12 ก.ย. 2551

[ข่าว] อย. คุม "บิ๊กอายส์" ต้องแพทย์สั่งให้ใช้ เร่งสุ่มตรวจหากพบผลิต-จำหน่าย โทษทั้งจำ-ปรับ

อย.จ่อประกาศคุมคอนแท็กต์เลนส์เป็นเครื่องมือแพทย์ เตรียมจัดทำร่างประกาศ เพิ่มความปลอด ภัยแก่ผู้บริโภคในการใช้ทุกประเภท โดยเฉพาะพวก "บิ๊กอายส์" ชี้อายไลเนอร์ผสมน้ำมันเครื่องอันตราย เสี่ยงเกิดมะเร็ง เร่งส่งเจ้าหน้าที่สุ่มตรวจทั่วประเทศ หากพบผสมสารต้องห้ามฟันทั้งผู้ผลิต-ผู้จำหน่าย ระบุโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท

เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. น.พ.พงศ์พันธ์ วงศ์มณี รองเลขา ธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า ด้วยปัจจุบันมีกระแสแฟชั่นใส่คอนแท็กต์เลนส์ หรือเลนส์สัมผัส เพื่อความสวยงามที่ทำให้มองเห็นตา กลมโตตามแบบดาราเกาหลีหรือญี่ปุ่นได้ระบาดเข้ามาสู่วัยรุ่นไทยโดยเฉพาะในหมู่วัยรุ่นหญิง โดยเลนส์สัมผัสประเภทนี้เหมือนกับเลนส์สัมผัสแฟชั่นที่มีหลายสีให้เลือก แต่บริเวณตรงกลางมีลักษณะเป็นเลนส์ใสและบริเวณขอบเลนส์มีสีดำหรือสีเข้มต่างๆ ที่จะทำให้มองเห็นว่าผู้ใส่มีตาดำขยายใหญ่และกลมโตกว่าปกติ ซึ่งการใส่เลนส์สัมผัสอย่างไม่ถูกวิธีนั้นอาจมีการแพ้ ติดเชื้อ กระจกตาเป็นแผล อาจทำให้ตาบอดได้
รองเลขาธิการกล่าวว่า เลนส์สัมผัสที่มีวัตถุประสงค์เพื่อการปรับสายตา เข้าข่ายเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับใช้ในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม หรือสำหรับใช้แก้ไขความบกพร่องของร่างกาย จึงจัดเป็นเครื่องมือแพทย์ตามพระราชบัญญัติเครื่องมือแพทย์ 2551 ประเภทเครื่องมือแพทย์ทั่วไป

สำหรับเลนส์สัมผัสเพื่อความสวยงาม หรือคอนแท็กต์เลนส์แฟชั่น มีวัตถุประสงค์เพื่อความสวยงาม โดยไม่มีวัตถุประ สงค์ทางการแพทย์ต่อผู้ใส่ จึงไม่จัดเป็นเครื่องมือแพทย์ อย่างไรก็ตาม อย.ได้ตระหนักถึงปัญหาที่อาจเกิดขึ้น และเห็นว่าการใช้เลนส์สัมผัสทุกประเภท ทั้งชนิดที่ใช้เพื่อปรับสายตาที่จัดเป็นเครื่องมือแพทย์ และชนิดเพื่อความสวยงามที่ไม่จัดเป็นเครื่องมือแพทย์ หากนำมาใช้อย่างไม่ถูกต้องเหมาะสมอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้ได้เช่นกัน จึงเห็นควรกำหนดให้มีการควบคุมเลนส์สัมผัสทุกประเภทเป็นเครื่องมือแพทย์ควบคุมอย่างเข้มงวดขึ้น

"ขณะนี้ได้จัดทำร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องเลนส์สัมผัส เพื่อเพิ่มมาตรการในการควบคุมการผลิตหรือนำเข้าเลนส์สัมผัสทุกประเภทในระดับที่เข้มงวดขึ้น โดยผู้ผลิตและผู้นำเข้าจะต้องขออนุญาตจาก อย.รวมทั้งต้องแสดงอายุการใช้ คำเตือน ข้อห้ามใช้ และข้อควรระวังในการใช้ไว้ในฉลากหรือเอกสารกำกับเครื่องมือแพทย์และในการโฆษณาต้องได้รับอนุญาตจาก อย. ผู้ที่ฝ่าฝืนมีโทษทั้งจำทั้งปรับ โดยจะมีการเสนอร่างประกาศฉบับดังกล่าวให้คณะกรรม การเครื่องมือแพทย์พิจารณาในวันที่ 17 ธันวาคมศกนี้ และเสนอความเห็นต่อรัฐมนตรี เพื่อลงนาม ประกาศใช้ต่อไป" น.พ.พงศ์พันธ์กล่าว
รองเลขาธิการกล่าวว่า สำหรับผู้ที่คิดจะใส่เลนส์ สัมผัสควรได้รับการตรวจตาจากจักษุแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเสียก่อนว่าไม่มีข้อห้ามในการใช้ และเพื่อได้รับเลนส์ที่มีขนาดโค้งที่ถูกต้องเหมาะพอดีกับตาของผู้ใส่ ไม่ควรไปซื้อเองจากร้านค้าทั่วไป ต้องใส่ใจในการทำความสะอาดเลนส์ ทั้งการล้าง แช่ เก็บ และก่อนสวมใส่ ทุกขั้นตอนต้องสะอาด เพราะถ้าเลนส์สกปรกมีเชื้อโรคทำให้ตาอักเสบได้ ไม่ควรใส่ขณะว่ายน้ำ ที่สำคัญต้องไม่ใช้ร่วมกับผู้อื่น โดยเฉพาะเลนส์สัมผัสแฟชั่นยิ่งต้องระวัง เพราะในช่วงที่ยังไม่มีการกำกับดูแลร้านค้าอาจนำสินค้าที่ไม่มีคุณภาพมาจำหน่าย ก่อให้เกิดอันตรายถึงขั้นตาบอดได้

น.พ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวถึงน.ส.ลัดดา ตั้งสุภาชัย ผอ.ศูนย์เฝ้าระวังทางวัฒนธรรม ระบุว่าอายไลเนอร์บางยี่ห้อที่วางขายตามตลาดนัด หรือรถเร่มีส่วนผสมของน้ำมันเครื่องว่า สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ยังไม่มีการตรวจพบว่าอายไลเนอร์ที่มีการวางจำหน่ายในพื้นที่บางแห่ง มีการผสมน้ำมันเครื่องจริงหรือไม่ อาจเป็นน้ำมันชนิดอื่นก็เป็นได้

แต่หากอายไลเนอร์มีส่วนผสมของน้ำมันเครื่องจริง ก็จะส่งผลอันตรายต่อร่างกาย โดยเฉพาะผิวหนัง โดยในระยะสั้นอาจทำให้เกิดการแพ้ ระคายเคือง แต่หากมีการใช้ในระยะยาวจะทำให้เกิดโรคผิวหนัง และอันตรายถึงขั้นเป็นมะเร็ง

เลขาธิการ อย.กล่าวอีกว่า อายไลเนอร์ไม่ได้เป็นเครื่องสำอางที่ต้องควบคุมพิเศษ ในการผลิตหรือนำเข้าจึงไม่จำเป็นต้องแจ้งต่อ อย. อย่างไรก็ตาม เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคตนจะสั่งการให้เจ้าหน้าที่ออกสุ่มเก็บตัวอย่างผลิตภัณฑ์ชนิดนี้ จากแหล่งจำหน่ายทั่วประเทศ ก่อนส่งให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ตรวจสอบว่ามีการผสมสารเคมีที่ห้ามใช้ในเครื่องสำอางหรือไม่ คาดว่าจะรู้ผลภายใน 1 สัปดาห์

หากพบผลิตภัณฑ์ยี่ห้อใด มีการใช้สารต้องห้ามเป็นส่วนประกอบ จะดำเนินการอายัดผลิตภัณฑ์และทำลายทิ้งต่อไป ในขณะที่ผู้ผลิตและผู้จำหน่าย จะมีความผิดฐานผลิตเพื่อจำหน่ายเครื่องสำอางที่ไม่ปลอดภัย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

"ในท้องตลาดมีเครื่องสำอางวางจำหน่ายกว่า 1 พันยี่ห้อ จึงอยากเตือนประชาชนควรเลือกใช้และซื้อผลิตภัณฑ์จากผู้จำหน่ายที่น่าเชื่อถือมีการระบุแหล่งผลิตที่แน่ชัดและเชื่อถือได้ อย่าซื้อเครื่องสำอางที่เป็นรถเร่ หรือสถานที่จำหน่ายที่เล็งเห็นแล้วว่าไม่น่าจะปลอดภัยต่อร่างกาย และต้องการวิงวอนผู้จำหน่ายให้คำนึงถึงความปลอดถัยของผู้บริโภค ไม่ควรนำเครื่องสำอางที่ไม่มีการระบุผู้ผลิตที่ชัดเจนมาขาย และหากใช้แล้วเกิดอันตรายขึ้นแก่ร่างกายก็ให้ร้องเรียนมาที่สายด่วน อย.1556 หรือที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อจะได้ดำเนินการตามกฎหมายกับผลิตภัณฑ์ชนิดนั้นๆ" น.พ.พิพัฒน์กล่าว

พนักงานคนหนึ่งประจำร้านจำหน่ายแว่นตาในย่านสยามสแควร์ เปิดเผยว่า สินค้าที่เป็นคอนแท็กต์เลนส์ "บิ๊กอายส์" ทางร้านได้นำเข้ามาจำหน่าย 2-3 ปีแล้ว มีเพียงยี่ห้อเดียวคือ ARYAN จากประเทศเกาหลี เป็นคอนแท็กต์เลนส์ที่ใช้ประเภทรายเดือน โดยมีบรรจุภัณฑ์และคำแนะนำที่ได้รับมาตรฐาน ISO ของประเทศอเมริกา และผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข

ทุกครั้งที่มีลูกค้าสนใจหรือซื้อไปใช้จะได้รับการแนะนำวิธีการใช้คอนแท็กต์เลนส์ ปกติจะจำหน่ายได้ประมาณ 10 กล่องต่อวัน โดยใน 1 กล่องจะมี 1 คู่ และเสาร์อาทิตย์จะจำหน่ายสูงสุดถึง 100 กล่อง โดยจำหน่ายกล่องละ 450 บาท ส่วนใหญ่ลูกค้าที่มาซื้อไปใช้จะเป็นวัยรุ่น นักเรียน นักศึกษากว่า 80 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือจะเป็นวัยทำงาน ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ไม่เคยมีปัญหา

ด้านตัวแทนพนักงานขายร้านโชคดีการแว่น คอนแท็กต์เลนส์ ที่ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ สาขางามวงศ์วาน กล่าวว่า ภายหลังมีข่าวออกมาว่าการใส่บิ๊กอายส์ที่ไม่ได้มาตรฐานและเก็บรักษาไม่ถูกวิธีอาจส่งผลทำให้ตาบอดภายใน 2 วันนั้น

ขณะนี้ยังไม่ส่งผลกระทบต่อยอดขายบิ๊กอายส์ของทางร้านแต่อย่างใด โดยยังคงมีกลุ่มวัยรุ่นที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นนักเรียนนักศึกษาเข้ามาถามหาซื้อบิ๊กอายส์ไปใส่ โดยปกติทางร้านจะขายบิ๊กอายส์เฉลี่ยวันละ 2-3 คู่

ขณะที่พนักงานของร้านโกลเด้น ออพติด ที่ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ สาขางามวงศ์วาน เปิดเผยว่า ขณะนี้ยอดขายบิ๊กอายส์ยังไม่มีผลกระทบกับข่าวที่ออกมา สำหรับปัญหาเกี่ยวกับคอนแท็กต์เลนส์ที่พบส่วนใหญ่จะเป็นคอนแท็กต์เลนส์ที่เป็นแฟชั่น ที่ผู้ใช้มักจะใช้คอนแท็กต์เลนส์เกินกำหนดเวลาที่ระบุไว้ รวมทั้งขาดการดูแลที่ถูกวิธี จึงอาจทำให้เกิดการติดเชื้อตามมาภายหลัง

โดยปัญหาที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่จะพบในกลุ่มนักเรียนนักศึกษา ส่วนกลุ่มคนในวัยทำงานที่ผ่านมาไม่เคยพบปัญหาแต่อย่างใด โดยปกติทางร้านจะขายบิ๊กอายส์วันละประมาณ 5-6 คู่ ซึ่งเมื่อวันที่ 7 ธ.ค.ที่ผ่านมา ทางนายณัฏฐ์ ทิวไผ่งาม หรือนัท เอเอฟ 5 ยังเดินทางมาซื้อบิ๊กอายส์ของทางร้านไปใช้

ส่วนพนักงานของร้านหอแว่น ที่ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ สาขางามวงศ์วาน กล่าวว่า สำหรับยอดขายบิ๊กอายส์ของทางร้านเมื่อมีข่าวออกมานั้นยังไม่มีผลกระทบตามมา โดยยังมีกลุ่มนักเรียน นักศึกษาที่ส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิงเดินทางมาหาซื้อบิ๊กอายส์ตามปกติ ซึ่งทางร้านจะขายบิ๊กอายส์เฉลี่ยวันละประมาณ 3-4 คู่

โดยบิ๊กอายส์เริ่มเข้ามาเป็นที่นิยมและเป็นที่ต้องการของกลุ่มวัยรุ่นในช่วงเดือนก.ย.ที่ผ่านมา ภายหลังกระแสนักร้องญี่ปุ่นและเกาหลีเริ่มเข้ามามีบทบาทในประเทศไทย สำหรับปัญหาของบิ๊กอายส์ที่เกิดขึ้นมักเกิดจากกลุ่มวัยรุ่นที่ต้องการตามกระแสแฟชั่นและไม่มีเงินในการซื้อบิ๊กอายส์ที่ได้มาตรฐานมาใส่ จึงหันไปซื้อบิ๊กอายส์ที่ไม่ได้มาตรฐานตามแหล่งศูนย์รวมวัยรุ่นต่างๆ อาทิ สยามสแควร์ ห้องสรรพสินค้ามาบุญครองและประตูน้ำ

โดยส่วนใหญ่วัยรุ่นขณะนี้มักจะนิยมถามหาซื้อบิ๊กอายส์ที่มีขนาดความกว้างของเลนส์ 18 ม.ม. ซึ่งเป็นขนาดที่ไม่ได้มาตรฐาน สำหรับบิ๊กอายส์ที่ได้มาตรฐานจะมีความกว้างของเลนส์เพียง 14.5 ม.ม.เท่านั้น

สำหรับพนักงานของร้านเอ แอนด์ พี ที่ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ สาขางามวงศ์วาน เปิดเผยว่า ภายหลังมีข่าวการใส่บิ๊กอายส์ที่ไม่ได้มาตรฐานและไม่ถูกวิธีอาจทำให้ตาบอดได้นั้น ขณะนี้ยังไม่มีผลต่อยอดขายบิ๊กอายส์ โดยยังคงมีวัยรุ่นที่ส่วนใหญ่เป็นนัก เรียน นักศึกษาหญิงเดินทางมาหาซื้อบิ๊กอายส์ตามปกติ โดยทางร้านจะขายบิ๊กอายส์อยู่วันละประมาณ 2-3 คู่

ขณะที่พนักงานของร้านแว่นบิวตี้ฟูล สาขาประชานิเวศน์ 1 เปิดเผยว่า ขณะนี้ยอดขายบิ๊กอายส์ของทางร้านยังไม่ได้รับผลกระทบจากข่าวที่ออกมาแต่อย่างใด โดยยังมีกลุ่มวัยรุ่นที่ส่วนใหญ่จะเป็นนักศึกษาหญิงมาหาซื้อบิ๊กอายส์ไปใส่ ซึ่งปกติทางร้านจะขายบิ๊กอายส์อยู่ประมาณวันละ 2-3 คู่

ส่วนพนักงานของร้านแว่นท็อปเจริญ สาขาประ ชานิเวศน์ 1 กล่าวว่า ภายหลังมีข่าวเกี่ยวกับผลข้างเคียงจากการใส่บิ๊กอายส์ที่ไม่ได้มาตรฐาน ขณะนี้ยังไม่ส่งผลกระทบต่อยอดขายของทางร้าน โดยยังมีกลุ่มนักเรียนนักศึกษาเดินทางมาหาซื้อบิ๊กอายส์ไปใส่ตามปกติ

ส่วนใหญ่กลุ่มวัยรุ่นจะมาถามซื้อบิ๊กอายส์ที่มีสีดำ ส่วนบิ๊กอายส์ที่มีสีต่างๆ ยังไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร โดยทางร้านจะขายบิ๊กอายส์อยู่ประมาณวันละ 2-3 คู่

ที่มา: หนังสือพิมพ์ข่าวสด

0 comments:

แสดงความคิดเห็น

Loading

Share

Twitter Delicious Facebook Digg Stumbleupon Favorites More