แฟชั่น บิ๊กอาย

บิ๊กอาย กับ แฟชั่นในปัจจุบัน

เลนส์ตาโต เป็นคอนแทคเลนส์ชนิดตาโต หรือที่วัยรุ่นเรียกกันว่า “บิ๊กอาย”จะเหมือนกับคอนแทคเลนส์แฟชั่นสมัยก่อนที่มีสีสันให้เลือกมากมาย แต่ที่แตกต่างคือ เลนส์สีบริเวณตรงกลางดวงตาจะเป็นเลนส์ใสปกติแต่บริเวณขอบเลนส์จะมีสีดำ ทำให้ขอบตาคุณดูชัดมากขึ้น มีราคาตั้งแต่ 450 – 2,000 บาท

ใส่บิ๊กอายตาติดเชื้อ

บิ๊กอายทำตาบอด ติดเชื้อแบคทีเรีย แพทย์เตือนวัยโจ๋

แพทย์เตือนอันตรายจากคอนแทกท์เลนส์ "บิ๊กอาย" หลังมีผู้ป่วยติดเชื้อสูโดโมแนสที่ตา ทำให้เกิดการอักเสบอย่างรุนแรงต้องเข้ารับการรักษาตัวแล้ว 4 ราย จักษุแพทย์ ระบุ เป็นแบคทีเรียร้ายแรงลามกินตาดำได้ภายใน 2 วัน รักษาไม่ทันถึงขั้นตาบอด ผู้ป่วยรับหาซื้อง่ายแม้กระทั่งตามตลาดนัด จี้ภาครัฐออกมาเข้มงวด เพราะจัดอยู่ในกลุ่ม เครื่องมือแพทย์ ต้องได้รับอนุญาตจาก อย.

เลดี้ กาก้า Lady Gaga ใส่บิ๊กอาย

เลดี้กาก้า นำเทรนบิ๊กอาย อเมริกาเตือน Big Eye เป็นอันตราย ผิดกฏหมายในอเมริกา

นับตั้งแต่กระแสความโด่งดังของ Music Video "Bad Romance" ของนักร้องสาวชาวอังกฤษ Lady Gaga ทำให้วัยรุ่นอเมริกันเริ่มนิยมใส่ Contact Lenses ที่เรียกว่า "Big Eye" กันเป็นจำนวนมาก จนหลายฝ่ายต้องออกมาเตือนในการใช้และการเลือกซื้อ เพราะวัยรุ่นจำนวนมากนิยมสั่งซื้อผ่านอินเตอร์เน็ต จากร้านค้าออนไลน์ในแถบเอเชีย...

บิ๊กอาย คอนแทคเลนส์ปลอม

อันตรายจากการใช้คอนแทคเลนส์แฟชั่น "บิ๊กอาย"

กระแสคอนแทคเลนส์แฟชั่นได้แพร่ระบาดเข้าสู่ประเทศไทยเมื่อประมาณต้นปี 2549 ที่ผ่านมา โดยวัยรุ่นไทยนิยมใส่คอนแทคเลนส์แฟชั่นเพื่อให้ตา กลมโตเลียนแบบดาราเกาหลี และญี่ปุ่น คอนแทคเลนส์แฟชั่นดังกล่าวเป็นที่รู้จักกันดีในนาม บิ๊กอายส์ หรือ คอนแทคเลนส์ตาโต ราคาก็มีตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักพัน ระยะเวลาการใช้งานก็มีให้เลือกหลากหลาย ตั้งแต่ 1 เดือนไปจนถึง 1 ปี

16 พ.ค. 2553

วิธีการดูแลรักษาคอนแทคเลนส์



วิธีการดูแลรักษาคอนแทคเลนส์

สำหรับคนสายตาผิดปกติคงต้องขอบคุณผู้ผลิตคิดค้น คอนแทคเลนส์ เพราะนอกจากจะแก้ปัญหาสายตาให้มองเห็นได้ดีขึ้นแล้ว โดยเข้ามาแทนที่การใช้แว่นสายตาที่บางคนไม่ชอบเพราะบดบังความงามของตาคู่งาม หรือใบหน้าสวยของตัวเอง ใส่คอนแทคเลนส์ดูเป็นธรรมชาติกว่าเป็นไหนๆ แต่คงยังต้องยอมรับว่าแว่นสายตายังครองอันดับหนึ่ง ของอุปกรณ์แก้ปัญหาสายตาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดอยู่

เลนส์สัมผัส หรือที่มักเรียกกันติดปากทับศัพท์ว่า คอนแทคเลนส์ นั้นเป็นแผ่นพลาสติกที่ได้รับการขัดเกลาหรือหล่อให้เป็นแผ่นกลมรูปร่าง คล้ายกระทะที่มีขนาดเหมาะสมกับตาดำ นำมาวางปะหน้าตาดำอาศัยน้ำตา ที่ฉาบอยู่บนผิวหน้าของตาดำเป็นตัวยึดเลนส์สัมผัสให้ติดกับดวงตา ด้วยเหตุที่คอนแทคเลนส์จะต้องสัมผัสกับตาดำเราตลอดเวลา การดูแลรักษาที่ดีนอกจากให้มองเห็นชัดเจนแล้ว ตัวคอนแทคเลนส์ก็จะมีอายุการใช้งานได้นานขึ้น และที่สำคัญผู้ใช้ปลอดภัยปราศจากการติดเชื้อ

โดยทั่วไปคอนแทคเลนส์ชนิดนิ่มจะดูดซับสิ่งสกปรกจากสิ่งแวดล้อม และสารต่างๆ ที่มีอยู่ในตา ได้แก่ น้ำเมือก น้ำมัน และโปรตีน ตลอดจนสารเคมีจากเครื่องสำอางเอาไว้ สิ่งสกปรกเหล่านี้จะสะสมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้คุณลักษณะที่ดีของคอนแทคเลนส์เปลี่ยนแปลงไป เช่น ความใสสะอาด ผิวเรียบ มีความโค้งสม่ำเสมอ ฯลฯ ซึ่งความโค้งที่เปลี่ยนไปอาจทำให้เลนส์ที่เคยใช้ได้พอดีกลับกลายเป็นคับหรือหลวมไป หรือใส่ไม่สบายก็ได้ คอนแทคเลนส์ที่เคยใสกลับหมองไปทำให้มองภาพไม่ชัด ผิวที่เคยเรียบบากเป็นรอย ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองทั้งหมดอาจนำไปสู่การติดเชื้อได้ง่ายขึ้น

ดังนั้นเหนือสิ่งอื่นใดคุณควรคำนึงถึงสุขอนามัยของดวงตาเป็นอย่างแรก เพราะดวงตาถ้าเป็นอะไรไปแล้วก็ยากแก่การทดแทนใหม่ได้ จึงอย่าขี้เกียจที่จะทำความสะอาดคอนแทคเลนส์อย่างสม่ำเสมอ เพราะเป็นเรื่องจำเป็น เรามีวิธีการดูแลรักษาคอนแทกเลนส์มาฝากเป็นขั้นเป็นตอนให้คุณปฏิบัติได้อย่างถูกต้องยิ่งขึ้น
  1. การล้างทำความสะอาด (cleaning) โดยใช้น้ำยาเพื่อทำความสะอาด ตัวน้ำยาประกอบด้วยสารซึ่งทำหน้าที่คล้ายผงซักฟอก โดยน้ำยานี้จะจับกับสิ่งสกปรกตลอดจนเชื้อโรคให้หลุดออกจากผิวคอนแทคเลนส์ เชื่อกันว่าวิธีนี้สามารถขจัดเชื้อโรคออกไปได้ถึง 90%
  2. การชะล้าง (rinsing) ส่วนใหญ่จะเป็นน้ำเกลือพิเศษที่มีสารกันเสียอยู่ด้วย หรือ ใช้น้ำยาดูแลรักษาคอนแทคเลนส์ (ใช้น้ำเกลือทั่วๆ ไปแทนไม่ได้) เป็นการใช้น้ำยาเพื่อชะล้างสิ่งสกปรก
  3. การฆ่าเชื้อโรค (disinfecting) ทำหน้าที่ฆ่าเชื้อโรคที่เหลืออยู่อีก 0.1% ขบวนการนี้อาจจะใช้ความร้อนหรือใช้น้ำยาฆ่าเชื้อ การใช้ความร้อน ได้ผลดีกับเชื้อโรคทุกชนิดโดยเฉพาะเชื้อ HIV โดยใช้ความร้อน 80 องศาเซลเซียส เวลา 10 นาที โดยทั่วไปที่มีขายจะทำเป็นยูนิตสำเร็จรูปเสียบเข้ากับปลั๊กไฟฟ้า ใช้เวลาประมาณ 45นาที เครื่องจะดีดกลับเองเมื่อเสร็จสิ้นขบวนการ วิธีนี้สะดวกปลอดภัย แต่มีข้อเสียตรงที่คอนแทคเลนส์อาจจะเสียเร็ว และเปลี่ยนสีได้ ส่วนการใช้น้ำยาฆ่าเชื้อ เป็นวิธีที่สะดวก ใช้ง่าย เพียงแช่คอนแทคเลนส์ในน้ำยาตามเวลาที่กำหนด แต่มีข้อเสียคือราคาแพง บางคนอาจแพ้ทำให้เกิดอาการคันตา ตาแดง โดยเฉพาะผู้ที่ทำความสะอาดเลนส์ไม่ตามขั้นตอน เช่น ไม่ทำความสะอาดก่อน ซึ่งไม่ควรลืมว่าหลังแช่น้ำยาแล้วต้องเทน้ำยาที่ใช้แล้วทิ้งไปเสมออย่าเสียดาย ถ้าไม่เปลี่ยนน้ำยาในคราวต่อไป ก็มีโอกาสมากที่จะเกิดการปนเปื้อนของเชื้อโรค ขบวนการ oxidative โดยใช้ไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์ซึ่งมีความเข้มข้น 0.6% -3% ข้อดีของวิธีนี้คือ สารตัวนี้สามารถ ฆ่าเชื้อโรคได้มากตัว แต่มีข้อเสียคือราคาแพงและต้องล้างด้วยน้ำยาอีกชนิดหนึ่ง ถ้าล้างด้วยไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์ออกไม่หมดจะมีจะมีอาการแสบและเคืองตามาก ขั้นตอนของการฆ่าเชื้อวิธีนี้จึงต้องมี 2 ขั้นซึ่งยุ่งยากมาก และห้ามนำมาใช้กับเลนส์เพราะความเข้มข้นไม่แน่นอน มีโลหะหนักบางชนิดเจือปน ใช้แล้วทำให้เลนส์เปลี่ยนสีได้
  4. การใช้ Enzyme หรือที่เรียกกันว่าน้ำยาล้างคราบโปรตีน* เป็นน้ำยาที่ช่วยขจัดคราบโปรตีนที่เกาะติดอยู่ในคอนแทคเลนส์ ควรทำความสะอาดสัปดาห์ละครั้ง ถือเป็นการขัดและทำความสะอาดใหญ่ มักจะทำเป็นรูปยาเม็ด ซึ่งต้องแช่ในน้ำเกลือ (ไม่ใช่น้ำกลั่น) หรือน้ำยาคอนแทคเลนส์ที่กำหนดไว้ หลังจากแช่แล้วควรล้างคอนแทคเลนส์อีกครั้งด้วยน้ำยาดูแลรักษาคอนแทคเลนส์ สำหรับผู้ที่ใช้คอนแทคเลนส์บิ๊กอาย (Big Eye) ควรใช้น้ำยาล้างคราบโปรตีน 1-2 หยด ร่วมกับน้ำยาล้างคอนแทคเลนส์ของคุณ แช่เอาไว้ในตลับประมาณ 24 ชม. และนำออกมาล้างด้วยน้ำยาล้างคอนแทคเลนส์อีกครั้ง ก่อนนำมาสวมใส่ ทำอย่างนี้เป็นประจำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง จะช่วยรักษาคอนแทคเลนส์ของคุณให้สวมใส่ได้สบายตา ปลอดภัย และยาวนานมากขึ้น หากดูแลอย่างถูกวิธี
  5. น้ำยาหล่อลื่น (lubricating and Rewetting) โดยปกติผู้ใช้คอนแทกเลนส์มักจะมีตาแห้งง่ายกว่าคนปกติ ทำให้มีอาการระคายเคือง น้ำยานี้จะช่วยให้ตาชุ่มชื้นยิ่งขึ้น ในปัจจุบันนี้มีน้ำยาบางชนิดทำมาเป็นแบบสำเร็จรูปทั้ง 5 ขบวนการแรกในน้ำยาตัวเดียวกัน เพื่อความสะดวกในการใช้ แต่การดูแลคอนแทคเลนส์ ต้องทำตามลำดับขั้นให้ครบถ้วน คอนแทคเลนส์ก็จะอยู่ในสภาพสะอาด ปลอดภัย สำหรับผู้ใช้จะข้ามขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่งไม่ได้ ส่วนผู้ที่ไม่ได้ใช้คอนแทคเลนส์ทุกวัน ควรเปลี่ยนน้ำยาทุกวันหรืออย่างน้อยต้องทำขบวนการฆ่าเชื้อ (ขบวนการที่ 3) ภายใน 24 ชั่วโมง ก่อนนำมาใส่
  6. การดูแลตลับใส่เลนส์ มีผู้ใช้คอนแทกเลนส์จำนวนมากที่ป่วยเพราะเชื้อโรคที่ปนเปื้อนอยู่ในตลับใส่เลนส์ การดูแลตลับใส่เลนส์จึงเป็นสิ่งจำเป็น ซึ่งควรล้างทุกวันด้วยน้ำยาที่ใช้ดูแลรักษาคอนแทคเลนส์ให้สะอาด ปล่อยให้แห้ง ควรขัดตลับใส่คอนแทคเลนส์สัปดาห์ละครั้งด้วยน้ำยาที่ดูแลรักษาคอนแทคเลนส์ ทิ้งไว้ให้แห้ง หรือเปลี่ยนตลับใหม่ทุกๆ 6 เดือน

ขอเตือนว่า ผลแทรกซ้อนจากการใช้คอนแทคเลนส์ บางรายอาจรุนแรงถึงขั้นสูญเสียสายตาอย่างถาวรก็เคยเกิดขึ้นมาแล้วอย่างคาดไม่ถึง โดยที่ส่วนใหญ่ต้นเหตุเกิดจากการละเลยที่จะดูแลคอนแทคเลนส์อย่างถูกต้อง จากนี้ไปเพื่อความปลอดภัยของดวงตาคุณเองควรเคร่งครัด กับการดูแลรักษาทำความสะอาดคอนแทคเลนส์ตามขั้นตอนที่กล่าวมา แรก ๆ อาจรู้สึกยุ่งยากสักนิดแต่ถ้าคุณทำอย่างสม่ำเสมอ ไม่นานก็จะชินถนอมทั้งดวงตาและคอนแทคเลนส์ให้ใช้ได้นาน ๆ ไงคะ

ที่มา : นิตยสาร Health Today


บทความที่เกี่ยวข้อง

14 พ.ค. 2553

ข้อเสีย - ข้อแนะนำในการใช้คอนแทคเลนส์

ข้อเสีย ของการใช้ คอนแทคเลนส์
  1. ใส่นานๆจะระคายเคืองกับดวงตา ทำให้ชอบเผลอ ขยี้ตา หลุดบ่อยมากตอนใส่แรกๆ
  2. ใส่แล้วดวงตา โดนลมนานๆก็ไม่ได้ ดวงตาจะแห้ง
  3. เปลืองถ้าเทียบกับแว่นในระยะยาว เพราะต้องมีน้ำยาล้างและอื่นๆอีกมาก

ต่อไปเป็นข้อแนะนำในการใช้คอนแทคเลนส์
  1. ไม่ควรใส่คอนแทคเลนส์ในที่ๆมีลมแรงๆโดยไม่มีแว่นกันลม เพราะ ฝุ่นจะเข้าตา และทำให้ระคายเคือง
  2. ถ้ามีโอกาสถอดคอนแทคเลนส์บ่อยเท่าไร ยิ่งดี เพื่อให้ดวงตาได้พัก
  3. ไม่ควรใส่ทั้งวันและทั้งคืน หรือใส่นอน เพราะจะทำให้ดวงตาคุณแย่ลง เพราะเรื่องเชื้อโรค
  4. ถ้าไม่มีปัญหาเรื่องเงินและต้องการรักษาสุขภาพดวงตา ควรซื้อแบบรายวัน เพื่อลดสิ่งสะสมของคอนแทคเลนส์ เช่นฝุ่น หรือพวกโปรตีน
  5. มั่นล้างทำความสะอาด คอนแทคเลนส์ของท่านอย่างสมำเสมอ บ่อยที่สุดเท่าที่ทำได้
  6. น้ำยายี้ห้อไหนที่ใช้แล้วรู้สึกระคายเคืองให้ทำการเปลี่ยนยี้ห้อทันที
  7. อย่าเผลอใส่คอนแทคเลนส์ลงว่ายน้ำโดยเด็ดขาด
  8. ถ้าคอนแทคเลนส์หลุด ห้ามใช้น้ำประปาในการใส่คอนแทคเลนส์โดยเด็ดขาด เพราะ เมื่อนำมาใส่จะทำให้ตาแสบตาได้

เคล็บไม่ลับสำหรับการดูแลคอนแทคเลนส์ที่รัก

การใช้คอนแทคเลนส์นั้น ไม่ได้ยากเย็นและอันตรายอย่างที่คิดกัน แต่ถ้าจะไม่พูดถึงการดูแลรักษาคอนแทคเลนส์บ้าง มันก็จะดูไม่สมบูรณ์อย่างไรไม่รู้ เพราะคอนแทคเลนส์นั้น ถึงแม้จะเป็นแบบรายเดือนคือมีอายุแค่ 30 วัน แล้วก็จะต้องทิ้งไป แต่การดูแล ก็เป็นเรื่องที่มองข้ามไม่ได้อย่างเด็ดขาดเลยจริง ๆ เนื่องจากอุปกรณ์ชิ้นนี้ ต้องสัมผัสกับอวัยวะ ที่สำคัญและบอบบางที่สุดของเรา ในการทำหน้าที่ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ในการมองเห็นได้แจ่มชัดขึ้น สำหรับสาวๆที่มีปัญหาทางสายตา ฉะนั้นถ้าเราไม่เอาใจใส่มันด ดีๆ แล้วละก็ ดวงตาอันล้ำค่าของสาวๆ ก็จะประสบเคราะห์ซ้ำกรรมซัดได้ ซึ่งคราวนี้ นอกจากจะมองไม่ชัดแล้ว อาจจะลุกลามไปยังปัญหาดวงตาอื่นๆอีกได้

เพื่อความปลอดภัย และความสบายตา การดูแลรักษาคอนแทคเลนส์ จึงป็นเรื่องสำคัญมาก ทุกครั้งที่ถอดคอนแทคเลนส์ ควรทำความสะอาด ล้างและแช่ เพื่อฆ่าเชื้อโรค ด้วยผลิตภัณฑ์ดูแลรักษา คอนแทคเลนส์โดยเฉพาะ เช่น น้ำยาดูแลรักษาคอนแทคเลนส์ ReNu MultiPlus ™

การเลือกใช้คอนแทคเลนส์ ให้ถูกต้องและเหมาะสมกับบุคลิกภาพและความต้องการ

การเลือกใช้คอนแทคเลนส์ ให้ถูกต้องและเหมาะสมกับตนเองนั้น เป็นสิ่งที่ค่อนข้างยาก เนื่องจากคอนแทคเลนส์ มีหลายประเภทไม่ว่าจะเป็น คอนแทคเลนส์รายปี คอนแทคเลนส์รายวัน คอนแทคเลนส์รายเดือน หรือ คอนแทคเลนส์รายสัปดาห์ อีกทั้งยังมีรายละเอียดอื่น ๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เรื่องของ วัถุดิบที่ใช้ผลิต เรื่องของ ความโค้ง และขนาดเลนส์ โดยในที่นี้เราจะพูดถึงเฉพาะ Soft Contactlens เนื่องจาก ปัจจุบัน เลนส์ Hard, RGP ไม่เป็นที่นิยมแล้ว

คอนแทคเลนส์ หรือ เลนส์สัมผัส

เลนส์สัมผัสหรือที่เราเรียกกันทับศัพท์ง่ายๆ ว่า คอนแทคเลนส์นั้น เป็นวิวัฒนาการทางจักษุวิทยาที่นำมาใช้แทนแว่นตา ช่วยแก้ปัญหาและขจัดความรำคาญของการใช้แว่นตา เสริมสร้างบุคลิกให้ผู้ที่มีสายตาผิดปกติให้มีความสวยงามเหมือนธรรมชาติ ไม่มีร่องรอยของแว่นตา และทำให้การมองเห็นภาพได้ชัดเจน เสมือนตาปกติโดยไม่ต้องใช้แว่นตา บางครั้งทำให้สะดวกและปลอดภัยในขณะที่เล่นกีฬาแทนการใส่แว่นตา

เลนส์สัมผัส แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ
  1. คอนแทคเลนส์ชนิดแข็ง หรือ Hard Contact Lens เป็นเลนส์ที่ทำด้วยพลาสติกแข็งน้ำซึมผ่านไม่ได้เลย
  2. เลนส์ชนิดนิ่ม เป็นเลนส์ที่ทำด้วยพลาสติกที่สามารถอมน้ำได้ ตั้งแต่ 35 ถึง 65 เปอร์เซ็นต์ จึงทำให้นิ่มมีรูเล็กๆ และน้ำซึมผ่านได้ ช่วยให้ออกซิเจนสามารถละลายผ่านเข้าไปถึงกระจกตาได้สะดวกขึ้น แต่ก็มีผลเลียที่เลนส์ชนิดนี้ จะจับเอาโปรตีน เยื่อเมือก เกลือแร่ และอนุภาคต่างๆ ที่มีอยู่ในน้ำตาเข้าไว้ในตัวเลนส์ ทำให้เลนส์สกปรกง่าย เป็นฝ้า ชำรุดเกิดอาการแพ้และระคายเคืองตาได้ จึงต้องคอยระวังรักษาอย่างดี หมั่นทำความสะอาดโดยการใช้ระบบความร้อนทำความสะอาด หรือใช้น้ำยาแช่ทำความสะอาดแทนความร้อน

การเลือกซื้อคอนแทคเลนส์
คนเราแต่ละคน แตกต่างกัน บางคน ตาโต บางคนตาเล็ก ตาโปน ตาลึก ไม่เหมือนกัน คอนแทคเลนส์ที่ดีควร พอดีกับตาคนคนนั้น ทั้ง สายตา และกระชับตาดี

เลนส์ที่กำลังสายตาพอดี จะทำให้ท่านเห็นได้ชัดเจน สบายตา ไม่ต้องเพ่ง แต่ถ้าใส่เลนส์แล้วรู้สึกว่า เดี๋ยวชัดเดี๋ยวไม่ชัด แสดงว่า เลนส์ชิ้นนั้นไม่กระชับพอดีตา ลองทดลองด้วยตัวเองแบบง่ายๆ ถ้าท่านใส่เลนส์อยู่ให้หลับตาลง เมื่อลืมตาขึ้น ถ้าภาพมัวแล้วค่อยๆ ชัดขึ้น ก็แสดงว่าเลนส์ที่ใส่อยู่นั้น หลวมเกินไป แต่ในทางกลับกัน ถ้าลืมตาขึ้น ภาพคมชัด แล้วค่อยๆ มัวลง ต้องกระพริบตาบ่อยๆ ถึงชัดขึ้น มักเกิดจากเลนส์คับเกินไป อาจต้องใช้เลนส์ที่หลวมกว่านั้น โดยส่วนมากผู้บริโภคส่วนใหญ่เข้าใจว่า Contact Lens เป็น Free Size


การเริ่มต้นใช้เลนส์อย่างถูกวิธี
  1. ควรบอกจักษุแพทย์ เป็นผู้เลือกเลนส์ที่น่าจะเหมาะสมกับคุณ
  2. บอกความต้องการของคุณให้ชัดเจนว่า ต้องการใช้เลนส์อะไร เอาเลนส์นิ่มหรือแข็ง อยากให้ชัดมากๆ หรือเอาสบายๆ เข้าไว้
  3. อยากใส่เลนส์ทุกวันหรือเฉพาะวัน
  4. เอาแบบเปลี่ยนรายวัน หรือเอาแบบประหยัด
  5. ถ้าคุณเป็นคนแพ้ง่าย ก็บอกไปด้วย
  6. งานอาชีพของคุณ ถ้าเป็นคอมพิวเตอร์ เป็นพนักงานบนเครื่องบิน เป็นศัลยแพทย์ มีข้อพิจารณา ข้อระวังในการ เลือกเลนส์เหมือนกัน

คุณหมอจะให้คุณลองคอนแทคเลนส์ที่เลือกไว้ ประเมินผลเบื้องต้นถ้าพอดี ก็ให้กลับไปใช้ชีวิตประจำวันสัก 2-3 วัน แล้วนัดกลับมาตรวจอีกครั้งให้แน่ใจว่าเลนส์พอดี แต่พอไปใส่ทำงาน เมื่อตาแห้งเลนส์หลวมลง เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยคุณควรขอใบ Prescription จากคุณหมอ เพื่อสั่งซื้อเลนส์ในคราวต่อๆ ไป ซึ่งอาจซื้อตามร้านค้า หรือเดี๋ยวนี้สั้งทำทาง Internet ก็ได้


เมื่อได้เลนส์มา ควรตรวจสอบที่ข้างกล่องว่า ตรงกับใน Prescrition หรือไม่ ซึ่งประกอบด้วย
  • Lens Power สั้นยาว เอียง เท่าไร
  • Base Curve ซึ่งย่อว่า B.C. หมายถึง ความคับหลวมของเลนส์
  • Diameter หรืเส้นผ่านศูนย์กลาง

เลนส์ต่างยี่ห้อที่กำลังเท่ากัน มี Base curve เท่ากัน อาจจะใส่ไม่พอดีเหมือนเดิม ถ้าใส่เลนส์อะไรพอดีแล้ว ควรใช้แบบเดิมตลอด ไม่ควรเปลี่ยนบ่อยๆ หลายคนใช้คอนแทคเลนส์ไปเรื่อยๆ โดยไม่เคยมาพบแพทย์เลย ลองคิดดูนะคะ การใช้คอนแทคเลนส์ต้องเสียเงินอย่างต่ำ ปีละ 4- 5 พันบาทอยู่แล้ว แถมการใช้ที่ไม่ถูกต้องยังเสี่ยงกับสุขภาพตาได้ การให้คุณหมอช่วยเลือกเลนส์ให้ คุณจะมั่นใจว่า คุณจะใช้เงินของคุณอย่างคุ้มค่า ได้ดวงตาที่มีสุขภาพ


ข้อสำคัญ
  1. ควรล้างมือให้สะอาดทุกครั้งก่อนใส่หรือถอดเลนส์
  2. อย่าใช้ยาหยอดตาทุกชนิดขณะใส่เลนส์
  3. ควรถอดเลนส์ก่อนนอนทุกคืน (อันนี้สำคัญมาก)
  4. อย่าใส่เลนส์ขณะตาอักเสบ หรือถ้ามีอาการผิดปกติใดๆ เกิดขึ้นควรรีบปรึกษาจักษุแพทย์และปฏิบัติตามคำแนะนำโดยเคร่งครัด

ระวังคอนแทคเลนส์ปลอม

วัยรุ่นกับแฟชั่น นับว่าเป็นสิ่งที่อยู่คู่กันมาโดยตลอด มีการหมุนเวียนเปลี่ยนกระแสนิยมในเรื่องการแต่งกายไปเรื่อย ๆ และที่เริ่มได้รับความนิยมล่าสุดก็คือ คอนแทคเลนส์ตาโต หรือที่เรียกว่า “บิ๊กอาย” ที่ทำให้ตาโตเหมือนสาวเกาหลี ญี่ปุ่น ประกอบกับมีให้เลือกหลากหลายสี เช่น สีฟ้า สีเขียว สีน้ำตาล หรือมีลายประกายสีม่วง สีเทา ซึ่งจะทำให้ดวงตาดูแปลกไปจากเดิม

คอนแทคเลนส์เหล่านี้ มิได้มีขายแต่ในร้านขายแว่นตาหรือร้านขายยาเท่านั้น เพราะตามแผงลอย แผงแบกะดินก็มีวางขายเช่นกัน นอกจากนั้นยังเสนอขายในราคาที่เย้ายวนให้ตัดสินใจซื้อ เพราะมีราคาที่ถูกกว่าในร้าน จึงเป็นเหตุให้มีของเลียนแบบหรือคอนแทคเลนส์ปลอมเกิดขึ้น

สิ่งที่น่ากังวลก็คือความปลอดภัยต่อการนำไปใช้ เพราะหากเป็นคอนแทคเลนส์ปลอม หรือของเลียนแบบ อาจมีคุณภาพที่ไม่ได้มาตรฐาน จึงเป็นอันตรายต่อลูกตาและเสี่ยงต่อการติดเชื้อจากโรคต่าง ๆ จนอาจถึงขั้นทำให้ตาบอดได้

ดังนั้นจึงควรให้ความสำคัญกับแหล่ง ร้านค้าที่จำหน่าย โดยเลือกซื้อจากร้านที่มีความน่าเชื่อถือและไว้ใจได้ หรือหมั่นตรวจสอบทุกครั้งว่าคอนแทคเลนส์ที่เลือกซื้อมีการบรรจุอย่างเรียบ ร้อยและมีฉลากกำกับที่ครบถ้วนถูกต้อง แล้วจึงค่อยตัดสินใจวื้อ อย่าให้เป็น “คนซื้อสวย คนขายหลอก แต่สุดท้ายกลับแย่”

ความเหมาะสมของบุคคลต่างๆ กับการใช้คอนแทคเลนส์

ผู้ที่เหมาะจะใส่คอนแทคเลนส์
1. ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับสายตาดังนี้
  • สายตาสั้น
  • สายตายาว
  • สายตาเอียง
  • สายตาคนสูงอายุ
2. ผู้ที่ผ่านการผ่าตัดต้อกระจกทั้งชนิด ข้างเดียวหรือ 2 ข้าง
3. ผู้ที่มีอาการตาสั่น (nystagmus) และควรแนะนำเป็นคอนแทคเลนส์ชนิดนิ่ม
4. ผู้ที่ไม่มีโรคประจำตัวเป็นอุปสรรค
5. ผู้ที่มีกระจกตาโค้งมากกว่าปกติ (Keratoconus) เช่น 6.9, 5.4 และกระจกตาบางมาก ควรแนะนำเป็นคอนแทคเลนส์ชนิดแข็ง (HCL)
6. ผู้ที่เป็น "TRICHIASIS" คือมีความผิดปกติของขนตาที่งอนเข้าไปแยงกระจกตา เป็นสาเหตุทำให้น้ำตาไหล แก้ไขได้โดยใส่คอนแทคเลนส์ขนิดนิ่ม (SCL)
7.ผู้ที่เป็น "ENTROPION" คือขอบตาเปิดเข้าด้านในมากกว่าปกติ แก้ไขได้โดยใส่คอนแทคเลนส์ขนิดนิ่ม (SCL)

ผู้ที่ไม่เหมาะจะใส่คอนแทคเลนส์
1. มีสุขภาพตาไม่ดีเช่น เป็นต้อลม, ต้อเนื้อ, ตาแดง, กระจกตาไม่รับรู้ความรู้สึก, ตาแห้ง, ตาบวมและผู้ที่กระพริบตาครึ่งตา
2. มีโรคประจำตัวบางโรคเช่น
  • โรคเบาหวานมีอาการบวมเป็นแผลถลอก แผลหายช้าและอักเสบง่าย ค่าสายตาไม่คงที
  • โรคไขข้ออักเสบ ทำให้ตาแห้งการทำความสะอาดเลนส์และการใส่ต้องตรวจและติดตามผลบ่อยกว่าปกติ
  • โรคความดันโลหิตสูง มีผลทำให้น้ำในร่างกายไม่คงที่
  • โรคภูมิแพ้ มีโอกาสแพ้เนื้อวัสดุที่ผลิตคอนแทคเลนส์และแพ้น้ำยาได้ จะทำให้มีอาการตาแดง, ตาแห้งและคันตา
  • ตั้งครรภ์ ทุกอย่างในร่างกายจะปรับสภาพใหม่ มีผลทำให้กระจกตาบวม ควรแนะนำให้ใส่หลังคลอดแล้ว 3-4 เดือน
3. ผู้ที่ต้องทานยาบางประเภทเป็นประจำ เช่น
  • ยา ANTIHISTAMINE รักษาโรคภูมิแพ้
  • ยา ANTIDIABETIC รักษาโรคเบาหวาน
  • ทานยาคุมกำเนิดเป็นเวลานานหลายปี มีผลทำให้น้ำที่กระจกตามีมากขึ้น 78% จะมีอาการกระจกตาบวม
4. ผู้ที่ทำงานบางประเภทที่ต้องประสบกับสิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นประจำ เช่น
  • มีฝุ่นละอองมาก
  • มีลมแรงพัดผ่านเป็นประจำ
  • มีควันบุหรี่หรือควันพิษ รวมถึงเขม่าต่างๆ
  • มีไอระเหยของสารเคมีต่างๆ ที่เป็นอันตราย
5. ผู้ที่อายุไม่เหมาะสม เช่น เด็กเกินไปหรือมีอายุมากเกินไป ไม่สามารถรับผิดชอบตัวเองได้

Loading

Share

Twitter Delicious Facebook Digg Stumbleupon Favorites More