แฟชั่น บิ๊กอาย

บิ๊กอาย กับ แฟชั่นในปัจจุบัน

เลนส์ตาโต เป็นคอนแทคเลนส์ชนิดตาโต หรือที่วัยรุ่นเรียกกันว่า “บิ๊กอาย”จะเหมือนกับคอนแทคเลนส์แฟชั่นสมัยก่อนที่มีสีสันให้เลือกมากมาย แต่ที่แตกต่างคือ เลนส์สีบริเวณตรงกลางดวงตาจะเป็นเลนส์ใสปกติแต่บริเวณขอบเลนส์จะมีสีดำ ทำให้ขอบตาคุณดูชัดมากขึ้น มีราคาตั้งแต่ 450 – 2,000 บาท

ใส่บิ๊กอายตาติดเชื้อ

บิ๊กอายทำตาบอด ติดเชื้อแบคทีเรีย แพทย์เตือนวัยโจ๋

แพทย์เตือนอันตรายจากคอนแทกท์เลนส์ "บิ๊กอาย" หลังมีผู้ป่วยติดเชื้อสูโดโมแนสที่ตา ทำให้เกิดการอักเสบอย่างรุนแรงต้องเข้ารับการรักษาตัวแล้ว 4 ราย จักษุแพทย์ ระบุ เป็นแบคทีเรียร้ายแรงลามกินตาดำได้ภายใน 2 วัน รักษาไม่ทันถึงขั้นตาบอด ผู้ป่วยรับหาซื้อง่ายแม้กระทั่งตามตลาดนัด จี้ภาครัฐออกมาเข้มงวด เพราะจัดอยู่ในกลุ่ม เครื่องมือแพทย์ ต้องได้รับอนุญาตจาก อย.

เลดี้ กาก้า Lady Gaga ใส่บิ๊กอาย

เลดี้กาก้า นำเทรนบิ๊กอาย อเมริกาเตือน Big Eye เป็นอันตราย ผิดกฏหมายในอเมริกา

นับตั้งแต่กระแสความโด่งดังของ Music Video "Bad Romance" ของนักร้องสาวชาวอังกฤษ Lady Gaga ทำให้วัยรุ่นอเมริกันเริ่มนิยมใส่ Contact Lenses ที่เรียกว่า "Big Eye" กันเป็นจำนวนมาก จนหลายฝ่ายต้องออกมาเตือนในการใช้และการเลือกซื้อ เพราะวัยรุ่นจำนวนมากนิยมสั่งซื้อผ่านอินเตอร์เน็ต จากร้านค้าออนไลน์ในแถบเอเชีย...

บิ๊กอาย คอนแทคเลนส์ปลอม

อันตรายจากการใช้คอนแทคเลนส์แฟชั่น "บิ๊กอาย"

กระแสคอนแทคเลนส์แฟชั่นได้แพร่ระบาดเข้าสู่ประเทศไทยเมื่อประมาณต้นปี 2549 ที่ผ่านมา โดยวัยรุ่นไทยนิยมใส่คอนแทคเลนส์แฟชั่นเพื่อให้ตา กลมโตเลียนแบบดาราเกาหลี และญี่ปุ่น คอนแทคเลนส์แฟชั่นดังกล่าวเป็นที่รู้จักกันดีในนาม บิ๊กอายส์ หรือ คอนแทคเลนส์ตาโต ราคาก็มีตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักพัน ระยะเวลาการใช้งานก็มีให้เลือกหลากหลาย ตั้งแต่ 1 เดือนไปจนถึง 1 ปี

แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ เลนส์ตาโต แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ เลนส์ตาโต แสดงบทความทั้งหมด

14 พ.ค. 2553

ข้อเสีย - ข้อแนะนำในการใช้คอนแทคเลนส์

ข้อเสีย ของการใช้ คอนแทคเลนส์
  1. ใส่นานๆจะระคายเคืองกับดวงตา ทำให้ชอบเผลอ ขยี้ตา หลุดบ่อยมากตอนใส่แรกๆ
  2. ใส่แล้วดวงตา โดนลมนานๆก็ไม่ได้ ดวงตาจะแห้ง
  3. เปลืองถ้าเทียบกับแว่นในระยะยาว เพราะต้องมีน้ำยาล้างและอื่นๆอีกมาก

ต่อไปเป็นข้อแนะนำในการใช้คอนแทคเลนส์
  1. ไม่ควรใส่คอนแทคเลนส์ในที่ๆมีลมแรงๆโดยไม่มีแว่นกันลม เพราะ ฝุ่นจะเข้าตา และทำให้ระคายเคือง
  2. ถ้ามีโอกาสถอดคอนแทคเลนส์บ่อยเท่าไร ยิ่งดี เพื่อให้ดวงตาได้พัก
  3. ไม่ควรใส่ทั้งวันและทั้งคืน หรือใส่นอน เพราะจะทำให้ดวงตาคุณแย่ลง เพราะเรื่องเชื้อโรค
  4. ถ้าไม่มีปัญหาเรื่องเงินและต้องการรักษาสุขภาพดวงตา ควรซื้อแบบรายวัน เพื่อลดสิ่งสะสมของคอนแทคเลนส์ เช่นฝุ่น หรือพวกโปรตีน
  5. มั่นล้างทำความสะอาด คอนแทคเลนส์ของท่านอย่างสมำเสมอ บ่อยที่สุดเท่าที่ทำได้
  6. น้ำยายี้ห้อไหนที่ใช้แล้วรู้สึกระคายเคืองให้ทำการเปลี่ยนยี้ห้อทันที
  7. อย่าเผลอใส่คอนแทคเลนส์ลงว่ายน้ำโดยเด็ดขาด
  8. ถ้าคอนแทคเลนส์หลุด ห้ามใช้น้ำประปาในการใส่คอนแทคเลนส์โดยเด็ดขาด เพราะ เมื่อนำมาใส่จะทำให้ตาแสบตาได้

เคล็บไม่ลับสำหรับการดูแลคอนแทคเลนส์ที่รัก

การใช้คอนแทคเลนส์นั้น ไม่ได้ยากเย็นและอันตรายอย่างที่คิดกัน แต่ถ้าจะไม่พูดถึงการดูแลรักษาคอนแทคเลนส์บ้าง มันก็จะดูไม่สมบูรณ์อย่างไรไม่รู้ เพราะคอนแทคเลนส์นั้น ถึงแม้จะเป็นแบบรายเดือนคือมีอายุแค่ 30 วัน แล้วก็จะต้องทิ้งไป แต่การดูแล ก็เป็นเรื่องที่มองข้ามไม่ได้อย่างเด็ดขาดเลยจริง ๆ เนื่องจากอุปกรณ์ชิ้นนี้ ต้องสัมผัสกับอวัยวะ ที่สำคัญและบอบบางที่สุดของเรา ในการทำหน้าที่ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ในการมองเห็นได้แจ่มชัดขึ้น สำหรับสาวๆที่มีปัญหาทางสายตา ฉะนั้นถ้าเราไม่เอาใจใส่มันด ดีๆ แล้วละก็ ดวงตาอันล้ำค่าของสาวๆ ก็จะประสบเคราะห์ซ้ำกรรมซัดได้ ซึ่งคราวนี้ นอกจากจะมองไม่ชัดแล้ว อาจจะลุกลามไปยังปัญหาดวงตาอื่นๆอีกได้

เพื่อความปลอดภัย และความสบายตา การดูแลรักษาคอนแทคเลนส์ จึงป็นเรื่องสำคัญมาก ทุกครั้งที่ถอดคอนแทคเลนส์ ควรทำความสะอาด ล้างและแช่ เพื่อฆ่าเชื้อโรค ด้วยผลิตภัณฑ์ดูแลรักษา คอนแทคเลนส์โดยเฉพาะ เช่น น้ำยาดูแลรักษาคอนแทคเลนส์ ReNu MultiPlus ™

การเลือกใช้คอนแทคเลนส์ ให้ถูกต้องและเหมาะสมกับบุคลิกภาพและความต้องการ

การเลือกใช้คอนแทคเลนส์ ให้ถูกต้องและเหมาะสมกับตนเองนั้น เป็นสิ่งที่ค่อนข้างยาก เนื่องจากคอนแทคเลนส์ มีหลายประเภทไม่ว่าจะเป็น คอนแทคเลนส์รายปี คอนแทคเลนส์รายวัน คอนแทคเลนส์รายเดือน หรือ คอนแทคเลนส์รายสัปดาห์ อีกทั้งยังมีรายละเอียดอื่น ๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เรื่องของ วัถุดิบที่ใช้ผลิต เรื่องของ ความโค้ง และขนาดเลนส์ โดยในที่นี้เราจะพูดถึงเฉพาะ Soft Contactlens เนื่องจาก ปัจจุบัน เลนส์ Hard, RGP ไม่เป็นที่นิยมแล้ว

คอนแทคเลนส์ หรือ เลนส์สัมผัส

เลนส์สัมผัสหรือที่เราเรียกกันทับศัพท์ง่ายๆ ว่า คอนแทคเลนส์นั้น เป็นวิวัฒนาการทางจักษุวิทยาที่นำมาใช้แทนแว่นตา ช่วยแก้ปัญหาและขจัดความรำคาญของการใช้แว่นตา เสริมสร้างบุคลิกให้ผู้ที่มีสายตาผิดปกติให้มีความสวยงามเหมือนธรรมชาติ ไม่มีร่องรอยของแว่นตา และทำให้การมองเห็นภาพได้ชัดเจน เสมือนตาปกติโดยไม่ต้องใช้แว่นตา บางครั้งทำให้สะดวกและปลอดภัยในขณะที่เล่นกีฬาแทนการใส่แว่นตา

เลนส์สัมผัส แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ
  1. คอนแทคเลนส์ชนิดแข็ง หรือ Hard Contact Lens เป็นเลนส์ที่ทำด้วยพลาสติกแข็งน้ำซึมผ่านไม่ได้เลย
  2. เลนส์ชนิดนิ่ม เป็นเลนส์ที่ทำด้วยพลาสติกที่สามารถอมน้ำได้ ตั้งแต่ 35 ถึง 65 เปอร์เซ็นต์ จึงทำให้นิ่มมีรูเล็กๆ และน้ำซึมผ่านได้ ช่วยให้ออกซิเจนสามารถละลายผ่านเข้าไปถึงกระจกตาได้สะดวกขึ้น แต่ก็มีผลเลียที่เลนส์ชนิดนี้ จะจับเอาโปรตีน เยื่อเมือก เกลือแร่ และอนุภาคต่างๆ ที่มีอยู่ในน้ำตาเข้าไว้ในตัวเลนส์ ทำให้เลนส์สกปรกง่าย เป็นฝ้า ชำรุดเกิดอาการแพ้และระคายเคืองตาได้ จึงต้องคอยระวังรักษาอย่างดี หมั่นทำความสะอาดโดยการใช้ระบบความร้อนทำความสะอาด หรือใช้น้ำยาแช่ทำความสะอาดแทนความร้อน

การเลือกซื้อคอนแทคเลนส์
คนเราแต่ละคน แตกต่างกัน บางคน ตาโต บางคนตาเล็ก ตาโปน ตาลึก ไม่เหมือนกัน คอนแทคเลนส์ที่ดีควร พอดีกับตาคนคนนั้น ทั้ง สายตา และกระชับตาดี

เลนส์ที่กำลังสายตาพอดี จะทำให้ท่านเห็นได้ชัดเจน สบายตา ไม่ต้องเพ่ง แต่ถ้าใส่เลนส์แล้วรู้สึกว่า เดี๋ยวชัดเดี๋ยวไม่ชัด แสดงว่า เลนส์ชิ้นนั้นไม่กระชับพอดีตา ลองทดลองด้วยตัวเองแบบง่ายๆ ถ้าท่านใส่เลนส์อยู่ให้หลับตาลง เมื่อลืมตาขึ้น ถ้าภาพมัวแล้วค่อยๆ ชัดขึ้น ก็แสดงว่าเลนส์ที่ใส่อยู่นั้น หลวมเกินไป แต่ในทางกลับกัน ถ้าลืมตาขึ้น ภาพคมชัด แล้วค่อยๆ มัวลง ต้องกระพริบตาบ่อยๆ ถึงชัดขึ้น มักเกิดจากเลนส์คับเกินไป อาจต้องใช้เลนส์ที่หลวมกว่านั้น โดยส่วนมากผู้บริโภคส่วนใหญ่เข้าใจว่า Contact Lens เป็น Free Size


การเริ่มต้นใช้เลนส์อย่างถูกวิธี
  1. ควรบอกจักษุแพทย์ เป็นผู้เลือกเลนส์ที่น่าจะเหมาะสมกับคุณ
  2. บอกความต้องการของคุณให้ชัดเจนว่า ต้องการใช้เลนส์อะไร เอาเลนส์นิ่มหรือแข็ง อยากให้ชัดมากๆ หรือเอาสบายๆ เข้าไว้
  3. อยากใส่เลนส์ทุกวันหรือเฉพาะวัน
  4. เอาแบบเปลี่ยนรายวัน หรือเอาแบบประหยัด
  5. ถ้าคุณเป็นคนแพ้ง่าย ก็บอกไปด้วย
  6. งานอาชีพของคุณ ถ้าเป็นคอมพิวเตอร์ เป็นพนักงานบนเครื่องบิน เป็นศัลยแพทย์ มีข้อพิจารณา ข้อระวังในการ เลือกเลนส์เหมือนกัน

คุณหมอจะให้คุณลองคอนแทคเลนส์ที่เลือกไว้ ประเมินผลเบื้องต้นถ้าพอดี ก็ให้กลับไปใช้ชีวิตประจำวันสัก 2-3 วัน แล้วนัดกลับมาตรวจอีกครั้งให้แน่ใจว่าเลนส์พอดี แต่พอไปใส่ทำงาน เมื่อตาแห้งเลนส์หลวมลง เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยคุณควรขอใบ Prescription จากคุณหมอ เพื่อสั่งซื้อเลนส์ในคราวต่อๆ ไป ซึ่งอาจซื้อตามร้านค้า หรือเดี๋ยวนี้สั้งทำทาง Internet ก็ได้


เมื่อได้เลนส์มา ควรตรวจสอบที่ข้างกล่องว่า ตรงกับใน Prescrition หรือไม่ ซึ่งประกอบด้วย
  • Lens Power สั้นยาว เอียง เท่าไร
  • Base Curve ซึ่งย่อว่า B.C. หมายถึง ความคับหลวมของเลนส์
  • Diameter หรืเส้นผ่านศูนย์กลาง

เลนส์ต่างยี่ห้อที่กำลังเท่ากัน มี Base curve เท่ากัน อาจจะใส่ไม่พอดีเหมือนเดิม ถ้าใส่เลนส์อะไรพอดีแล้ว ควรใช้แบบเดิมตลอด ไม่ควรเปลี่ยนบ่อยๆ หลายคนใช้คอนแทคเลนส์ไปเรื่อยๆ โดยไม่เคยมาพบแพทย์เลย ลองคิดดูนะคะ การใช้คอนแทคเลนส์ต้องเสียเงินอย่างต่ำ ปีละ 4- 5 พันบาทอยู่แล้ว แถมการใช้ที่ไม่ถูกต้องยังเสี่ยงกับสุขภาพตาได้ การให้คุณหมอช่วยเลือกเลนส์ให้ คุณจะมั่นใจว่า คุณจะใช้เงินของคุณอย่างคุ้มค่า ได้ดวงตาที่มีสุขภาพ


ข้อสำคัญ
  1. ควรล้างมือให้สะอาดทุกครั้งก่อนใส่หรือถอดเลนส์
  2. อย่าใช้ยาหยอดตาทุกชนิดขณะใส่เลนส์
  3. ควรถอดเลนส์ก่อนนอนทุกคืน (อันนี้สำคัญมาก)
  4. อย่าใส่เลนส์ขณะตาอักเสบ หรือถ้ามีอาการผิดปกติใดๆ เกิดขึ้นควรรีบปรึกษาจักษุแพทย์และปฏิบัติตามคำแนะนำโดยเคร่งครัด

ระวังคอนแทคเลนส์ปลอม

วัยรุ่นกับแฟชั่น นับว่าเป็นสิ่งที่อยู่คู่กันมาโดยตลอด มีการหมุนเวียนเปลี่ยนกระแสนิยมในเรื่องการแต่งกายไปเรื่อย ๆ และที่เริ่มได้รับความนิยมล่าสุดก็คือ คอนแทคเลนส์ตาโต หรือที่เรียกว่า “บิ๊กอาย” ที่ทำให้ตาโตเหมือนสาวเกาหลี ญี่ปุ่น ประกอบกับมีให้เลือกหลากหลายสี เช่น สีฟ้า สีเขียว สีน้ำตาล หรือมีลายประกายสีม่วง สีเทา ซึ่งจะทำให้ดวงตาดูแปลกไปจากเดิม

คอนแทคเลนส์เหล่านี้ มิได้มีขายแต่ในร้านขายแว่นตาหรือร้านขายยาเท่านั้น เพราะตามแผงลอย แผงแบกะดินก็มีวางขายเช่นกัน นอกจากนั้นยังเสนอขายในราคาที่เย้ายวนให้ตัดสินใจซื้อ เพราะมีราคาที่ถูกกว่าในร้าน จึงเป็นเหตุให้มีของเลียนแบบหรือคอนแทคเลนส์ปลอมเกิดขึ้น

สิ่งที่น่ากังวลก็คือความปลอดภัยต่อการนำไปใช้ เพราะหากเป็นคอนแทคเลนส์ปลอม หรือของเลียนแบบ อาจมีคุณภาพที่ไม่ได้มาตรฐาน จึงเป็นอันตรายต่อลูกตาและเสี่ยงต่อการติดเชื้อจากโรคต่าง ๆ จนอาจถึงขั้นทำให้ตาบอดได้

ดังนั้นจึงควรให้ความสำคัญกับแหล่ง ร้านค้าที่จำหน่าย โดยเลือกซื้อจากร้านที่มีความน่าเชื่อถือและไว้ใจได้ หรือหมั่นตรวจสอบทุกครั้งว่าคอนแทคเลนส์ที่เลือกซื้อมีการบรรจุอย่างเรียบ ร้อยและมีฉลากกำกับที่ครบถ้วนถูกต้อง แล้วจึงค่อยตัดสินใจวื้อ อย่าให้เป็น “คนซื้อสวย คนขายหลอก แต่สุดท้ายกลับแย่”

ความเหมาะสมของบุคคลต่างๆ กับการใช้คอนแทคเลนส์

ผู้ที่เหมาะจะใส่คอนแทคเลนส์
1. ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับสายตาดังนี้
  • สายตาสั้น
  • สายตายาว
  • สายตาเอียง
  • สายตาคนสูงอายุ
2. ผู้ที่ผ่านการผ่าตัดต้อกระจกทั้งชนิด ข้างเดียวหรือ 2 ข้าง
3. ผู้ที่มีอาการตาสั่น (nystagmus) และควรแนะนำเป็นคอนแทคเลนส์ชนิดนิ่ม
4. ผู้ที่ไม่มีโรคประจำตัวเป็นอุปสรรค
5. ผู้ที่มีกระจกตาโค้งมากกว่าปกติ (Keratoconus) เช่น 6.9, 5.4 และกระจกตาบางมาก ควรแนะนำเป็นคอนแทคเลนส์ชนิดแข็ง (HCL)
6. ผู้ที่เป็น "TRICHIASIS" คือมีความผิดปกติของขนตาที่งอนเข้าไปแยงกระจกตา เป็นสาเหตุทำให้น้ำตาไหล แก้ไขได้โดยใส่คอนแทคเลนส์ขนิดนิ่ม (SCL)
7.ผู้ที่เป็น "ENTROPION" คือขอบตาเปิดเข้าด้านในมากกว่าปกติ แก้ไขได้โดยใส่คอนแทคเลนส์ขนิดนิ่ม (SCL)

ผู้ที่ไม่เหมาะจะใส่คอนแทคเลนส์
1. มีสุขภาพตาไม่ดีเช่น เป็นต้อลม, ต้อเนื้อ, ตาแดง, กระจกตาไม่รับรู้ความรู้สึก, ตาแห้ง, ตาบวมและผู้ที่กระพริบตาครึ่งตา
2. มีโรคประจำตัวบางโรคเช่น
  • โรคเบาหวานมีอาการบวมเป็นแผลถลอก แผลหายช้าและอักเสบง่าย ค่าสายตาไม่คงที
  • โรคไขข้ออักเสบ ทำให้ตาแห้งการทำความสะอาดเลนส์และการใส่ต้องตรวจและติดตามผลบ่อยกว่าปกติ
  • โรคความดันโลหิตสูง มีผลทำให้น้ำในร่างกายไม่คงที่
  • โรคภูมิแพ้ มีโอกาสแพ้เนื้อวัสดุที่ผลิตคอนแทคเลนส์และแพ้น้ำยาได้ จะทำให้มีอาการตาแดง, ตาแห้งและคันตา
  • ตั้งครรภ์ ทุกอย่างในร่างกายจะปรับสภาพใหม่ มีผลทำให้กระจกตาบวม ควรแนะนำให้ใส่หลังคลอดแล้ว 3-4 เดือน
3. ผู้ที่ต้องทานยาบางประเภทเป็นประจำ เช่น
  • ยา ANTIHISTAMINE รักษาโรคภูมิแพ้
  • ยา ANTIDIABETIC รักษาโรคเบาหวาน
  • ทานยาคุมกำเนิดเป็นเวลานานหลายปี มีผลทำให้น้ำที่กระจกตามีมากขึ้น 78% จะมีอาการกระจกตาบวม
4. ผู้ที่ทำงานบางประเภทที่ต้องประสบกับสิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นประจำ เช่น
  • มีฝุ่นละอองมาก
  • มีลมแรงพัดผ่านเป็นประจำ
  • มีควันบุหรี่หรือควันพิษ รวมถึงเขม่าต่างๆ
  • มีไอระเหยของสารเคมีต่างๆ ที่เป็นอันตราย
5. ผู้ที่อายุไม่เหมาะสม เช่น เด็กเกินไปหรือมีอายุมากเกินไป ไม่สามารถรับผิดชอบตัวเองได้

สิ่งที่ต้องรู้เมื่อจะซื้อ คอนแทคเลนส์

คอนแทคเลนส์ชนิด Disposable หมายถึงเลนส์ที่ใช้แล้วไม่ต้องล้างเลย ใช้แล้วถอดทิ้งเหมือนเราใช้กระดาษทิชชู ส่วน คอนแทคเลนส์ชนิด Planned Replacement หมายถึงเลนส์ที่ใช้แล้วใช้ซ้ำอีกได้ แต่ต้องเปลี่ยนบ่อยๆ มีอายุการใช้งานค่อนข้างสั้น ทุก 2-4 สัปดาห์

คอนแทคเลนส์ทั้งสองประเภท เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น เรื่อยๆ แต่มีความเข้าใจผิดของผู้ใช้อยู่เสมอว่า เลนส์พวกนี้เป็นเลนส์ Free size ดังนั้นเมื่อไปหาซื้อเลนส์ ผู้ใช้มักบอกคนขายแต่เพียงว่า ต้องการ ACUVUE เบอร์ -3.00 หรือ ต้องการ FOCUS เบอร์ -4.75 เท่านั้น และ คนขายก็มักหยิบเลนส์มาให้ได้เสียด้วย ที่จริงแล้ว บนหน้าซองบรรจุเลนส์ คุณจะเห็นว่านอกจากค่ากำลังของเลนส์ หรือ power -3.00 D หรือ -4.75D แล้วยังมีตัวอักษร B.C. 8.8 หรือ B.C. 8.6 กำกับมาด้วย ให้คุณแน่ใจได้เลยว่า นั่นย่อมไม่ได้หมายความว่าเลนส์ชิ้นนั้น ผลิตขึ้นก่อนคริสตกาล แต่มันสำคัญอย่างไรด้วยหรือ หรือฝรั่งทำเกินมา เฉยๆ

ค่า B.C. ย่อมาจาก Base Curve หมายถึงรัศมีความโค้งด้านหลังของเลนส์ชิ้นนั้น ซึ่งเป็นด้านจะต้องสัมผัสกับดวงตาของเรา เลนส์ที่มี B.C. 8.8 มิลลิเมตร หมายถึงเลนส์ชิ้นนั้น แบนกว่าเลนส์ที่มี B.C. 8.4 มิลลิเมตร ซึ่งจะทำให้ เลนส์ 8.4 ติดแน่น บีบรัดดวงตามากกว่าส่วนเลนส์ 8.8 จะรู้สึกหลวมเลื่อนได้มากก

เมื่อคุณซื้อเลนส์ คุณอาจเพิ่มหรือลด กำลังของเลนส์ได้ตามใจชอบ เช่น อยากให้ภาพคมชัดขึ้น อาจลองซื้อเลนส์กำลังสูงขึ้นสัก 0.25 แต่ถ้าใส่แล้วไม่ชอบใจ อยากใส่ให้ภาพนุ่มนวลลงก็อาจซื้อเลนส์อ่อนลง สัก 0.25 ได้ไม่เสียหายอะไรนอกจากรู้สึกมึนๆนิดๆ แต่การเปลี่ยนค่า Base Curve ขอให้เป็นหน้าที่ของจักษุแพทย์นะคะ เพราะการใส่เลนส์คับหรือหลวมเกินไปอาจเป็นอันตรายได้ ควรซื้อเลนส์ Base Curve เดิมเสมอ ห้ามเปลี่ยนเองค่ะ

8 เม.ย. 2553

บิ๊กอาย แฟชั่นตาโต ที่ต้องระวัง

ระวัง บิ๊กอาย
กระแสแฟชั่นเกาหลี ญี่ปุ่นช่วงนี้มาแรงจริง ๆ ทั้งเสื้อผ้า ทรงผม แต่ที่กำลังอินสุด ๆ คงหนีไม่พ้น อุปกรณ์ตกแต่งดวงตา ทั้งขนตาปลอม และคอนแทคเลนส์ตาโต หรือที่รู้จักกันว่าบิ๊กอายนั่นเอง

บิ๊กอาย ชื่อบอกว่าอยู่แล้วว่า ตาโต ใครที่ ตาหยี ตาเล็ก จึงได้โอกาสเปลี่ยนลุกให้ดูเฉี่ยวขึ้น น่ารักขึ้น ด้วยวิธีง่าย ๆ โดยไม่ต้องทำศัลยกรรม ด้วยการใส่คอนแทคเลนส์เพิ่มขนาดตาดำให้ดูโตขึ้น งานนี้ไม่ต้องเจ็บตัว แถมยังหาซื้อได้ง่าย ๆ อีกด้วย หาซื้อง่ายแบบนี้ จะปลอดภัยจริงหรือ นี่คือสิ่งที่วัยรุ่นไทย ละเลยไปรึเปล่ามาทำความรู้จักกันอีกซักนิด เพราะถ้าไม่ระวัง แทนที่จะสวยหล่อ อาจกลายเป็นว่า มองอะไรไม่เห็นไปตลอดชีวิต

อันตราย บิ๊กอาย
บิ๊กอาย คอนแทคเลนส์ตาโต
 ต้องยอมรับว่า บิ๊กอาย ไม่ได้ฮิตเฉพาะกันแต่หมู่วัยรุ่นผู้หญิงเท่านั้น แต่ยังได้รับความนิยมในหมู่วัยรุ่นชายอีกด้วย บิ๊กอาย สนนราคาอยู่ที่ หลักร้อย ไปจนถึงหลักพัน มีทั้งแบบใช้เปลี่ยนรายวันและแบบรายเดือน มีหลายขนาดและหลากสี ซึ่งเมื่อใส่แล้ว จะทำให้ดวงตาดำของเรามีขนาดใหญ่ขึ้น ทำให้ดูตาโตขึ้น เหมือนชื่อ

บิ๊กอาย มาจากไหน
คอนแทคเลนส์ตาโตเหล่านี้ นำเข้าจากเกาหลีเสียเป็นส่วนใหญ่ สามารถหาซื้อได้ตามร้านแว่นตาชั้นนำ หรือร้านที่กลุ่มวัยรุ่นรู้จัก นอกจากนี้ยังสามารถสั่งซื้อได้ตามเว็บไซต์ต่าง ๆ อีกด้วย แต่ไม่มีการรับประกันใด ๆ จากทางร้าน หรือเว็บไซต์ ดังนั้นจึงมีความเสี่ยงสูงที่จะเจอของไม่มีคุณสภาพ และอาจทำอันตรายต่อดวงตาของเราได้

ใส่ไม่ระวัง อาจตาบอดได้
เนื่องจากดวงตาเป็นอวัยวะที่บอบบางมาก โดยปกติเพียงแค่ฝุ่นเข้าดวงตา ก็สามารถทำให้เคืองตาจนอักเสบได้ภายในเวลา 1 วัน คอนแทคเลนส์ก็เช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นวัสดุทางการแพทย์ เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่มีปัญหาทางด้านสายตา แต่ไม่สามารถใช้แทนแว่นสายตาได้ การตัดสินใจใช้คอนแทคเลนส์จึงควรอยู่ในดุลยพินิจของจักษุแพทย์ การใช้คอนแทคเลนส์อย่างไม่ระมัดระวัง ไม่ว่าจะเป็นการทำความสะอาดอย่างไม่ถูกต้อง ใส่ต่อเนื่องไม่มีการถอดเปลี่ยน สิ่งเหล่านี้อาจทำให้ดวงตาอักเสบและเกิดการติดเชื้อขั้นรุนแรงได้ ทั้งนี้คอนแทคเลนส์จะต้องสัมผัสกับกระจกตาโดยตรงและเป็นระยาวเวลานาน หากสกปรก จะส่งผลให้เกิดการติดเชื้อที่กระจกตา และอาจลุกลามจนถึงขั้นตาบอดได้ภายใน 2 วัน

ใช้อย่างไร จึงจะปลอดภัย? วิธีที่จะสนุกกับแฟชั่นให้ปลอดภัยนั้น ทำได้ง่าย ตามคำแนะนำของจักษุแพทย์ดังนี้

1.ไม่ควรใส่นานเกินไป เฉลี่ยควรใส่เพียงแค่วันละ 8 -10 ชั่วโมง ต่อวัน ควรถอดออกก่อนที่จะทำความสะอาดใบหน้า กรณีที่ใช้เครื่องสำอาง และเมื่อถึงเวลานอนควรถอดออก หากใส่ค้างไว้ อาจทำให้ดวงตาอักเสบได้
2.ถอดและใส่อย่างถูกวิธี เพราะถ้าทำไม่ถูกวิธี อาจทำให้เกิดรอยฉีกขาดคอนที่คอนแทคเลนส์ และอาจขีดข่วนเป็นแผลที่กระจกตาได้
3.ต้องรักษาความสะอาด โดยเมื่อถอดแล้วให้ล้างด้วยน้ำยาทำความสะอาดเพื่อฆ่าเชื้อโรคเท่านั้น และเปลี่ยนน้ำยาล้างและแช่ทุกครั้งด้วย
4.ไม่ควรใช้ร่วมกับบุคคลอื่น มีวัยรุ่นบางกลุ่มได้แยกกันซื้อคอนแทคเลนส์แล้วนำมาแบ่งกันใช้ ถือว่าอันตรายมาก ๆ เพราะอาจเกิดการติดเชื้อแบคทีเรียต่าง ๆ และที่สำคัญอาจทำให้ติดเชื้อเอดส์ได้

เราสามารถสนุกกับแฟชั่นได้ แต่อย่าลืมระมัดระวังด้วย เพราะแฟชั่นบางอย่าง สามารถทำให้เราสวย-หล่อ แต่อาจเป็นภัยต่อร่างกายเราได้เช่นกัน

ข้อมูลจาก : never-age.com

26 มี.ค. 2553

บิ๊กอาย กับ แฟชั่นในปัจจุบัน

แฟชั่นเกาหลี บิ๊กอาย
เลนส์ตาโต เป็นคอนแทคเลนส์ชนิดตาโต หรือที่วัยรุ่นเรียกกันว่า “บิ๊กอาย”จะเหมือนกับคอนแทคเลนส์แฟชั่นสมัยก่อนที่มีสีสันให้เลือกมากมาย แต่ที่แตกต่างคือ เลนส์สีบริเวณตรงกลางดวงตาจะเป็นเลนส์ใสปกติแต่บริเวณขอบเลนส์จะมีสีดำ ทำให้ขอบตาคุณดูชัดมากขึ้น มีราคาตั้งแต่ 450 – 2,000 บาท

ข้อเสีย : มีวัยรุ่นบางกลุ่มนิยมซื้อมาแลกกันใส่คนละข้างซึ่งเสี่ยงต่อการติดเชื้อของ โรคติดต่อบางชนิด เชื้อแบคทีเรีย รวมทั้งเชื้อเอดส์ แฟชั่น Big eyes จึงเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง เนื่องจากตาเป็นอวัยวะที่บอบบางมาก การใส่คอนแทคเลนส์เป็นการสัมผัสกับกระจกตาชั้นผิวนอก (Epithelium) โดยตรงหากไม่ระวังเรื่องความสะอาดอาจเกิดการติดเชื้อที่กระจกตาและลุกลามได้ หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องและทันเวลา อาจส่งผลให้ต้องสูญเสียดวงตา

วิธีใช้ที่ถูกต้อง
  • ไม่ควรใส่ติดต่อกันนานเกิน 8-10 ชั่วโมง และไม่ควรใส่ขณะนอนหลับ เนื่องจากการใส่คอนแทคเลนส์เป็นเวลานานจะทำให้ตาได้รับออกซิเจนน้อยลง ทำห้เกิดอาการตามัวชั่วคราว เซลล์ผิวชั้นนอกของกระจกตาจะเสื่อมและทำให้การแบ่งตัวของเซลล์ผิดปกติจนเกิด การติดเชื้อลุกลามได้
  • ล้างกล่องแช่คอนแทคเลนส์ให้สะอาดทุกครั้งและผึ่งให้แห้งเพื่อป้องกันการสะสม ของคราบโปรตีนและเชื้อแบคทีเรียสิ่งสกปรกต่างๆ
  • ไม่ควรขยี้ตาขณะใส่คอนแทคเลนส์ เพราะคอนแทคเลนส์จะเสียดสีกับกระจกตาจนเกิดเป็นแผลที่กระจกตาและติดเชื้อได้ หากระคายเคืองควรใช้การกะพริบตา หรือควรถอดออกและลืมตาในน้ำสะอาด
  • เลือกซื้อคอนแทคเลนส์ที่ได้รับมาตรฐานจากร้านที่มีที่ตั้งชัดเจน เพราะคอนแทคเลนส์ราคาถูกที่ขายทั่วไปอาจเหลืออายุการใช้งานไม่ตรงกับที่ระบุ ไว้ข้างกล่อง หรือผ่านการผลิตที่ไม่ได้มาตรฐาน

บิ๊กอายมีขนาดต่างกัน ??



บิ๊กอายขนาดต่างๆ
 บิ๊กอายคนส่วนใหญ่ที่ไม่ได้ใช่คอนแทคเลนส์ หรือแม้แต่คนที่ใส่คอนแทคเลนส์แทนแว่นสายตาอาจไม่รู้ว่า คอนแทคเลนส์บิ๊กอาย หรือที่เราค้นเจอในเน็ตคือคำว่า Bigeye มีขนาดที่ต่างกันบางคนรู้เพียงแค่ว่ามีค่า Diameter (เส้นผ่านศูนย์กลาง) เท่านั้น ซึ่งในท้องตลาดจะมีเพียงไม่กี่ขนาดเช่น 14.0mm 15.0mm 15.5mm ซึ่งจริงๆแล้วตัวคอนแทคเลนส์บิ๊กอาย มีข้อกำหนดในการระบุขนาดเพื่อแจ้ง อย. ว่าขายได้ในขนาดไม่เกินค่า Dimeter เท่าไหร่ แต่ Bigeye ที่ขายในตลาดทุกวันนี้การจะดูความโตที่แท้จริงต้องดูที่ ค่าEffect ซึ่งปัจจุบันมีค่า Effect สูงสุดอยู่ที่ 18.0 ซึ่งคนเกาหลีหรือญี่ปุ่นไม่ชอบใส่ เพราะไม่เหมาะกับคนตาเรียวเล็กนั่นเอง สำหรับคนไทยการที่จะใส่คอนแทคเลนส์บิ๊กอาย Effect18.0ได้ ต้องไม่ใช่มือใหม่ เพราะจะรู้สึกลำบากเวลาใส่แต่ง่ายเวลาถอดเช่นกัน มือใหม่ควรเริ่มกับ Bigeye ขนาด15.5 ไปก่อน ตาโตสวยได้เหมือนกัน

เรื่องของการตรวจสอบจากองค์การอาหารและยา ไม่เพียงแต่การกำหนดความโตที่ขายได้เท่านั้น อย.ยังต้องตรวจคุณสมบัติอื่นๆของตัวเลนส์ และสถานที่จัดเก็บสินค้าให้เป็นไปตามกฎ จากนั้นจะออกเอกสารกำกับตัวผลิตภัณฑ์ว่าผ่านการตรวจสอบ แต่!!! มีกฎที่ว่าไม่สามารถเอาเอกสารดังกล่าวไปโฆษณาได้ อันนี้ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไร ทำให้หลายๆเว็บไซต์ไม่สามารถแสดง อย.ไทยได้ ส่วนใหญ่จึงแสดงแค่ อย.เกาหลีหรือญี่ปุ่นตามแหล่งผลิตนั้นๆ คอนแทคเลนส์บิ๊กอาย Effect18.0 ยังไม่เป็นที่นิยมมากนักเพราะมีคนที่ใส่ได้ไม่มาก แต่ด้วยการลองใช้แล้วบอกต่อในปัจจุบันของผู้ที่ชื่นชอบความโต ทำให้เกิดการผลิตลายที่นิยมเช่น ck-105, dm23, 2tone และ 3tone ของ Vassen ฯลฯ ให้เป็นEffect 18.0 ขึ้นมามากมาย

25 มี.ค. 2553

ทำไมต้องใส่บิ๊กอาย?

ทำไมผู้หญิงถึงใส่บิ๊กอาย
" บิ๊กอาย " ผลิตออกมาหลากสีหลายลายให้เลือกซื้อเลือกหา และมีสีเทา สีน้ำตาลเข้ม และสีดำ ซึ่งเป็นที่นิยมในกลุ่มวัยรุ่น
จากการสอบถามสาว ๆ หลายคนว่า ทำไมถึงนิยมใส่บิ๊กอายกันมากมายขนาดนี้ สรุปได้ว่า
เพราะสาวๆส่วนใหญ่เชื่อว่า การใส่บิ๊กอายจะทำให้ตาโตขึ้นเหมือนกับตุ๊กตาไม่ก็ดาราญี่ปุ่น บิ๊กอาย เป็นอุปกรณ์เพิ่มความสวยทำให้ผู้หญิงดูดีมากขึ้น พอใส่แล้วรู้สึกว่าตัวเองดูสดใส ดวงตาดูบ่องแบ๊วขึ้น ที่ใส่เพราะรู้สึกว่าสวย และทำให้บุคลิกดี ตามเทรนด์เกาหลี ญี่ปุ่น
แต่ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นคอนแท็กต์เลนส์ชนิดใดก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดคือการระมัดระวังเรื่องความสะอาด เนื่องจากคอนแท็กต์เลนส์ต้องสัมผัสกับกระจกตาโดยตรงและเป็นระยะเวลานาน

ทำไมคุณถึงต้องใส่บิ๊กอาย ?  ขอเชิญร่วมแสดงความคิดเห็นด้านล่างค่ะ

21 มี.ค. 2553

วิธีเปิดขวด และข้อแนะนำสำหรับเลนส์ใหม่

  1. ตรวจสอบดูเลนส์ในขวดว่าฉีกขาด แหว่ง หรือเป็นรุ่นที่ต้องการหรือไม่ ก่อนทุกครั้ง
  2. มองหาลูกศรตรงขอบโลหะ
  3. ใช้นิ้วโป้งดันขึ้นตรงลูกศรเพื่อเปิดฝาพลาสติกด้านบนออก (สำหรับยี่ห้อ NEO Vision ให้ดันด้านตรงข้ามกับลูกศร)
  4. ดึงฝาพลาสติกออกมาพร้อมกับโลหะ
  5. เปิดจุกยางออก สำหรับ เลนส์ที่เพิ่งแกะออกจากขวดครั้งแรก ควรล้างด้วยน้ำยาแช่ ล้างให้สะอาด และแช่ทิ้งไว้ประมาณ 6-8 ชั่วโมงก่อนใส่ เพื่อล้างน้ำยาที่แช่มาในขวดในหมดไป หากใส่เลยจะทำให้เกิดอาการตาแห้ง และแสบตา

ก่อนจะใส่บิ๊กอาย - คอนแทคเลนส์

ก่อนจะใส่คอนแทคเลนส์ ผู้ใส่ควรเตรียมตัวดังนี้
  1. ล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่อย่างอ่อนและทำให้แห้งก่อนสัมผัสเลนส์
  2. ห้ามใช้เครื่องสำอาง ครีม หรือโลชั่น ก่อนใส่เลนส์ ถ้าจะให้ดีควรใส่เลนส์ก่อน แล้วจึงค่อยแต่งหน้า
  3. ในระหว่างที่ใส่คอนแทคเลนส์ ให้พยายามหลับตาเมื่อต้องใช้สเปรย์ฉีดผมหรือเครื่องสำอางที่เป็นละออง
  4. ควรปรึกษาจักษุแพทย์หากต้องการใส่เลนส์ขณะทำกิจกรรมบางอย่าง เช่น เล่นกีฬา
  5. ไม่ควรใส่เลนส์ที่หมดอายุแล้ว
  6. ไม่ควรใช้เลนส์ที่พบว่าขวดบรรจุถูกเปิดมาก่อนจะถึงมือท่าน หรือขวดมีความเสียหาย

12 ส.ค. 2552

[ข่าว] จักษุเตือน ใส่ "บิ๊กอาย" พร่ำเพรื่อ ถึงขั้นตาบอด

จักษุแพทย์เตือนการใส่คอนแทคเลนส์พร่ำเพรื่อ ไม่ถูกต้อง เสี่ยงต่อภาวะแพ้คอนแทคเลนส์ บางรายรุนแรงถึงขั้นตาบอดได้

หลังจากสำรวจย่านสยามสแควร์ที่วัยรุ่นนิยมออกมาท่องเที่ยววันหยุด หรือเรียนพิเศษ หากจอ้งไปที่ดวงตาของเด็กๆเหล่านี้ใน 10 คนจะพบ 1 คนที่มีดวงตาสดใสกลมโตกว่าปกติ จากคอนแทคเลนส์ขอบสีกว้าง ซึ่งรู้จักกันในชื่อ "บิ๊กอาย" ทำให้ความสวยเด่นของดวงตาชนะความตระหนักถึงอันตรายในความคิดของเด็กๆ

สำหรับข้อแนะนำขั้นต้น คือ ต้องให้แพทย์เลือกคอนแทคเลนส์ให้ในครั้งแรกเพื่อให้พอดีกับดวงตา กล่องใส่ต้องขัดล้างให้สะอาด และเปลี่ยนน้ำยาใหม่ทุกครั้งในการทำความสะอาดและแช่คอนแทคเลนส์ และที่สำคัญไม่ควรใส่คอนแทคเลนส์เกินวันละ 8 ชั่วโมง เพื่อดูแลดวงตาไม่ให้ขาดออกซิเจนจนเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้

ข้อมูลจาก : กรมสุขอนามัย

12 ก.ย. 2551

[ข่าว] อย. คุม "บิ๊กอายส์" ต้องแพทย์สั่งให้ใช้ เร่งสุ่มตรวจหากพบผลิต-จำหน่าย โทษทั้งจำ-ปรับ

อย.จ่อประกาศคุมคอนแท็กต์เลนส์เป็นเครื่องมือแพทย์ เตรียมจัดทำร่างประกาศ เพิ่มความปลอด ภัยแก่ผู้บริโภคในการใช้ทุกประเภท โดยเฉพาะพวก "บิ๊กอายส์" ชี้อายไลเนอร์ผสมน้ำมันเครื่องอันตราย เสี่ยงเกิดมะเร็ง เร่งส่งเจ้าหน้าที่สุ่มตรวจทั่วประเทศ หากพบผสมสารต้องห้ามฟันทั้งผู้ผลิต-ผู้จำหน่าย ระบุโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท

เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. น.พ.พงศ์พันธ์ วงศ์มณี รองเลขา ธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า ด้วยปัจจุบันมีกระแสแฟชั่นใส่คอนแท็กต์เลนส์ หรือเลนส์สัมผัส เพื่อความสวยงามที่ทำให้มองเห็นตา กลมโตตามแบบดาราเกาหลีหรือญี่ปุ่นได้ระบาดเข้ามาสู่วัยรุ่นไทยโดยเฉพาะในหมู่วัยรุ่นหญิง โดยเลนส์สัมผัสประเภทนี้เหมือนกับเลนส์สัมผัสแฟชั่นที่มีหลายสีให้เลือก แต่บริเวณตรงกลางมีลักษณะเป็นเลนส์ใสและบริเวณขอบเลนส์มีสีดำหรือสีเข้มต่างๆ ที่จะทำให้มองเห็นว่าผู้ใส่มีตาดำขยายใหญ่และกลมโตกว่าปกติ ซึ่งการใส่เลนส์สัมผัสอย่างไม่ถูกวิธีนั้นอาจมีการแพ้ ติดเชื้อ กระจกตาเป็นแผล อาจทำให้ตาบอดได้

12 ก.ค. 2551

[ข่าว] เตือนวัยรุ่นใส่บิ๊กอายระวังติดเชื้อตาบอดใน 2 วัน!!

หมอออกโรงเตือนวัยรุ่นแห่ตามแฟชั่นเกาหลีใส่ “บิ๊ก อายส์” หากสกปรกอาจทำให้ดวงตาติดเชื้อ ลุกลามถึงขั้นตาบอดได้ภายใน 2 วัน

นพ.ปราชญ์ บุญยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงแฟชั่นเกาหลีที่วัยรุ่นนิยมใส่คอนแทกต์เลนส์ตาโต หรือบิ๊กอายส์ ที่มีหลายสี หลายขนาด เพื่อเพิ่มขนาดดวงตา ทำให้ตาหวาน ว่า เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงอย่างมาก เพราะการนำสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในดวงตา ถือเป็นเรื่องที่เสี่ยงอันตราย เนื่องจากดวงตาเป็นอวัยวะที่สำคัญที่บอบบางที่สุด หากเกิดปัญหาขึ้นกับดวงตาและไม่ได้รับการดูแลรักษาที่ถูกต้อง อาจถึงขั้นตาบอดได้ จึงอยากให้วัยรุ่นตามกระแสแฟชั่น อย่างมีสติ รู้จักระมัดระวัง และชั่งน้ำหนักผลดีผลเสียที่จะตามมาด้วย

12 เม.ย. 2551

ตาโตสวย ด้วย บิ๊กอายส์ อย่างถูกวิธี

คำเตือน-คำแนะนำจากแพทย์

รศ.นพ.ปริญญ์ โรจนพงศ์พันธุ์ ประธานฝ่ายวิชาการราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทย และอาจารย์ภาควิชาจักษุวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า คอนแทกต์เลนส์ตาโต หรือ บิ๊กอายส์ มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อเพิ่มความสวยงามแก่ดวงตา ทำให้ตาโตขึ้น ซึ่งบิ๊กอายส์จะมีเลนส์ขนาด 13.5-14.0 มิลลิเมตร ในขณะที่ตาดำคนปกติจะมีขนาด 10.5 มิลลิเมตร ซึ่งปกติตาของคนจะประกอบด้วยกระจกตา (Cornea) มีลักษณะใสเหมือนกระจกไม่มีสี แต่สีจากม่านตา (iris) ของคนเอเชียจะมีม่านตาสีน้ำตาลเข้มถึงสีดำ ทำให้เห็นเป็นตาดำ

"บิ๊กอายส์” แฟชั่น (ต้องระวัง) ของคนอยาก “ตาโต”

ด้วยความคิดที่ว่า สาว “ตาเล็ก” หรือ “ตาชั้นเดียว” ไม่สวย ไม่มีเสน่ห์ ทำให้บรรดาสาววัยรุ่นชาวเอเชียจำนวนไม่น้อยพยายามดิ้นรนที่จะเพิ่มขนาดของดวงตาให้ใหญ่ขึ้น เช่น การผ่าตัดทำตาสองชั้น เป็นต้น ซึ่งล่าสุด ก็มาถึงคิวของนวัตกรรมใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มสาวๆ ชาวญี่ปุ่นและเกาหลี นั่นก็คือ “คอนแทกต์เลนส์ตาโต” หรือที่รู้จักกันในชื่อของ “บิ๊กอายส์
และแน่นอนว่า ขณะนี้ได้แพร่สะพัดมาสู่สาวตาเล็กชาวไทยไปเรียบร้อยแล้ว ด้วยเหตุผลเพื่อเพิ่มขนาดของดวงตาและทำให้ตาหวาน ที่น่าตกใจก็คือ ไม่ใช่แค่เพียงสาวๆ เท่านั้น หากยังลามไปถึงผู้ชายและบรรดาเพศที่ 3 ทั้งหลายอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม การใส่บิ๊กอายส์ก็จะใช่ว่าจะปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะล่าสุดเพิ่งมีคำเตือนจากกระทรวงสาธารณสุขไทย ว่า การใส่บิ๊กอายส์นั้น เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง เพราะการนำสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในดวงตา ถือเป็นเรื่องที่เสี่ยงอันตราย เนื่องจากดวงตาเป็นอวัยวะที่สำคัญที่บอบบางที่สุด หากเกิดปัญหาขึ้นกับดวงตาและไม่ได้รับการดูแลรักษาที่ถูกต้อง อาจถึงขั้นตาบอดได้

8 เม.ย. 2551

[ข่าว] สธ.ประกาศคุมเข้มคอนแทคเลนส์-ป้องดวงตาผู้ใช้ได้รับอันตราย


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีประกาศกระทรวงสาธารณสุขลงในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 19 พฤษาภคม 2552 เพื่อควบคุมการผลิตและนำเข้า เลนส์สัมผัสหรือคอนแทคเลนส์ให้เป็นเครื่องมือแพทย์ที่ต้องได้รับใบอนุญาตและ มีคุณภาพมาตรฐานตามที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยากำหนดเพื่อประโยชน์ในการ คุ้มครองความปลอดภัยแก่ผู้บริโภคในการใช้คอนแทคเลนส์สัมผัสทุกประเภทและ เพื่อเป็นการป้องกันการนำเลนส์ไปใช้ในทางที่ผิด

สาระสำคัญของประกาศมีดังนี้
1.ให้ผู้รับอนุญาตผลิตหรือนำเข้าเลนส์สัมผัสจัดให้มีฉลากเลนส์สัมผัสที่ขาย หรือมีไว้เพื่อขายแสดงข้อความไว้บนภาชนะบรรจุหรือหีบห่อบรรจุอย่างชัดเจน เป็นข้อความภาษาไทย และจะมีภาษาอื่นนอกจากภาษาไทยด้วยก็ได้ แต่ข้อความภาษาอื่นต้องมีความหมายตรงกับข้อความภาษาไทยโดยอย่างน้อยแสดงราย ละเอียดดังต่อไปนี้
 
(1) ชื่อ ประเภท และชนิดของเลนส์สัมผัส
(2) ชื่อ และสถานที่ตั้งของผู้ผลิตหรือผู้นำเข้า แล้วแต่กรณี ในกรณีเป็นผู้นำเข้าให้แสดงชื่อผู้ผลิต เมืองและประเทศผู้ผลิตเครื่องมือแพทย์นั้นด้วย
(3) จำนวนเลนส์สัมผัสที่บรรจุ
(4) เลขที่หรืออักษรแสดงครั้งที่ผลิต
(5) เดือน ปีที่หมดอายุ
(6) เลขที่ใบอนุญาตเครื่องมือแพทย์
(7) ประโยชน์ วิธีการใช้ และวิธีการเก็บรักษา
(8) คำแนะนำ ต้องแสดงข้อความว่า “การใช้เลนส์สัมผัสควรได้รับการสั่งใช้และตรวจติดตามทุกปีโดยจักษุแพทย์ หรือผู้ประกอบโรคศิลปะโดยอาศัยทัศนมาตรศาสตร์เท่านั้น” แสดงด้วยอักษรสีแดงที่เห็นได้ชัดเจน ขนาดความสูงตัวอักษรไม่น้อยกว่า ๒ มิลลิเมตร
(9) ระยะเวลาในการใช้งาน สำหรับเลนส์สัมผัสที่มีกำหนดระยะเวลาการใช้งาน แสดงด้วยอักษรขนาดที่เห็นได้ชัดเจน ขนาดความสูงตัวอักษรไม่น้อยกว่า 2 มิลลิเมตร
(10) คำเตือน ต้องแสดงข้อความอย่างน้อยว่า การใช้เลนส์สัมผัสโดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ที่ผิดวิธี มีความเสี่ยงต่อการอักเสบหรือการติดเชื้อของดวงตา อาจรุนแรงถึงขั้นสูญเสียสายตาอย่างถาวรได้

(11) ข้อห้ามใช้ ต้องแสดงข้อความอย่างน้อย ดังนี้
(ก) ห้ามใส่เลนส์สัมผัสนานเกินระยะเวลาใช้งานที่กำหนด
(ข) ห้ามใช้เลนส์สัมผัสร่วมกับบุคคลอื่น
(ค) ห้ามใส่เลนส์สัมผัสทุกชนิดเวลานอน ถึงแม้จะเป็นชนิดใส่นอนได้ก็ตาม ควรถอดล้างทำความสะอาดทุกวัน

(12) ข้อควรระวังในการใช้ ต้องแสดงข้อความอย่างน้อยดังนี้
(ก) ผู้ที่มีสภาวะของดวงตาผิดปกติ เช่น ต้อเนื้อ ต้อลม ตาแดง กระจกตาไวต่อความรู้สึกลดลง ตาแห้ง กระพริบตาไม่เต็มที่ ไม่ควรใช้เลนส์สัมผัส
(ข) ควรใช้น้ำยาล้างเลนส์สัมผัสที่ใหม่ และเปลี่ยนน้ำยาฆ่าเชื้อโรคสำหรับเลนส์สัมผัสทุกครั้งที่แช่เลนส์สัมผัส และแม้ไม่ใส่เลนส์สัมผัส ควรเปลี่ยนน้ำยาใหม่ในตลับทุกวัน
(ค) ควรเปลี่ยนตลับใส่เลนส์สัมผัสทุกสามเดือน
(ง) ข้อความ “ไม่ควรใส่เลนส์สัมผัสขณะว่ายน้ำ เพราะอาจทำให้เกิดการติดเชื้อที่ตาได้”หรือ “ห้ามใส่เลนส์สัมผัสขณะว่ายน้ำ เพราะอาจทำให้เกิดการติดเชื้อที่ตาได้” แล้วแต่กรณี ตามที่ผู้ผลิตกำหนด
(จ) ล้างมือฟอกสบู่ให้สะอาดทุกครั้งก่อนสัมผัสเลนส์
(ฉ) หากเกิดอาการผิดปกติ เช่น เจ็บหรือปวดตาเป็นอย่างมากร่วมกับอาการแพ้แสงตามัวลง น้ำตาไหลมาก ตาแดง ให้หยุดใช้เลนส์สัมผัสทันที และรีบพบจักษุแพทย์โดยเร็ว

2.ให้ผู้รับอนุญาตผลิตหรือนำเข้าเลนส์สัมผัสต้องจัดให้มีเอกสารกำกับเครื่อง มือแพทย์ของเลนส์สัมผัสที่ขายหรือมีไว้เพื่อขายเป็นข้อความภาษาไทย และจะมีภาษาอื่นนอกจากภาษาไทยก็ได้ แต่ข้อความภาษาอื่นต้องมีความหมายตรงกับข้อความภาษาไทย
3.ให้ผู้รับอนุญาตผลิตหรือนำเข้าเลนส์สัมผัส จัดทำรายงานการขายเลนส์สัมผัสตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาประกาศกำหนด

ประกาศนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป (ประกาศ ณ วันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2552)



เนื่องจากทางสำนักงานคณะกรรมอาหารและยาสั่งคุมเข้มสินค้าประเภทนี้มากขึ้น เพราะหากนำมาใช้อย่างไม่ถูกต้องเหมาะสมอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้ได้ ดังนั้นทางอย. จึงเห็นควรกำหนดให้มีการควบคุมเลนส์สัมผัสทุกประเภทเป็นเครื่องมือแพทย์ควบคุมอย่างเข้มงวดขึ้น

ซึ่งในการโฆษณา"บิ๊กอาย-คอนแทคเลนส์" ถือเป็นสินค้าที่อยู่ในกลุ่มเครื่องมือแพทย์ ดังนั้นการโฆษณานั้นต้องมีเลขที่ใบอนุญาตโฆษณาเครื่องมือแพทย์ ถึงจะสามารถทำการโฆษณาได้ ฉะนั้นก่อนตัดสินใจซื้อ ควรตรวจสอบใบอนุญาต และรายละเอียดของร้านค้าให้ดีเสียก่อน

ข้อมูลจาก : http://www.matichon.co.th/

10 เม.ย. 2549

การใส่บิ๊กอาย และการใส่คอนแทคเลนส์ กับ 11 ข้อคำถามที่พบบ่อย Q&A


(1) คอนแทคเลนส์ธรรมดาแตกต่างจากคอนแทคเลนส์สีอย่างไร?
คอนแทคเลนส์สี มีลักษณะเหมือนกับคอนแทคเลนส์ชนิดนิ่มทุกประการ เพราะทำมาจากเลนส์ชนิดนิ่มนั่นเอง แต่ได้ใช้สีเฉพาะระบายเป็นม่านตาสีต่าง ๆ ลักษณะการใช้การดูแลรักษาเหมือนคอนแทคเลนส์ชนิดนิ่มทุกประการนั่นเอง แต่ราคาแพงกว่า
 
(2) ภาวะแทรกซ้อนจากการใส่คอนแทคเลนส์มีอะไรบ้าง?
ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงที่สุดก็คือ การติดเชื้อของกระจกตามักพบในคนที่ใส่คอนแทคเลนส์นอน นอกจากนี้กระจกตาถลอกก็ยังพบได้บ่อย ๆ ดังนั้นผู้ที่ใช้คอนแทคเลนส์แล้วมีอาการตาแดง ควรจะถอดเอาเลนส์ออก และไปพบจักษุแพทย์ทันที เพื่อตรวจดูว่า มีแผลถลอกหรือการติดเชื้อหรือไม่ ในกรณีที่มีความผิดปกติเกิดขึ้น ไม่ควรใช้คอนแทคเลนส์จนกว่าอาการดังกล่าวจะหมดไป

(3) สามารถใช้คอนแทคเลนส์ร่วมกับเพื่อนของฉันได้ไหม?
คอนแทคเลนส์เป็นอุปกรณ์การรักษาทางการแพทย์ และเหมาะสมสำหรับใช้ส่วนตัวของแต่ละคน การแลกเปลี่ยนคอนแทคเลนส์ยังสามารถแพร่เชื้อแบคทีเรียเป็นอันตรายต่อกันได้, ซึ่งสามารถนำไปสู่การติดโรคติดต่อทางตาหรือสภาวะอันตรายต่อดวงตาอื่นๆได้

(4) Contact Lens ชนิดเปลี่ยนบ่อย ๆ มีข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้าง?
เลนส์สัมผัสชนิดเปลี่ยนบ่อย ๆ (ใช้แล้วทิ้ง) ข้อดีของเลนส์ชนิดนี้คือ ไม่ต้องใช้ยาเม็ดละลายโปรตีน ซึ่งเหมาะในคนที่แพ้น้ำยาล้างหรือแช่เลนส์ สะอาด และสะดวกกว่า ข้อเสียคือราคาสูง

(5) อายุเท่าไรจึงจะโตพอที่จะใส่เลนส์สัมผัสได้?
เลนส์สัมผัสมีหลายชนิด จักษุแพทย์จะเป็นผู้เลือกให้เหมาะสมกับผู้ป่วย ซึ่งสามารถใช้ได้ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงคนสูงอายุ เด็กแรกเกิดจะต้องให้ผู้ปกครองเป็นผู้ดูแล มักจะใส่ชนิดที่ใส่ค้างคืนนาน ๆ ได้หลายวันแล้วค่อยถอดออกล้าง โดยปกติเด็กที่สามารถดูแลความสะอาดได้ด้วยตนเอง ก็สามารถใส่เลนส์สัมผัส โดยจักษุแพทย์จะสอนวิธีถอดและล้างรวมทั้งการปฏิบัติให้ถูกต้อง

(6) ควรใช้คอนแทคเลนส์วันละกี่ชั่วโมง?
จำนวนเวลาที่จะใช้ได้ ขึ้นกับชนิดของเลนส์สัมผัสนั้น ๆ และสภาพของตาผู้ใส่ โดยปกติเลนส์สัมผัสชนิดนิ่ม จะแนะนำให้ใช้วันละประมาณ 8-10 ชั่วโมง ทั้งนี้ต้องคำนึงถึงสภาพของตาและสิ่งแวดล้อม เช่น คนที่ทำงานในห้องแอร์ ซึ่งจะมีอากาศค่อนข้างแห้ง การใส่ไปนาน ๆ จะทำให้มีอาการเคืองตา แสบตามากกว่า เพราะตาจะแห้งกว่าปกติ

(7) การใส่คอนแทคเลนส์ว่ายน้ำจะปลอดภัยหรือไม่?
แนะนำให้สวมใส่แว่นตาสำหรับว่ายน้ำเพื่อความปลอดภัย แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณต้องใส่คอนแทคเลนส์สำหรับว่ายน้ำ กรุณาเลือกคอนแทคเลนส์ชนิดเปลี่ยนทิ้งแบบรายวัน เพราะไม่ต้องมีการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรค อย่างไรก็ตาม น้ำจากสระว่ายน้ำ และน้ำทะเลมีสิ่งสกปรก และเชื้อจุลินทรีย์ และมันจะเพิ่มอัตราของการติดเชื้อที่กระจกตา เมื่อเวลาที่ใส่คอนแทคเลนส์ (กระบวนการ Metabolism ลดลงเนื่องจากการขาดออกซิเจน )ไม่แนะนำให้ใช้ใส่คอนแทคเลนส์แบบราย 2 สัปดาห์, เลนส์ที่ใช้แล้วทิ้งแบบรายเดือนและ คอนแทคเลนส์ถาวร สำหรับว่ายน้ำเพราะสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่เหมือนกับเชื้อ acanthameba สามารถพบได้ในสระว่ายน้ำ,และคอนแทคเลนส์ของคุณสามารถติดเชื้อโรคเหล่านี้ได้

(8) ควรจะใส่คอนแทคเลนส์ก่อนหรือหลังจากการแต่งหน้า?
ควรใส่คอนแทคเลนส์ก่อนแต่งหน้า และควรถอดคอนแทคเลนส์ออกก่อนการล้างเครื่องสำอางของคุณ . สิ่งนี้เป็นสิ่งสำคัญเนื่องจากไม่ต้องการให้สิ่งแปลกปลอมที่เป็นสารเคมีในเครื่องสำอางหรือสารต่างๆบนนิ้วมาสัมผัสกับคอนแทคเลนส์

(9) สามารถใส่คอนแทคเลนส์ได้ไหม ถ้าเป็นคนไข้ตาแห้ง?
โปรดปรึกษาจักษุแพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญ เพราะคนไข้ตาแห้งบางรายสามารถช่วยได้โดยการใช้น้ำตาเทียมช่วย และคอนแทคเลนส์ที่ทำจากวัสดุพิเศษ

(10) ถ้าใส่บิ๊กอายเป็นครั้งแรก ไม่เคยใส่แม้แต่คอนแทคธรรมดาเลย จะเริ่มใส่เป็นแบบรายปีเลยได้ไหม?
ถ้าเริ่มใส่คอนแทคเลนส์เป็นครั้งแรก สามารถใส่ได้ทั้งรายปีและรายเดือน แต่ว่าถ้าจะใส่รายปีก็ต้องมั่นใจว่ารู้วิธีใส่และทำความสะอาดที่ถูกต้อง แต่ที่เหมาะสมควรเริ่มจากการใส่เป็นรายเดือนก่อนจะดีกว่า เพราะว่าคนที่ใส่คอนแทคเลนส์ครั้งแรกนั้นที่ยังไม่ชิน มักจะทำคอนแทคเลนส์ขาดหรือเสีย ภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว และควรเริมจากใส่คอนแทคเลนส์ที่มีลายน้อยๆก่อน เพราะบางคนที่เพิ่งเคยใส่จะรู้สึกว่ามองไม่ถนัด ส่วนเรื่องขนาดเลนส์ก็ต้องเลืกให้เหมาะสมกับขนาดเบ้าตา เพราะถ้าเลือกที่ขนาดใหญ่กว่าเบ้าตามากก็จะใส่ยากและอาจจะระคายเคืองได้ในบางคน

(11) ใส่บิ๊กอาย / ใส่คอนแทคเลนส์ แล้วเล่นน้ำได้หรือไม่
เราแนะนำให้คุณสวมแว่นตาเพื่อการป้องกัน แต่อย่างไรก็ตาม หากคุณต้องสวมบิ๊กอาย/คอนแทคเลนส์ เล่นน้ำจริงๆ ก็ควรใช้บิ๊กอาย/คอนแทคเลนส์ ชนิดเปลี่ยนทิ้งแบบต่อวัน เพราะน้ำจากน้ำทะเลมีเชื้อจุลินทรีย์ และ เลนส์คู่โปรดของคุณอาจติดไวรัสเหล่านี้ได้

สุดท้าย สิ่งสำคัญที่สุดคือการดูและรักษาความสะอาด เพราะคอนแทคเลนส์เป็นวัสดุที่สัมผัสดวงตาของเราโดยตรง

Loading

Share

Twitter Delicious Facebook Digg Stumbleupon Favorites More