แฟชั่น บิ๊กอาย

บิ๊กอาย กับ แฟชั่นในปัจจุบัน

เลนส์ตาโต เป็นคอนแทคเลนส์ชนิดตาโต หรือที่วัยรุ่นเรียกกันว่า “บิ๊กอาย”จะเหมือนกับคอนแทคเลนส์แฟชั่นสมัยก่อนที่มีสีสันให้เลือกมากมาย แต่ที่แตกต่างคือ เลนส์สีบริเวณตรงกลางดวงตาจะเป็นเลนส์ใสปกติแต่บริเวณขอบเลนส์จะมีสีดำ ทำให้ขอบตาคุณดูชัดมากขึ้น มีราคาตั้งแต่ 450 – 2,000 บาท

ใส่บิ๊กอายตาติดเชื้อ

บิ๊กอายทำตาบอด ติดเชื้อแบคทีเรีย แพทย์เตือนวัยโจ๋

แพทย์เตือนอันตรายจากคอนแทกท์เลนส์ "บิ๊กอาย" หลังมีผู้ป่วยติดเชื้อสูโดโมแนสที่ตา ทำให้เกิดการอักเสบอย่างรุนแรงต้องเข้ารับการรักษาตัวแล้ว 4 ราย จักษุแพทย์ ระบุ เป็นแบคทีเรียร้ายแรงลามกินตาดำได้ภายใน 2 วัน รักษาไม่ทันถึงขั้นตาบอด ผู้ป่วยรับหาซื้อง่ายแม้กระทั่งตามตลาดนัด จี้ภาครัฐออกมาเข้มงวด เพราะจัดอยู่ในกลุ่ม เครื่องมือแพทย์ ต้องได้รับอนุญาตจาก อย.

เลดี้ กาก้า Lady Gaga ใส่บิ๊กอาย

เลดี้กาก้า นำเทรนบิ๊กอาย อเมริกาเตือน Big Eye เป็นอันตราย ผิดกฏหมายในอเมริกา

นับตั้งแต่กระแสความโด่งดังของ Music Video "Bad Romance" ของนักร้องสาวชาวอังกฤษ Lady Gaga ทำให้วัยรุ่นอเมริกันเริ่มนิยมใส่ Contact Lenses ที่เรียกว่า "Big Eye" กันเป็นจำนวนมาก จนหลายฝ่ายต้องออกมาเตือนในการใช้และการเลือกซื้อ เพราะวัยรุ่นจำนวนมากนิยมสั่งซื้อผ่านอินเตอร์เน็ต จากร้านค้าออนไลน์ในแถบเอเชีย...

บิ๊กอาย คอนแทคเลนส์ปลอม

อันตรายจากการใช้คอนแทคเลนส์แฟชั่น "บิ๊กอาย"

กระแสคอนแทคเลนส์แฟชั่นได้แพร่ระบาดเข้าสู่ประเทศไทยเมื่อประมาณต้นปี 2549 ที่ผ่านมา โดยวัยรุ่นไทยนิยมใส่คอนแทคเลนส์แฟชั่นเพื่อให้ตา กลมโตเลียนแบบดาราเกาหลี และญี่ปุ่น คอนแทคเลนส์แฟชั่นดังกล่าวเป็นที่รู้จักกันดีในนาม บิ๊กอายส์ หรือ คอนแทคเลนส์ตาโต ราคาก็มีตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักพัน ระยะเวลาการใช้งานก็มีให้เลือกหลากหลาย ตั้งแต่ 1 เดือนไปจนถึง 1 ปี

20 พ.ย. 2565

โรคที่เกิดการการใส่คอนแทคเลนส์ไม่ถูกต้อง

คอนแทคเลนส์ แม้จะมีประโยชน์ แต่ก็มีอันตรายมากเช่นกัน เพราะต้องสัมผัสกับดวงตาโดยตรง ซึ่งการใช้คอนแทคเลนส์ที่ไม่สะอาดและถูกสุขลักษณะอาจก่อให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ที่อาจร้ายแรงได้ การดูแลรักษาที่ไม่ดีก็อาจทำให้คอนแทคเลนส์กลายเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคสารพัดชนิดที่ก่อให้เกิดอันตรายที่กระจกตา เช่น


- เยื่อบุตาอักเสบเนื่องจากสารเคมี (Toxic Conjunctivitis) เกิดจากการแพ้สารประกอบที่ใช้ในผลิตภัณฑ์ดูแลคอนแทคเลนส์ เมื่อคอนแทคเลนส์ดูดซึมสารเหล่านี้เข้าไปจึงทำให้ผู้ใช้ได้สัมผัสกับสารจนเกิดอาการแพ้ 

- แผลอักเสบที่กระจกตา (Superficial Punctate Keratitis) เป็นอาการที่เกิดขึ้นการอาการตาแห้ง ซึ่งมีสาเหตุมาจากมลพิษ การอยู่ในห้องที่อากาศแห้ง หรือการใช้ยาบางชนิด โดยอาการที่เห็นได้ชัดคือจะเกิดแผลเล็ก ๆ บริเวณด้านล่างของกระจกตา ซึ่งจะไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าได้ชัด จะต้องใช้กล้องตรวจตา หรือแสงสีฟ้าส่องจึงจะเห็น แผลอักเสบนี้จะนำไปสู่ปัญหาอื่น ๆ เช่น คอนแทคเลนส์ฉีกขาด รู้สึกเจ็บเวลาสวมคอนแทคเลนส์ อาการเลนส์คับแเน่น (Tight Lenses Syndrome) มักพบในผู้ที่สวมใส่คอนแทคเลนส์ชนิดแข็ง การสวมใส่ติดต่อกันนาน ๆ จะทำให้คอนแทคเลนส์ติดแน่นกับกระจกตา เป็นสาเหตุให้ผู้สวมใส่กระพริบตาได้น้อยลง อาการที่อาจพบได้คือ กระจกตาบวมน้ำ หากไม่ได้รับการรักษาที่ดีก็จะทำให้หลับตาได้ไม่สนิท ต่อมน้ำตาทำงานผิดปกติ และกระจกตาแห้ง 

- กระจกตาอักเสบเนื่องจากเชื้อแบคทีเรีย (Microbial Keratitis) ถือเป็นสิ่งที่อันตรายที่สุด เพราะอาจทำให้ผู้ที่ใส่คอนแทคเลนส์ตาบอดได้ พบได้บ่อยให้ผู้ที่ใส่คอนแทคเลนส์ชนิดนิ่ม และผู้ที่ชอบใส่คอนแทคเลนส์ขณะนอนหลับ การติดเชื้อนี้เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่ตกค้างอยู่ภายในคอนแทคเลนส์ เมื่อกระจกตาสัมผัสกับเลนส์ที่ติดเชื้อ จะทำให้เกิดอาการเจ็บตา ตาแฉะ ตาแดง ตาไม่สู้แสง และระคายเคือง ซึ่งหากเกิดอาการ

การใส่คอนแทคเลนส์ที่ไม่สะอาดอาจ จึงก่อให้เกิดปัญหาได้หลายประการโดยจะส่งผลกับกระจกตาและการมองเห็นในอนาคต ดังนั้น ผู้สวมใส่จึงต้องมีความใส่ใจในการดูแลรักษาความสะอาด และเลือกใส่คอนแทคเลนส์ที่เหมาะสม ได้มาตรฐาน 

คอนแทคเลนส์แต่ละประเภท

ปัจจุบัน คอนแทคเลนส์แบ่งออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ ๆ ดังนี้ 

1) คอนแทคเลนส์ชนิดนิ่ม (Soft Contact Lenses) เป็นคอนแทคเลนส์ประเภทที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ผลิตจากพลาสติกชนิดพิเศษที่มีลักษณะนิ่ม บิดงอได้ คุณสมบัติในการอุ้มน้ำสูง และออกซิเจนสามารถผ่านเข้าไปยังกระจกตาได้ อีกทั้งยังใช้ง่าย โดยคอนแทคเลนส์แบบนิ่มจะใช้เพื่อแก้ปัญหาสายตาสั้น-ยาว สายตาเอียง อีกทั้งยังใช้ในผู้สูงอายุที่มีภาวะสายตายาวตามอายุ รวมถึงผู้ป่วยที่มีผิวกระจกตาขรุขระเนื่องจากกระจกตาเป็นแผล ซึ่งคอนแทคเลนส์แบบนิ่มก็ยังแบ่งออกเป็นอีก 3 ประเภทย่อย ๆ ได้แก่
- คอนแทคเลนส์รายวัน (Daily Wear Lenses) เป็นคอนแทคเลนส์ชนิดที่สามารถใส่ได้ในระหว่างวัน และถอดเพื่อทำความสะอาดในตอนเย็น ซึ่งอายุการใช้งานจะขึ้นอยู่กับผู้ผลิต มีทั้งแบบอายุการใช้งานหลายเดือน หรือมีอายุการใช้งานเป็นปี แต่ก็ไม่ควรใส่ติดต่อกันเกินวันละ 8-10 ชั่วโมง และไม่ควรใส่นอน 
- คอนแทคเลนส์ชนิดใส่ได้ในระยะยาว (Extended Wear Lenses) คอนแทคเลนส์ชนิดนี้สามารถใส่ได้นานกว่าคอนแทคเลนส์ชนิดแรก อาจสามารถใส่ติดต่อได้หลายวันโดยไม่ต้องถอดออกมาทำความสะอาด แต่แพทย์ส่วนใหญ่มักจะไม่แนะนำให้ใส่นอน และควรถอดออกมาทำความสะอาดอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง เพื่อป้องกันความเสี่ยงการติดเชื้อ
- คอนแทคเลนส์แบบใช้แล้วทิ้ง (Disposable Lenses) เป็นคอนแทคเลนส์ชนิดที่สามารถใช้แล้วทิ้งได้ในทันทีโดยไม่ต้องทำความสะอาด ทำให้ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน มีทั้งแบบรายวัน รายสัปดาห์ และราย 2 สัปดาห์

2) คอนแทคเลนส์ชนิดแข็ง (Hard Contact Lenses) คอนแทคเลนส์ชนิดนี้มีอีกชื่อหนึ่งว่าคอนแทคเลนส์ชนิดแข็งที่ก๊าซสามารถซึมผ่านได้ (Rigid Gas Permeable Lenses: RGP Lenses) เป็นคอนแทคเลนส์ที่ผลิตจากพลาสติกชนิดพิเศษที่ออกซิเจนสามารถผ่านตัวเลนส์ไปยังกระจกตาได้มาก ทำให้เกิดความเสี่ยงในการติดเชื้อที่ดวงตาลดลง และมองเห็นได้ชัดกว่า อีกทั้งยังใช้ได้นาน มีความคงทนสูงต่อรอยขูดขีดหรือคราบสกปรกที่เกาะบนคอนแทคเลนส์ เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งของผู้ที่มีปัญหาสายตา แต่ไม่สามารถใช้คอนแทคเลนส์ชนิดนิ่มได้เนื่องจากสวมใส่แล้วไม่สบายตา หรือมีปัญหาเรื่องตาแห้ง ซึ่งข้อดีของคอนแทคเลนส์ชนิดนี้คืออากาศผ่านได้ อีกทั้งยังสามารถถอดนำมาทำความสะอาดได้

3) คอนแทคเลนส์ชนิดพิเศษ (Specialized Contact Lenses) เป็นคอนแทคเลนส์ชนิดที่ผลิตขึ้นโดยเฉพาะเพื่อจุดประสงค์ที่แตกต่างกันไป ตัวอย่างเช่น 
- คอนแทคเลนส์แบบไฮบริด (Hybrid Contact Lenses) เป็นคอนแทคเลนส์ชนิดพิเศษที่มีทั้งแบบชนิดนิ่มและชนิดแข็งอยู่ด้วยกัน สามารถแก้ปัญหาสายตา ทั้งสั้น-ยาว สายตาเอียงหรือผู้ที่มีกระจกตาผิดปกติ และผู้สูงอายุที่มีปัญหาเรื่องกระจกตา เป็นต้น เหมาะกับคนที่มีปัญหาในการใส่คอนแทคเลนส์ชนิดแข็ง 
- คอนแทคเลนส์หลายระดับ (Multifocal Contact Lenses) เป็นคอนแทคเลนส์ที่มีทั้งแบบแข็งและนิ่ม ซึ่งภายในเลนส์จะมีค่าสายตาหลายระดับเพื่อให้เหมาะต่อการใช้งาน นิยมใช้ในผู้ที่มีปัญหาสายตาเสื่อมสภาพลงตามวัย
- คอนแทคเลนส์สี (Tinted Contact Lenses) แบ่งออกได้เป็นหลายชนิดตามจุดประสงค์ในการใช้ ได้แก่ ใช้เพื่อความสวยงาม เช่น คอนแทคเลนส์สีแฟชั่น หรือคอนแทคเลนส์บิ๊กอาย ซึ่งมีวางขายตามท้องตลาด โดยคอนแทคเลนส์ชนิดนี้จะต้องระมัดระวังและเลือกใช้ที่ได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาเพื่อความปลอดภัย นอกจากนี้ยังมีคอนแทคเลนส์สีชนิดที่ช่วยกรองแสงยูวี และคอนแทคเลนส์สีที่ช่วยแก้ปัญหาตาบอดสี ซึ่งจะต้องได้รับการแนะนำหรือคำสั่งจากจักษุแพทย์จึงจะสามารถใช้ได้ 


การใส่คอนแทคเลนส์อย่างปลอดภัย

ใครที่ไม่ควรใส่คอนแทคเลนส์
ผู้ที่มีโรคประจำตัวดังต่อไปนี้ ผู้ป่วยโรคผิวหนังที่มีอาการบริเวณหนังตา เปลือกตา ผู้ที่มีอาการตาแห้ง และกระจกตาผิดปกติ ผู้ป่วยโรคไทรอยด์ที่มีอาการตาโปน เพราะตาโปนจะทำให้คอนแทคเลนส์หลุดออกมาได้ง่าย ผู้ป่วยโรคเบาหวานที่มีการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดไม่ค่อยดี เพราะอาจมีปัญหาคุณภาพน้ำตาได้ ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ที่มีโอกาสเสี่ยงในการแพ้พลาสติกที่ใช้ทำคอนแทคเลนส์หรือน้ำยาล้างคอนแทคเลนส์ได้ ผู้ป่วยที่มีปัญหาในการหยิบจับคอนแทคเลนส์ เนื่องจากอาการป่วย เช่น โรคมือสั่นจากสมอง หรือโรคผิวหนังบริเวณนิ้วหรือเล็บ

การใส่คอนแทคเลนส์ให้ถูกวิธีและปลอดภัย
คอนแทคเลนส์เป็นอุปกรณ์ที่ต้องสัมผัสกับกระจกตา ซึ่งเป็นส่วนที่บอบบางมาก จึงมีความจำเป็นที่จะต้องสวมใส่คอนแทคเลนส์ให้ถูกวิธี ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงการติดเชื้อที่กระจกตาที่อาจนำมาสู่ปัญหาร้ายแรงได้ โดยวิธีการสวมใส่คอนแทคเลนส์ที่ถูกต้องและปลอดภัยมีดังนี้ เลือกใช้คอนแทคเลนส์ที่เหมาะกับสภาพดวงตา ควรปรึกษาจักษุแพทย์ก่อนใช้ เพื่อตรวจวัดระดับสายตาว่ามีอาการของสายตาสั้น สายตายาว หรือมีสายตาเอียงร่วมด้วยหรือไม่ โดยแพทย์จะทำการตรวจดูลักษณะน้ำตา สภาพลูกตา อาชีพ และกิจกรรมของผู้ใช้ เนื่องจากคอนแทคเลนส์ทุกชนิดมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน เพื่อที่แพทย์จะแนะนำคอนแทคเลนส์ที่เหมาะสมที่สุดได้ สวมคอนแทคเลนส์ในระยะเวลาตามที่แพทย์แนะนำเท่านั้น หากจำวันที่เปลี่ยนคอนแทคเลนส์ไม่ได้ ควรจดบันทึกแจ้งเตือน ไม่ใช้คอนแทคเลนส์ร่วมกับผู้อื่น เพราะอาจทำให้ติดเชื้อรุนแรง ไม่ควรสวมคอนแทคเลนส์สลับข้างกัน ซ้าย-ขวา ไม่ควรนอนหลับขณะที่ยังสวมคอนแทคเลนส์อยู่ เพราะจะทำให้ออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงที่ดวงตาได้ไม่เต็มที่ ไม่ควรให้ปลายของขวดน้ำยาล้างคอนแทคเลนส์สัมผัสกับสิ่งอื่น ๆ เพราะจะทำให้เกิดการปนเปื้อนได้ สวมแว่นตากันแดดทุกครั้งที่ใส่คอนแทคเลนส์ เพื่อลดอาการแสบตาเนื่องจากขณะสวมคอนแทคเลนส์จะทำให้ดวงตาไวต่อแสง ดูแลดวงตาให้ชุ่มชื้นอยู่เสมอด้วยการหยอดน้ำตาเทียม หรือสารละลายน้ำเกลือ ควรใส่คอนแทคเลนส์ด้วยปลายนิ้วชี้และก่อนใส่ ควรสังเกตคอนแทคเลนส์ เพื่อป้องกันการใส่คอนแทคเลนส์ผิดด้าน ซึ่งอาจส่งผลให้รู้สึกไม่สบายตา โดยวิธีการสังเกตด้านคอนแทคเลนส์ที่ถูกต้อง คือ จะมีลักษณะคล้ายตัวยู (U) แต่ถ้าหากผิดด้าน รูปทรงของคอนแทคเลนส์จะมีลักษณะแหลม หากรู้สึกระคายเคืองตา ให้ถอดคอนแทคเลนส์ออกในทันที และไม่ควรใส่อีกจนกว่าจะได้พบแพทย์ ไม่ควรใส่คอนแทคเลนส์ขณะว่ายน้ำ การดูแลรักษาดวงตาและคอนแทคเลนส์ให้ถูกต้อง นอกจากการใส่คอนแทคเลนส์ที่ถูกต้องแล้ว การดูแลรักษาดวงตาและคอนแทคเลนส์ก็สำคัญเช่นกัน เพราะจะช่วยลดความเสี่ยงของการติดเชื้อที่ดวงตาได้ และวิธีการดูแลรักษาที่ถูกต้องมีดังนี้ 

การดูแลรักษาคอนแทคเลนส์
ก่อนหยิบจับคอนแทคเลนส์ทุกครั้ง ควรล้างมือด้วยสบู่ให้สะอาด และเช็ดมือด้วยผ้าเช็ดมือที่สะอาดเพื่อป้องกันการปนเปื้อน ห้ามแช่หรือล้างคอนแทคเลนส์ในน้ำสะอาดโดยเด็ดขาด หากต้องแต่งหน้า ควรใส่คอนแทคเลนส์ก่อนแต่งหน้าบริเวณดวงตา ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่ได้มาตรฐาน หรือตามที่แพทย์สั่งเท่านั้น จะช่วยยืดอายุการใช้งานของคอนแทคเลนส์และป้องกันการติดเชื้อที่ดวงตาได้ ห้ามใช้น้ำลายเพื่อทำความสะอาดคอนแทคเลนส์หรือทำให้คอนแทคเลนส์ชุ่มชื้น เพราะในน้ำลายเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค ห้ามนำสารละลายน้ำเกลือ หรือน้ำตาเทียมทำความสะอาดคอนแทคเลนส์โดยเด็ดขาด ในขณะทำความสะอาดคอนแทคเลนส์ ควรถูคอนแทคเลนส์ด้วยปลายนิ้วเบา ๆ เพื่อขจัดเชื้อ หรือสิ่งแปลกปลอม และควรล้างตลับใส่คอนแทคเลนส์ จากนั้นตากให้แห้งเพื่อทำการฆ่าเชื้อ ควรเปลี่ยนตลับคอนแทคเลนส์อย่างน้อยทุก 3 เดือน หากต้องเดินทาง ไม่ควรแบ่งน้ำยาล้างคอนแทคเลนส์ใส่ขวดอื่น ๆ เพราะจะทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อ ห้ามใช้น้ำยาล้างคอนแทคเลนส์ที่เก่าเก็บหรือเปิดทิ้งไว้เป็นเวลานานแล้ว อีกทั้งยังควรสังเกตวันหมดอายุของน้ำยาคอนแทคเลนส์ การดูแลรักษาดวงตา คอนแทคเลนส์ (Contact Lens) แม้จะผลิตภัณฑ์แก้ปัญหาสายตายอดนิยมของคนในปัจจุบัน ที่ทั้งสามารถช่วยปรับเปลี่ยนบุคลิกและเพิ่มความคมชัดในผู้มีปัญหาสายตา แต่ผู้ใช้คอนแทคเลนส์ควรรู้หลักในการใช้ที่ถูกต้องและควรรักษาความสะอาดอย่างมาก เพราะการใช้อย่างไม่ระมัดระวังอาจทำให้เกิดผลร้ายแรงถึงขั้นตาบอดได้ ดังนั้น หากเมื่อรู้สึกใส่แล้วมองไม่ชัด มีอาการระคายเคือง หรือมองไม่เห็น เห็นแสงวูบวาบ มีอาการเจ็บตา ดวงตาติดเชื้อ ตาบวม หรือมีอาการแดงผิดปกติ ควรรีบถอดคอนแทคเลน์ออกแล้วรีบไปพบจักษุแพทย์ทันที ทั้งนี้ ควรหลีกเลี่ยงการใช้คอนแทคเลนส์แฟชั่นที่ซื้อจากร้านที่ไม่มีมาตรฐาน และไม่มีการรับรองจาก สำนักงานคณะกรรมอาหารและยา เพราะคอนแทคเลนส์ที่ไม่ได้มาตรฐานอาจเป็นอันตรายจนทำให้ตาบอดได้

ที่มาเนื้อหา : pobpad.com

15 เม.ย. 2556

[ข่าว] ทำไม ห้าม ใส่บิ๊กอายส์ คอนแทคเลนส์ เล่นสงกรานต์

นายแพทย์ฐานปนวงศ์ ตั้งอุไรวรรณ จักษุแพทย์เชี่ยวชาญประจำโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า จ.นนทบุรี ให้สัมภาษณ์ว่า เทศกาลสงกรานต์ทุกปีมักจะมีผู้ได้รับอันตรายจากการเล่นน้ำเข้ารักษาที่ คลินิกหรือที่โรงพยาบาล ส่วนใหญ่ที่พบบ่อยคือ ตาแดง ตาอักเสบ หูอื้อ จึงขอแนะนำให้เล่นน้ำสงกรานต์อย่างปลอดภัย เล่นอย่างสุภาพ อนุรักษ์ขนบธรรมเนียมประเพณีไทยดั้งเดิม
เนื่องจากปัจจุบันวัยรุ่นส่วนใหญ่ จะมีการเล่นน้ำสงกรานต์กันแบบรุนแรง เช่น ใช้ปืนฉีดน้ำชนิดที่มีแรงดันสูง เสี่ยงเกิดอันตรายจากแรงดันน้ำ โดยน้ำที่จะนำมาเล่นควรเป็นน้ำสะอาด เช่น น้ำประปา น้ำบาดาล ไม่ควรใช้น้ำสกปรก เช่น น้ำในลำคลอง หรือน้ำที่อยู่ริมถนน เนื่องจากน้ำดังกล่าวจะมีสิ่งปนเปื้อน เช่น เชื้อแบคทีเรีย และพยาธิ รวมถึงสารพิษจากสารเคมี หากน้ำที่ไม่สะอาดเข้าสู่ร่างกาย เช่น หากเข้าตาอาจเกิดอาการระคายเคืองตา ทำให้ ตาแดง หรือตาอักเสบรุนแรงอาจถึงขั้นตาบอดได้ หากเข้าปากจะเสี่ยงเป็นโรคอุจจาระร่วง และหากมีการสำลักน้ำที่มีเชื้อโรคปนเปื้อน เชื้ออาจเข้าสู่ปอดหรือสมอง ทำให้ปอดหรือสมองอักเสบ อาจกลายเป็นผู้พิการได้ และหากเข้าหูอย่างรุนแรง อาจทำให้หูอื้อ
 
นายแพทย์ฐานปนวงศ์กล่าวต่อว่า การใช้ปืนฉีดน้ำ หรือกระบอกฉีดท่อพีวีซีที่มีแรงดันสูง โดยเฉพาะที่สามารถฉีดน้ำไปได้ไกลถึง 4 เมตร นับว่ามีอันตรายมากเนื่องจากแรงดันของน้ำจะเป็นอันตรายต่ออวัยวะที่บอบบาง เช่น ตา ทำให้เกิดอันตราย แก้วตาดำทะลุ เลือดออกช่องม่านตาดำ ทำให้ตามัว และอาจถึงกับตาบอดได้ หากฉีดน้ำเข้าหูจะทำให้แก้วหูทะลุ หรือหูอื้อ โดยผู้ที่ต้องระมัดระวังเป็นกรณีพิเศษ เช่น ผู้ที่ใส่บิ๊กอายส์ คอนแทคเลนส์ ผู้ป่วยที่เคยผ่าตัดต้อกระจก ผู้ที่เป็นต้อหิน เยื่อบุตาขาวอักเสบ ภูมิแพ้ จะเกิดปัญหาได้ง่ายกว่าคนทั่วไป หากจะเล่นน้ำสงกรานต์ คนที่ใส่ใส่บิ๊กอายส์ หรือคอนแทคเลนส์ ควรถอดออกก่อน เพื่อป้องกันเชื้อที่อยู่ในน้ำเข้าตา หรือปัญหาตาแห้ง จากการถูกแสงแดดเป็นเวลานาน จะมีผลทำให้เกิดการระคายเคืองทำให้กระจกตาเป็นแผล และอักเสบได้
 
ในกรณีผู้มีปัญหาทางสายตา หากหลีกเลี่ยงการเล่นสงกรานต์ไม่ได้ ควรสวมใส่แว่นตาชนิดที่มีที่ครอบบริเวณตา แว่นบังลม แว่นที่ใช้ว่ายน้ำ เป็นต้น ซึ่งจะป้องกันไม่ให้น้ำเข้าตาได้โดยตรง ทั้งนี้ ขณะเล่นน้ำสงกรานต์ หากน้ำไม่สะอาดเข้าตาควรรีบล้างด้วยน้ำสะอาดทันที หากมีสิ่งแปลกปลอมเข้าตาห้ามขยี้ ลืมตาในน้ำและกลอกตาไปมาเพื่อให้สิ่งแปลกปลอมหลุดออก และควรรีบพาไปไปพบแพทย์ เพื่อรับการรักษาอย่างทันท่วงที และหลังเล่นน้ำสงกรานต์ หากมีอาการผิดปกติที่ดวงตาใน 1-3 วัน เช่น ระคายเคือง ตาแดง ตามัว ตาแห้ง เป็นต้น ควรรีบพบจักษุแพทย์เพื่อให้การรักษา
 
ที่มา : http://variety.teenee.com/foodforbrain/52054.html

20 ก.ค. 2555

'บิ๊กอาย' ฟีเวอร์ เปลี่ยนสีตาตี่ให้แบ๊วได้ใจ


กระแสกิมจิฟีเวอร์ยังทรงอิทธิพลต่อวัยรุ่นไทย อะไรที่เป็นเกาหลียังคงโกยเงินวัยรุ่นบ้านเราเข้ากระเป๋าได้อีกมากโข สินค้าเกาหลีกำลังเป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่นบ้านเรา ตอนนี้คงหนีไม่พ้นสินค้าที่มีชื่อว่า บิ๊กอาย (Big Eye) ที่ช่วยให้ตาตี่ ๆ ของเราโตขึ้นทันตาเห็น

พี่วุฒินันท์ อัศวสิริสกุลชัย เจ้าของร้าน BIG EYE OPICAL ห้างยูเนี่ยนมอลล์ บอกว่า บิ๊กอายใส่แล้วทำให้ดวง ตาโตขึ้น ทำให้ตาเปลี่ยนสี ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับคอนแทคเลนส์เท่าไหร่ เพียงแต่ต่างกันที่คนที่ไม่มีปัญหาสายตาก็สามารถใส่ได้ และ บิ๊กอาย ก็จะเน้นแฟชั่นมากกว่า

แม้ว่าเจ้า “บิ๊กอาย”จะผลิตออกมาหลากสีหลายลายให้เลือกซื้อเลือกหา ทว่าตอนนี้สีที่มาแรง แซงโค้งคือ สีเทา ตามติดมาด้วย สีน้ำตาลเข้ม และสีดำ ซึ่งเป็นที่นิยมพอกัน ผิดคาดยิ่งนักที่สาวไทยบ้านเราไม่ค่อยนิยมสวมใส่แบบแฟนซี ! “นานๆ ทีถึงจะมาซื้อ” คุณพี่วุฒินันท์ บอกอีกว่า สาวๆที่อยากจะมีตาโต บ้องแบ๊วเหมือนตุ๊กตา ก็เลือกขนาดเลนส์ได้ตามต้องการ มีทั้งขนาดปกติ เหมาะเจาะกับดวงตาสาวเอเชีย คือขนาด 14 มม.ไปจนใหญ่สุดมิดลูกตาดำ 15.5 มม. สนนราคาเริ่มต้นที่หลักร้อยขึ้นไป

สาวไหนอยากใส่ อยากสวยก็ต้องรับผิดชอบกันหน่อย ยิ่งเรื่องของการรักษาความสะอาดด้วยเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม ก่อนซื้อมาใส่ต้องศึกษารายละเอียดให้ถี่ถ้วน

พี่นุช - มณีนุช อุ่นทานนท์ พนักงานร้าน Optic Square ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ลาดพร้าว ให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้ บิ๊กอาย ว่า บิ๊กอายจะสัมผัสกับดวงตาของคนเราจึงต้องดูแลรักษาให้ถูกวิธี การดูแลเรื่องบิ๊กอายส์ก็ไม่ยุ่งยากเลย ก็เหมือนคอนแทคเลนส์ทั่วไป ต้องดูแลเรื่องความสะอาด ควรใส่วันหนึ่งไม่เกิน8 -12 ชั่วโมง เวลานอนก็ต้องถอดออก หากใช้หรือดูแลรักษาไม่ถูกวิธีอาจเกิดปัญหาดวงตาติดเชื้อได้


คราวนี้เรามาลองดูความเห็นของสาว ๆ สาวกบิ๊กอายกันมั่ง ว่าทำไมเค้าถึงคลั่งไคล้ใส่บิ๊กอายกันมากมายขนาดนี้ สองสาวจากม.เซนต์จอห์น น้องอุ้มและน้องแอม อายุ 16 ปี โดยน้องอุ้ม บอกกับเราว่า ได้ใส่บิ๊กอายแบบราย 3 เดือน ที่ใส่เพราะรู้สึกว่าสวย และทำให้บุคลิกดี ส่วนตัวชอบเทรนด์แบบเกาหลี ญี่ปุ่นอยู่แล้ว ส่วนวิธีการใช้น้องอุ้มบอกว่า ถ้าจะลงว่ายน้ำก็ถอดออก และไม่กลัวกับข่าวที่ออกมาว่าถ้าใส่บิ๊กอายแล้วทำให้ตาบอด

ด้านน้องแอม บอกว่า ใช้บิ๊กอายแบบรายเดือน และโปรดปรานสีเทาเป็นที่สุด ปกติตนเป็นคนสายตาสั้นแต่ก็ชอบแฟชั่นด้วย เลยเปลี่ยนมาใส่บิ๊กอาย น้องแอมเป็นคนหนึ่งที่เคยมีปัญหาใส่บิ๊กอายแล้วระคายเคือง จึงแก้ไขโดยการซื้อน้ำตาเทียมมาหยอด

เรื่องความสวยมันยอมก้นไม่ได้จริง ๆ ถึงแม้จะต้องยอมอดค่าขนมเอาเงินมาซื้อบิ๊กอาย น้อง ๆ ก็ยอมทุ่มสุดตัว แต่อย่าห่วงสวยจนละเลยเรื่องความปลอดภัยแล้วกัน...!!!

เฉลิมเกียรติ สระทองแดง
สุรีนันท์ หาพุฒพงษ์

ที่มา : campus.sanook.com

[Youtube] ข่าวเช้าวันใหม่ 9 กรกฎาคม 2555 : มหันตภัยบิ๊กอายส์

สาวอายุ แค่ 18 ไปหาซื้อ บิ๊กอายส์ใส่เอง ใส่แค่วันเดียวมีอาการเคืองตา จึงขยี้ตา จนเกิดแผลและติดเชื้อ หากไปพบหมอช้านิดเดียว ตามีสิทธิบอด


จักษุแพทย์ รพ.พระนั่งเกล้า เปิดเผยว่า โดยปกติคอนแทคเลนส์มาตรฐานจะมีขนาดมาตรฐานทางการแพทย์ คือเส้นผ่าศูนย์กลาง 13.5-14.5 มิลลิเมตร ส่วนบิ๊กอายส์จะมีขนาดตั้งแต่ 15-19 มิลลิเมตร ซึ่งใส่แล้วจะทำให้ดวงตาคับแน่น และผู้ใส่จะเกิดอาการไม่สบายตาต้องขยี้ตาบ่อยๆ เป็นผลให้เกิดแผลถลอกที่กระจกตาดำ และเชื้อโรคอาจเข้าไปทำให้เกิดการอักเสบเป็นแผลที่กระจกตาดำทำให้ตาบอดได้

13 ก.ค. 2555

[ข่าว] มหันตภัยบิ๊กอายส์ โจ๋สาว18 ใส่แค่วันเดียวตาดำติดเชื้อหวิดบอด


จักษุแพทย์เตือนสาวอยากตาโตด้วย "บิ๊กอายส์" ต้องระวัง หลังพบคนไข้สาววัย 18 ซื้อมาใส่เอง แค่วันเดียวได้เรื่อง ตาหวิดบอด เพราะเกิดอาการระคายเคืองแล้วเผลอขยี้ตาจนกระจกตาดำเป็นแผลติดเชื้อแบคทีเรียกัดกินกระจกตาดำเกือบทะลุ โชคดีมาพบแพทย์ทัน แต่ต้องตามัว มองไม่ชัดไปตลอดชีวิต เพราะเกิดแผลเป็นที่ตาดำ ได้แต่เตือนอยากสวยด้วยบิ๊กอายส์ควรปรึกษาแพทย์ก่อน

ปัญหาของสาวอยากมีดวงตาโตกว่าเดิม แต่กลับส่งผลร้ายต่อสุขภาพในครั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นพ.ฐาปนวงศ์ ตั้งอุไรวรรณ จักษุแพทย์ รพ.พระนั่งเกล้า เมื่อวันที่ 8 ก.ค. ว่า ปัจจุบันยังพบว่า วัยรุ่นผู้หญิงยังนิยมใส่คอนแทคเลนส์ตาโต หรือบิ๊กอายส์ ซึ่งเป็นเลนส์ที่ไม่ใช่เลนส์สายตา แต่เป็นเลนส์เพื่อความสวยงาม เปลี่ยนสีตา ขยายขนาดของตาดำ เพราะต้องการเลียนแบบดารา นักร้อง นางแบบ อยากสวยอยากงาม ทั้งๆที่การใช้บิ๊กอายส์ หรือแม้กระทั่งคอนแทคเลนส์ที่เป็นเลนส์สายตา ล้วนเสี่ยงอันตรายทั้งสิ้น เพราะอย่าลืมว่าคอนแทคเลนส์เป็นสิ่งแปลกปลอม และเมื่อต้องสัมผัสกับกระจกตาโดยตรงและเป็นเวลานาน หากคอนแทคเลนส์สกปรกจะทำให้เกิดการติดเชื้อที่กระจกตาและอาจลุกลามถึงขั้นตาบอดได้ภายใน 2 วัน ทั้งนี้ ที่ผ่านมา มีผู้ป่วยจากการใส่คอนแทคเลนส์ และบิ๊กอายส์มารักษาที่ รพ.พระนั่งเกล้าอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2555 พบ 2 ราย โดยรายล่าสุดเข้ามารักษาที่ รพ.พระนั่งเกล้า เมื่อประมาณวันที่ 5 ก.ค. ที่ผ่านมา


นพ.ฐาปนวงศ์ กล่าวถึงผู้ป่วยรายล่าสุดว่า เป็นหญิงอายุ 18 ปี ไปซื้อบิ๊กอายส์ที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งแถวบางลำภู นำมาใส่เมื่อช่วงเช้าวันที่ 5 ก.ค. ที่ผ่านมา แต่พอใส่แล้วที่ตาขวามีอาการแสบตา ระคายเคือง น้ำตาไหลต่อเนื่อง แล้วไปขยี้ตาและถอดบิ๊กอายส์ออก ต่อมาช่วงเย็นมีอาการบวม จึงเข้ามาพบแพทย์ที่ รพ.พระนั่งเกล้าเมื่อตรวจพบว่าผู้ป่วยติดเชื้อแบคทีเรียบริเวณกระจกตาดำข้างขวา โดยเชื้อแบคทีเรียได้กัดกินบริเวณกระจกตาดำมีแนวยาว 5 มิลลิเมตร และลึกลงไปประมาณ 1 มิลลิเมตร จนเกือบทะลุกระจกตาดำ ซึ่งโชคดีมากที่มารักษาทัน เพราะหากมาช้า 1 วัน ตาบอดแน่นอน ส่วนเชื้อแบคทีเรียที่พบนั้นชื่อว่า ซูโดโมแนส ออรูจิโนซ่า (Pseudomonas aeruginosa) เป็นเชื้อแบคทีเรียที่พบได้ตามสภาพแวดล้อมทั่วไป ซึ่งหากมีบาดแผลแล้วติดเชื้อแบคทีเรียดังกล่าว จะมีอันตรายมาก อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยรายนี้โชคดีที่มาพบแพทย์ได้ทันทำให้ตาไม่บอด แต่เมื่อรักษาจนหายแล้วจะเกิดแผลเป็นที่ตาดำ ส่งผลให้เวลามองแล้วจะไม่ชัดเหมือนคนปกติ

จักษุแพทย์ รพ.พระนั่งเกล้า กล่าวต่อไปว่า คอนแทคเลนส์มาตรฐานจะมีขนาดมาตรฐานทางการแพทย์ คือ เส้นผ่าศูนย์กลาง 13.5 - 14.5 มิลลิเมตร ส่วนบิ๊กอายส์จะมีขนาดตั้งแต่ 15 - 19 มิลลิเมตร ซึ่งใส่แล้วจะทำให้ดวงตาคับแน่น และผู้ใส่จะเกิดอาการไม่สบายตาต้องขยี้ตาบ่อยๆ เป็นผลให้เกิดแผลถลอกที่กระจกตาดำ และเชื้อโรคอาจเข้าไปทำให้เกิดการอักเสบเป็นแผลที่กระจกตาดำทำให้ตาบอดได้ ขณะเดียวกันหากใส่เป็นเวลานานจะทำให้เกิดอาการเยื่อบุตาขาวอักเสบ จากการแพ้เรื้อรัง ทำให้เยื่อบุตาขาวแห้งและอาจทำให้กระจกตาอักเสบ เกิดเป็นโรคตาแห้งคือเยื่อบุตาขาวแห้ง โดยถาวร เกิดอาการตาผ่าวร้อน แพ้งแสง ซึ่งจะเกิดความรำคาญแก่ดวงตาไปตลอดชีวิต ขอเตือนว่าการใช้คอนแทคเลนส์ไม่ว่าชนิดใดก็ตาม ควรศึกษาและปฎิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ รวมทั้งต้องดูแลรักษาอย่างเคร่งครัด ต้องเก็บรักษาในน้ำยาแช่คอนแทคเลนส์ โดยเฉพาะและปิดฝาให้สนิท เปลี่ยนน้ำยาแช่เลนส์ทุกครั้งที่ใช้ ไม่ใช้น้ำยาแช่เลนส์ซ้ำๆ ห้ามล้างคอนแทคเลนส์ด้วยน้ำประปา เนื่องจากสารคลอรีนอาจทำให้เลนส์เสื่อมสภาพ และต้องล้างมือให้สะอาด ก่อนสัมผัสคอนแทคเลนส์ทุกครั้ง

ด้าน นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า ได้รับแจ้งมาจาก นพ.ฐาปนวงศ์จึงส่งเจ้าหน้าที่ลงตรวจสอบจุดที่ผู้ป่วยระบุว่าไปซื้อบิ๊กอายส์ พบว่าเป็นห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ซึ่งเมื่อสอบถามกลับไปยังผู้ป่วยพบว่า ไปซื้อบิ๊กอายส์มาเก็บไว้นานแล้วจึงนำมาใส่ การใส่บิ๊กอายส์หรือคอนแทคเลนส์ หากเกิดการระคายเคืองดวงตาให้รีบพบแพทย์ทันที และโดยปกติแล้วการใส่บิ๊กอายส์หรือคอนแทคเลนส์จะต้องปรึกษาแพทย์ก่อน โดยในปัจจุบันมีบิ๊กอายที่ได้รับอนุญาตจากทาง อย. เพียง 2 - 3 ยี่ห้อเท่านั้น ซึ่งประชาชนสามารถโทร.มาสอบถามได้ที่เบอร์สายด่วน อย. โทร 1556


ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Loading

Share

Twitter Delicious Facebook Digg Stumbleupon Favorites More