซื้อบิ๊กอายจากร้านแผงลอยย่านสะพานพุทธ ใช้ได้ 3-4 เดือนเริ่มเกิดอาการแสบตา และตาแดงมาก รู้สึกเหมือนมีอะไรขาวๆ อยู่ในตาตลอดเวลา เจ็บมาก

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
รายการเจาะข่าวเด่น  บิ๊กอาย ทำตาบอด
บิ๊กอายทำตาบอด ติดเชื้อแบคทีเรีย แพทย์เตือนวัยโจ๋

14 ม.ค. 2554

เลดี้กาก้า นำเทรนบิ๊กอาย อเมริกาเตือน "Big Eye" เป็นอันตราย ผิดกฏหมายในอเมริกา

นับตั้งแต่กระแสความโด่งดังของ Music Video "Bad Romance" ของนักร้องสาวชาวอังกฤษ Lady Gaga ทำให้วัยรุ่นอเมริกันเริ่มนิยมใส่ Contact Lenses ที่เรียกว่า "Big Eye" กันเป็นจำนวนมาก จนหลายฝ่ายต้องออกมาเตือนในการใช้และการเลือกซื้อ เพราะวัยรุ่นจำนวนมากนิยมสั่งซื้อผ่านอินเตอร์เน็ต จากร้านค้าออนไลน์ในแถบเอเชีย  



Lady Gaga Bad Romance ใส่บิ๊กอาย
Lady Gaga - Bad Romance
 
เลดี้ กาก้า นักร้องสาวแนวป๊อปแดนซ์ ที่กำลังโด่งดังสุดขีดอยู่ในขณะนี้ ถูกตำหนิอีกแล้ว ฐานมีส่วนเป็นแรงบันดาลใจให้วัยรุ่นหันมานิยมใส่คอนแท็คเลนส์ "บิ๊กอาย" ที่เป็นอันตรายต่อดวงตา ซึ่งเป็นการเอาอย่างในมิวสิควีดีโอ "แบ้ด โรแมนซ์" ของเธอ ที่ใส่คอนแท็คเลนส์ชนิดทำให้ดวงตาดูกลมโตแป๋วแหวว และปรากฎว่าคอนแท็คเลนส์ชนิดนี้ขายดีอย่างมากในอินเตอร์เน็ต แต่เป็นสิ่งผิดกฎหมายในสหรัฐ เพราะสำนักงานอาหารและยาแห่งสหพันธ์ ( FDA ) ไม่ให้การรับรอง คอนแท็คเลนส์ชนิดนี้ไม่ได้คลุมแค่กระจกตาเหมือนคอนแท็คเลนส์ทั่วไป แต่ยังคลุมไปถึงตาขาวอันเป็นสาเหตุในดวงตาที่ถูกปกคลุมขาดอ็อกซิเจน และมีความเป็นไปได้สูงที่จะติดเชื้อแบคทีเรียหรือรุนแรงถึงขั้นสูญเสียการมองเห็น อีกทั้งการผลิต contact lenses "Big Eye" บางครั้งไม่ได้คุณภาพที่ดีพอ หรือไม่ได้ผลิตจากคนที่มีความรู้เรื่องเกี่ยวกับดวงตามากพอ (เช่น จักษุแพทย์) ก็จะทำให้ตาบอด อักเสบติดเชื้อ หรือทำลาย cornea
ดร.มาจิด โมเช่ จากศูนย์ดวงตาโมรัน กล่าวว่า การใส่คอนแท็คเลนส์ประเภทนี้ อาจส่งผลให้ดวงตาแห้งเรื้อรัง ซึ่งอาการแบบนี้อาจไม่เกิดกับทุกคนที่ใส่ แต่สำหรับบางคนก็อาจโชคร้ายได้เช่นกัน


มิวสิกวิดีโอเพลง Bad Romance ของ Lady Gaga


ข้อมูลจาก :  http://www.cbsnews.com/stories/2010/07/07/eveningnews/main6655501.shtml

18 พ.ย. 2553

เรื่องที่คนใส่คอนแทคเลนส์ต้องรู้

สำหรับคนสายตาไม่ปรกติ ไม่ว่าจะสั้นหรือยาว คงคุ้นเคยกันดีกับคอนแทคเลนส์ที่ช่วยเสริมสร้างบุคลิกภาพให้คุณกลับมาดูดีกว่าการใส่แว่น (สำหรับคนที่ไม่ชอบแว่นตา) แต่จะมีสักกี่คนที่ตระหนักถึงภัยเงียบอันร้ายกาจของคอนแทคเลนส์ ซึ่งอาจจะทำให้ดวงตาของคุณบอดสนิทได้

สัปดาห์นี้จึงมีสาระน่ารู้เกี่ยวกับคอนแทคเลนส์มาฝาก

ใส่นานเกิน อันตรายกว่าที่คิด
ผู้เชี่ยวชาญด้านดวงตาระบุว่า ไม่ควรใส่คอนแทคเลนส์นานเกิน 8-10 ชั่วโมงต่อวัน แต่ด้วยวิถีการใช้ชีวิตที่ดูเหมือนชั่วโมงทำงานจะมากขึ้น ส่งผลให้ชั่วโมงการใส่คอนแทคเลนส์นั้นยาวนานเป็นเงาตามตัวไปด้วย ด้วยเหตุนี้ในการเลือกใส่คอนแคเลนส์แต่ละครั้ง ควรพิจารณาให้ถี่ถ้วน โดยควรเลือกแบบที่ทำมาจาก ซิลิโคน ไฮโดรเจล (silicone hydrogel) ซึ่งจะช่วยให้ออกซิเจนซึมผ่านเข้ามาในกระจกตาได้ดีขึ้น ดวงตาชุ่มชื้น เพราะคอนแทคเลนส์ที่ผลิตจากวัสดุชนิดเก่าปิดกั้นออกซิเจน ซึ่งเมื่อคุณใส่ไปนานๆ จะทำให้ตาแดง ตาบวม การมองเห็นพร่าเบลอ ติดเชื้อได้ง่ายกว่าปรกติ ดวงตาจะแห้ง ไม่สบายตาเนื่องจากออกซิเจนไม่สามารถส่งผ่านถึงกระจกตาได้

เลือกคอนแทคเลนส์ผิด กระจกตาจะชราก่อนวัย
บางคนเอาแต่ห่วงสุขภาพผิวหน้า ผิวกายไม่ให้แก่ก่อนวัย แต่คุณหรือไม่ว่ากระจกตาก็แก่ก่อนวัยได้ ยิ่งผู้ที่ใส่คอนแทคเลนส์ ยิ่งมีโอกาสกระจกตาก่อนวัยสูงมากกว่าปรกติ อาการเสื่อมของกระจกตานี้ไม่สามารถสังเกตได้จากทางกายภาพด้วย ต้องใช้เครื่องตรวจอย่างเดียว ด้วยตัวคอนแทคเลนส์ ที่ผลิตด้วยวัสดุแบบเดิมนั้นไม่สามารถให้ออกซิเจนผ่านเข้ามาหล่อเลี้ยงกระจกตาในส่วนของเอ็นโดธิเรียมเซลได้มากพอจึงทำให้เซลกระจกตาตายเพิ่มขึ้นในทุกๆ วันที่ใสคอนแทคเลนส์ ส่งผลให้สายตาพร่ามัว และกระจกตาเสื่อมไปในที่สุด ฉะนั้นควรหันมาใส่คอนแทคเลนส์ชนิดซิลิโคน ไฮโดรเจล และพักผ่อนให้ดวงตาได้รับออกซิเจนมากเพียงพอในแต่ละวัน

อย่างที่ทราบกันว่า คอนแทคเลนส์นั้นมีทั้งแบบรายวัน รายเดือน หรือรายสองสัปดาห์ คอนแทคเลนส์รายปี ซึ่งมีให้ผู้บริโภคเลือกตามรูปแบบการใช้ชีวิตและความสะดวกในการใช้งานของแต่ละบุคคล แต่ตามนิสัยคนไทยมักชอบแถม ซึ่งนั่นเป็นความเข้าใจที่ผิดและจะส่งผลให้ดวงตาของคุณได้รับเชื้อไวรัส ตาอักเสบ คัน หรือตาแดง ได้ในที่สุด ควรใส่คอนแทคเลนส์ตามเวลาที่ระบุไว้อย่างเคร่งครัด และทุกครั้งหลังใส่ควรแช่น้ำยาทำความสะอาด ก่อนใส่ทุกครั้งให้ทำความสะอาดให้เรียบร้อยก่อน


เลือกให้เหมาะและใช้งานตามคำแนะนำ
ทุกครั้งก่อนใส่คอนแทคเลนส์ ต้องทำความสะอาดบริเวณรอบๆ ดวงตาให้สะอาด เพราะช่วยลดการติดเชื้อได้

ต้องใส่คอนแทคเลนส์ตามระยะเวลาการใช้งานอย่างเคร่งครัด หลังเลิกใช้ต้องแช่น้ำยาทำความสะอาดเสมอ ถ้ารู้สึกระคายเคืองให้นำออกมาล้างทันที เพราะอาจมีฝุ่นละอองตกค้างได้ ควรใช้น้ำตาเทียมเพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นให้แก่ดวงตา ห้ามใส่คอนแทคเลนส์นอนเป็นอันขาด ถ้าจะว่ายน้ำให้ใส่แว่นตากันน้ำเสมอ ต้องเลือกคอนแทคเลนส์ให้เหมาะสมตามรูปแบบการใช้ชีวิตของคุณ

ที่มา : TASTE ผู้จัดการรายสัปดาห์ วันที่ 1-7 พฤศจิกายน 2553

1 ส.ค. 2553

เทคนิคการดูแลรักษาคอนแทคเลนส์


ขั้นตอนเบื้องต้นในการดูแลรักษาคอนแทคเลนส์ได้แก่ การทำความสะอาด ผู้ใช้ควรปรึกษาจักษุแพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญก่อนที่จะเลือกใช้หรือเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการทำความสะอาด หรือผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการดูแลรักษาคอนแทคเลนส์ เนื่องจากผลิตภัณฑ์บางประเภทไม่สามารถนำมาใช้ร่วมกันได้ หรือไม่เหมาะสมกับคอนแทคเลนส์บางชนิดที่คุณใช้อยู่ การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ในการดูแลคอนแทคเลนส์ที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้คอนแทคเลนส์ เสียหายหรืออาจเป็นอันตรายต่อดวงตาได้ ขั้นตอนในการดูแลทำความสะอาดคอนแทคเลนส์มีดังนี้

1. ล้างมือให้สะอาดก่อนใส่หรือถอดคอนแทคเลนส์ทุกครั้งเพื่อหลีกเลี่ยงการนำสิ่ง สกปรกหรือเชื้อโรคเข้าสู่ดวงตา ควรหลีกเลี่ยงการใช้สบู่ที่มีส่วนผสมของสารบำรุงผิว ซึ่งเป็นคลีมหรือเหลือคราบเวลาล้างออก เนื่องจากอาจก่อให้เกิดผลเสียต่อคอนแทคเลนส์ได้ หลังจากนั้นจึงเช็ดมือให้สะอาดด้วยผ้าหรือกระดาษที่ไม่มีใยตกค้าง เพื่อหลีกเลี่ยงการระคายเคืองจากใยดังกล่าวที่อาจติดไปกับคอนแทคเลนส์และ เข้าตาได้

2. นำคอนแทคเลนส์ออกมาจากดวงตาครั้งละ 1 ข้างเพื่อทำความสะอาด การทำความสะอาดจะเป็นการกำจัดสิ่งสกปรกที่ดวงตาหลั่งออกมา เรียกว่าคราบ "โปรตีน" และอาจติดค้างอยู่บนผิวของคอนแทคเลนส์, เครื่องสำอางที่ใช้รอบดวงตา หรือสิ่งไม่พึงประสงค์อื่นๆ ที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองเมื่อใส่คอนแทคเลนส์ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเลนส์บางประเภทระบุไว้ชัดเจนว่าผู้ใช้จะต้องถูน้ำยากับเลนส์บนฝ่ามือสักครู่แล้วจึงล้างออก ในขณะที่ผลิตภัณฑ์บางประเภทผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องถูเลยก็ได้ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดคอนแทคเลนส์ได้แก่ น้ำยาทำความสะอาดประจำวัน (Daily Cleaner), น้ำยาอเนกประสงค์ (Multipurpose Solution), ไฮโดรเจนเปอร์อ๊อกไซด์ (Hydrogen Peroxide) และน้ำยาที่ใช้ร่วมกับเครื่องทำความสะอาดและฆ่าเชื้อ (Cleaning Disinfecting) อื่น ๆ

3. ทำการชะล้างน้ำยาทำความสะอาดให้หมดไป ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่สำคัญ ดังนั้นผู้ใช้จึงต้องแน่ใจว่าทำการชะล้างนานพอตามที่บริษัทผู้ผลิตสินค้าได้กำหนดไว้ ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการชะล้างโดยทั่วไปได้แก่ น้ำเกลือ (Saline Solution) และน้ำยาอเนกประสงค์

4. เก็บคอนแทคเลนส์ไว้ในภาชนะบรรจุที่มีน้ำยาฆ่าเชื้อ (Disinfecting Solution) ที่เหมาะสม น้ำยาฆ่าเชื้อจะทำลายเชื้อโรคต่างๆ ที่ติดอยู่บนคอนแทคเลนส์ ระยะเวลาในการแช่คอนแทคเลนส์ในน้ำยาฆ่าเชื้อดังกล่าวจะแตกต่างกันไปตามผลิตภัณฑ์แต่ละชนิด ซึ่งผู้ใช้สามารถทราบได้จากข้อมูลข้างกล่องที่ผู้ผลิตระบุไว้ น้ำยาฆ่าเชื้อที่นิยมใช้โดยทั่วไปได้แก่ น้ำยาอเนกประสงค์และ Hydrogen Peroxide

5. ทำกระบวนการที่ 1-4 ซ้ำกับคอนแทคเลนส์อีกข้างหนึ่ง

28 ก.ค. 2553

คู่มือการใช้คอนแทคเลนส์

วิธีใช้คอนแทคเลนส์

การเตรียมคอนแทคเลนส์
  1. ล้างมือด้วยสบู่อ่อนๆ แล้วล้างน้ำให้สะอาด
  2. เช็ดมือให้แห้งก่อนจับคอนแทคเลนส์ทุกครั้ง
  3. วางคอนแทคเลนส์บนปลายนิ้วชี้ข้างที่ถนัด ตรวจดูรูปทรงให้ถูกต้อง
  4. คือขอบเลนส์ตั้งขึ้น(เหมือนขอบถ้วย)

วิธีใส่คอนแทคเลนส์
การใส่คอนแทคเลนส์
  1. วางเลนส์บนปลายนิ้วชี้ข้างที่ถนัด ใช้นิ้วกลางมือข้างที่ถือคอนแทคเลนส์
  2. ดึงเปลือกตาล่างลงแล้วใช้นิ้วกลางมืออีกข้างหนึ่งดึงเปลือกตาบนขึ้น
  3. มองตรงๆ ไปที่กระจก ใช้นิ้วชี้วางคอนแทคเลนส์ตรงกลางกระจกตาเบาๆ
  4. เหลือบตามองด้านล่างแล้วค่อยๆ ปล่อยมือออก
  5. กระพริบตา และหลับตาสักครู่ คอนแทคเลนส์จะเคลื่อนไปอยู่ตรงกลางดวงตาโดยอัตโนมัติ

วิธีใช้คอนแทคเลนส์
การถอดคอนแทคเลนส์
  1. ล้างมือให้สะอาด และเช็ดมือให้แห้ง
  2. มองที่กระจกใช้นิ้วกลางดึงเปลือกตาล่างลง แล้วใช้นิ้วกลางอีกข้างหนึ่งดึงเปลือกตาบนขึ้น
  3. ใช้นิ้วชี้เลื่อนคอนแทคเลนส์ลงมาบริเวณตาขาวส่วนล่าง ค่อยๆ หยิบคอนแทคเลนส์ออกโดยใช้นิ้วหัวแม่มือ และนิ้วชี้ห้ามใช้เล็บเด็ดขาด
  4. ถอดคอนแทคเลนส์ออก แล้วล้างทำความสะอาดทุกครั้งด้วยน้ำยาล้างทำความสะอาด

การล้างทำความสะอาดคอนแทคเลนส์
  1. ล้างมือให้สะอาด และเช็ดให้แห้งก่อนจับคอนแทคเลนส์ทุกครั้ง
  2. วางคอนแทคเลนส์บนฝ่ามือ หยดน้ำยา 3-4 หยดลงบนคอนแทคเลนส์ ใช้นิ้วถูเบาๆ ทั้งสองด้าน ข้างละ 10 วินาที จนสะอาดหมดคราบสกปรก
  3. ฉีดล้างคอนแทคเลนส์ทั้งสองด้านด้วยน้ำยา เป็นเวลา 5 วินาที
  4. แช่คอนแทคเลนส์ในน้ำยา เพื่อฆ่าเชื้อโรคอย่างน้อย 4 ชั่วโมงหรือทิ้งไว้ข้ามคืน
  5. ปิดฝาตลับแช่คอนแทคเลนส์ให้เเน่น

ข้อห้ามใช้
  • ห้ามใช้เกินระยะเวลาที่กำหนด
  • ห้ามใส่นอนและว่ายน้ำ เพราะอาจทำให้ติดเชื้อที่ตาได้
ข้อควรระวัง
  • ล้างมือให้สะอาดทุกครั้งก่อนใช้
  • ไม่ควรใช้และหยุดใช้ทันทีถ้ามีสภาวะผิดปกติของตา
  • ควรเปลี่ยนน้ำยาฆ่าเชื้อในตลับทุกวัน และเปลี่ยนตลับทุก 3 เดือน

24 ก.ค. 2553

7 คำถามควรรู้ก่อนใส่ คอนแทคเลนส์

ใครหลาย ๆ คนที่กำลังตัดสินใจเปลี่ยนจากการใช้แว่นสายตา หันมาใช้คอนแทคเลนส์ รวมทั้งผู้ใส่คอนแทคเลนส์อยู่เป็นประจำ อาจมีข้อสงสัยที่ยังรอคำตอบเกี่ยวกับคอนแทคเลนส์ วันนี้เรามีเรื่องน่ารู้ก่อนตัดสินใจใช้คอนแทคเลนส์จากศูนย์ดวงตา สภากาชาดไทย มาฝากค่ะ


1) คอนแทคเลนส์มีอันตรายต่อดวงตาของผู้ใช้ได้หรือไม่
ตอบ มีแน่นอนค่ะ เพราะดวงตาเป็นอวัยวะที่ละเอียดอ่อน ถ้าคิดที่จะใช้ ควรจะได้รับการตรวจดวงตาจากจักษุแพทย์ก่อน เพื่อดูว่ามีโรคตาที่เป็นข้อห้ามในการใช้คอนแทคเลนส์หรือไม่ เลนส์ที่ใช้อยู่เหมาะสมกับดวงตาหรือไม่ เช่น เลนส์นั้นมีความโค้งเข้ากับความโค้งของกระจกตาคุณหรือเปล่า ถ้าคับหรือหลวมไปอาจเป็นอันตรายได้ หรือน้ำตาของคุณมีเพียงพอสำหรับใช้เลนส์ชนิดใด เช่น ถ้าน้ำตาค่อนข้างน้อยควรใช้เลนส์ชนิดแข็ง เป็นต้น

2) คอนแทคเลนส์ชนิดใส่ครั้งเดียวทิ้ง มีคุณสมบัติดีกว่าแบบใส่เป็นปีจริงหรือไม่
ตอบ ไม่เสมอไป การเปลี่ยนบ่อย ๆ ข้อดีคือได้เลนส์ที่สะอาด กำจัดปัญหาที่เกิดจากเลนส์สกปรก เช่น ระคายตา ตาอักเสบ หรือตามัว เลนส์ชนิดนี้เป็นเลนส์ที่ใส่นอนได้ เลยมักเป็นเลนส์ที่อมน้ำมาก หรือบางมาก เพื่อให้ออกซิเจนผ่านไปที่กระจกตาได้ดี ซึ่งจะแห้งเร็วและไม่ค่อยคงรูปในขณะใส่ ทำให้ความชัดของภาพที่เห็นเปลี่ยนแปลงขณะกะพริบตา โดยเฉพาะในรายที่มีสายตาเอียงมาก

3) การใช้คอนแทคเลนส์ จะป้องกันสายตาไม่ให้ผิดปกติเพิ่มขึ้นได้จริงหรือไม่
ตอบ ไม่จริง ยกเว้นบางรายที่ใช้เลนส์ชนิดแข็ง หรือครึ่งแข็งครึ่งนิ่ม (Gas Permeable Lens) สายตาอาจไม่เปลี่ยนแปลงหรือลดลงเล็กน้อยได้ เนื่องจากความโค้งของกระจกตาเปลี่ยนไป

4) คอนแทคเลนส์ทำให้ดวงตาติดเชื้อโรคได้หรือเปล่า
ตอบ คอนแทคเลนส์ที่สกปรก เนื่องจากไม่ได้รับการดูแลที่ถูกต้องสามารถทำให้ติดเชื้อได้ ดังนั้นก่อนนำไปใช้ทุกครั้งจะต้องแช่เลนส์ไว้ในน้ำยาอย่างน้อย 5-6 ชั่วโมง หรือแช่ทิ้งไว้ตลอดคืนจะสามารถฆ่าเชื้อโรคได้ และห้ามนำเลนส์ไปแช่ในน้ำเกลือโดยเด็ดขาด นอกจากนั้นผู้ใช้ควรปิดตลับ และขวดน้ำยาให้เรียบร้อยก่อนที่จะไปล้างมือด้วย สบู่ เพื่อป้องกันการปนเปื้อน ส่วนตลับใส่เลนส์ควรล้างด้วยสบู่และลวกน้ำร้อนทุกเดือน และควรเปลี่ยนตลับบ่อย ๆ หรือทุก 6 เดือน

5) ถ้าเข้าใกล้เตาไฟร้อน ๆ คอนแทคเลนส์จะละลายได้หรือไม่
ตอบ ไม่

6) จะรู้ได้อย่างไรว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้นแล้วหลังจากใส่คอนแทคเลนส์
ตอบ ถ้าใส่เลนส์แล้วมีอาการระคายเคือง เจ็บ น้ำตาไหล ตามัว หรือตาแดง สิ่งเหล่านี้ถ้าเกิดขึ้น ต้องหยุดใช้เลนส์ทันที และควรพบจักษุแพทย์โดยด่วน

7) ทำไมบางครั้งเมื่อใส่คอนแทคเลนส์ไปนาน ๆ หรือใส่นอนข้ามคืน จึงเห็นแสงสีรุ้งรอบดวงไฟ
ตอบ ที่เป็นเช่นนั้น เกิดจากการใช้เลนส์นานเกินไป ควรให้จักษุแพทย์ตรวจดูว่าเลนส์นั้นเหมาะกับตาของคุณหรือไม่ หรืออาจเกิดจากกระจกตาบวม เนื่องจากมีออกซิเจนไปถึงกระจกตาไม่เพียงพอ ทั้งนี้เป็นเพราะเลนส์ที่ใช้เป็นชนิดที่ใส่ตอนนอนหลับไม่ได้ แต่คุณยังทำ หรืออาจเกิดจากเลนส์สกปรก หรือเลนส์หมดอายุ

ข้อดีของคอนแทคเลนส์ นอกจากจะเพิ่มความสะดวกสบายและเสริมบุคลิกที่ดีแล้ว อย่าลืมเติมความใส่ใจให้กับความสะอาดและการดูแลที่ดีอีกสักนิด เพื่อถนอมดวงตาคู่สวยให้อยู่กับคุณตลอดไป

ที่มา : ชีวจิต

22 ก.ค. 2553

เรื่องน่ารู้ : คอนแทคเลนส์เริ่มมีมาตั้งแต่เมื่อไร ?

ปัจจุบันมีประชากรกว่า 2% จากทั่วโลกที่ใส่คอนแทคเลนส์ หรือคิดเป็นประมาณ 125 ล้านคน (ที่อเมริกา 28-38 ล้านคน และที่ญี่ปุ่น 13 ล้านคน ฯลฯ) โดยเหตุผลที่ใส่ใส่คอนแทคเลนส์ก็มีหลายเหตุผล และหนึ่งในนั้นคือ เพื่อความคล่องตัว เพราะการใส่คอนแทคเลนส์จะทำให้คล่องตัวมากกว่าการสวมแว่นตา เช่น เล่นกีฬา ฯลฯ อีกทั้งในประเทศที่อากาศหนาว คอนแทคเลนส์มีผลกระทบน้อยมากเมื่อเทียบกับการใส่แว่นตา และคอนแทคเลนส์ยังสามารถมองได้ในมุมที่กว้าง เพราะไม่มีกรอบมาจำกัดเหมือนแว่นตา

ที่มาของเจ้าเลนส์จิ๋วมหัศจรรย์ มันมีที่มาที่ไปอย่างไร ?

ในปี 1887 Adolf Fick ได้ผลิตคอนแทคเลนส์สำเร็จเป็นครั้งแรก โดยมันถูกทำมาจากกระจกสีน้ำตาล ซึ่งเขาได้รับความรู้เกี่ยวกับดวงตาส่วนคลอเนียมาจากหนังสือ Codex of the eye, Manual D เขียนโดย Leonardo da Vinci

ความรู้เกี่ยวกับกระจกที่ของเหลวสามารถซึมเข้าไปได้และไปติดอยู่ที่คลอเนียได้ René Descartes ใช้กระจกใส แต่ความคิดนี้ก็ไม่ประสบผลสำเร็จ Thomas Young ก็ได้ทำการทดลองคล้ายๆกันนี้ในปี 1801

ต่อมา Sir John Herschel ได้เสนอความคิดออกมา 2 แบบ คือเรื่องเกี่ยวรูปร่างของคอนแทคเลนส์ ซึ่งควรมีลักษณะเป็นวงกลม และความคิดที่สองคือควรมีลักษณะเหมือนเจล โปร่งใสในระดับปานกลาง ซึ่งแนวความคิดทั้งสองนี้ทำให้ในปี 1929 Hungarian Dr. Dallos สามารถหาวิธีที่ดีที่สุดในการผลิตคอนแทคเลนส์ ซึ่งเขาเป็นคนแรกที่สามารถผลิตคอนแทคเลนส์ที่เหมาะสำหรับใช้กับดวงตาได้

ปี 1930 ได้มีการนำ polymethyl methacrylate (PMMA หรือ Perspex/Plexiglas) มาใช้ผลิตคอนแทคเลนส์ และมีการพัฒนาต่อมาโดย William Feinbloom ได้ผลิตคอนแทคเลนส์ ด้วยการใช้พลาสติกผสมกับแก้ว ข้อเสียสำคัญของ polymethyl methacrylate คือ ออกซิเจนไม่สามารถผ่านได้ เลนส์ชนิดนี้จะเป็นเลนส์แบบแข็ง ส่วนเลนส์แบบนุ่มถูกสร้างโดย Otto Wichterle ซึ่งสร้างมาจาก เจล ในปี 1959 และในปี 1999 ได้นำ silicone hydrogels มาผลิตทำคอนแทคเลนส์ เพราะเลนส์ชนิดนี้ออกซิเจนสามารถผ่านได้และใช้มาจนถึงปัจจุบันนี้

Loading

Share

Twitter Delicious Facebook Digg Stumbleupon Favorites More