บิ๊กอาย กับ แฟชั่นในปัจจุบัน
เลนส์ตาโต เป็นคอนแทคเลนส์ชนิดตาโต หรือที่วัยรุ่นเรียกกันว่า “บิ๊กอาย”จะเหมือนกับคอนแทคเลนส์แฟชั่นสมัยก่อนที่มีสีสันให้เลือกมากมาย แต่ที่แตกต่างคือ เลนส์สีบริเวณตรงกลางดวงตาจะเป็นเลนส์ใสปกติแต่บริเวณขอบเลนส์จะมีสีดำ ทำให้ขอบตาคุณดูชัดมากขึ้น มีราคาตั้งแต่ 450 – 2,000 บาท
บิ๊กอายทำตาบอด ติดเชื้อแบคทีเรีย แพทย์เตือนวัยโจ๋
แพทย์เตือนอันตรายจากคอนแทกท์เลนส์ "บิ๊กอาย" หลังมีผู้ป่วยติดเชื้อสูโดโมแนสที่ตา ทำให้เกิดการอักเสบอย่างรุนแรงต้องเข้ารับการรักษาตัวแล้ว 4 ราย จักษุแพทย์ ระบุ เป็นแบคทีเรียร้ายแรงลามกินตาดำได้ภายใน 2 วัน รักษาไม่ทันถึงขั้นตาบอด ผู้ป่วยรับหาซื้อง่ายแม้กระทั่งตามตลาดนัด จี้ภาครัฐออกมาเข้มงวด เพราะจัดอยู่ในกลุ่ม เครื่องมือแพทย์ ต้องได้รับอนุญาตจาก อย.
เลดี้กาก้า นำเทรนบิ๊กอาย อเมริกาเตือน Big Eye เป็นอันตราย ผิดกฏหมายในอเมริกา
นับตั้งแต่กระแสความโด่งดังของ Music Video "Bad Romance" ของนักร้องสาวชาวอังกฤษ Lady Gaga ทำให้วัยรุ่นอเมริกันเริ่มนิยมใส่ Contact Lenses ที่เรียกว่า "Big Eye" กันเป็นจำนวนมาก จนหลายฝ่ายต้องออกมาเตือนในการใช้และการเลือกซื้อ เพราะวัยรุ่นจำนวนมากนิยมสั่งซื้อผ่านอินเตอร์เน็ต จากร้านค้าออนไลน์ในแถบเอเชีย...
อันตรายจากการใช้คอนแทคเลนส์แฟชั่น "บิ๊กอาย"
กระแสคอนแทคเลนส์แฟชั่นได้แพร่ระบาดเข้าสู่ประเทศไทยเมื่อประมาณต้นปี 2549 ที่ผ่านมา โดยวัยรุ่นไทยนิยมใส่คอนแทคเลนส์แฟชั่นเพื่อให้ตา กลมโตเลียนแบบดาราเกาหลี และญี่ปุ่น คอนแทคเลนส์แฟชั่นดังกล่าวเป็นที่รู้จักกันดีในนาม บิ๊กอายส์ หรือ คอนแทคเลนส์ตาโต ราคาก็มีตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักพัน ระยะเวลาการใช้งานก็มีให้เลือกหลากหลาย ตั้งแต่ 1 เดือนไปจนถึง 1 ปี
18 พ.ย. 2553
เรื่องที่คนใส่คอนแทคเลนส์ต้องรู้
1 ส.ค. 2553
เทคนิคการดูแลรักษาคอนแทคเลนส์
28 ก.ค. 2553
คู่มือการใช้คอนแทคเลนส์
- ล้างมือด้วยสบู่อ่อนๆ แล้วล้างน้ำให้สะอาด
- เช็ดมือให้แห้งก่อนจับคอนแทคเลนส์ทุกครั้ง
- วางคอนแทคเลนส์บนปลายนิ้วชี้ข้างที่ถนัด ตรวจดูรูปทรงให้ถูกต้อง
- คือขอบเลนส์ตั้งขึ้น(เหมือนขอบถ้วย)
- วางเลนส์บนปลายนิ้วชี้ข้างที่ถนัด ใช้นิ้วกลางมือข้างที่ถือคอนแทคเลนส์
- ดึงเปลือกตาล่างลงแล้วใช้นิ้วกลางมืออีกข้างหนึ่งดึงเปลือกตาบนขึ้น
- มองตรงๆ ไปที่กระจก ใช้นิ้วชี้วางคอนแทคเลนส์ตรงกลางกระจกตาเบาๆ
- เหลือบตามองด้านล่างแล้วค่อยๆ ปล่อยมือออก
- กระพริบตา และหลับตาสักครู่ คอนแทคเลนส์จะเคลื่อนไปอยู่ตรงกลางดวงตาโดยอัตโนมัติ
- ล้างมือให้สะอาด และเช็ดมือให้แห้ง
- มองที่กระจกใช้นิ้วกลางดึงเปลือกตาล่างลง แล้วใช้นิ้วกลางอีกข้างหนึ่งดึงเปลือกตาบนขึ้น
- ใช้นิ้วชี้เลื่อนคอนแทคเลนส์ลงมาบริเวณตาขาวส่วนล่าง ค่อยๆ หยิบคอนแทคเลนส์ออกโดยใช้นิ้วหัวแม่มือ และนิ้วชี้ห้ามใช้เล็บเด็ดขาด
- ถอดคอนแทคเลนส์ออก แล้วล้างทำความสะอาดทุกครั้งด้วยน้ำยาล้างทำความสะอาด
- ล้างมือให้สะอาด และเช็ดให้แห้งก่อนจับคอนแทคเลนส์ทุกครั้ง
- วางคอนแทคเลนส์บนฝ่ามือ หยดน้ำยา 3-4 หยดลงบนคอนแทคเลนส์ ใช้นิ้วถูเบาๆ ทั้งสองด้าน ข้างละ 10 วินาที จนสะอาดหมดคราบสกปรก
- ฉีดล้างคอนแทคเลนส์ทั้งสองด้านด้วยน้ำยา เป็นเวลา 5 วินาที
- แช่คอนแทคเลนส์ในน้ำยา เพื่อฆ่าเชื้อโรคอย่างน้อย 4 ชั่วโมงหรือทิ้งไว้ข้ามคืน
- ปิดฝาตลับแช่คอนแทคเลนส์ให้เเน่น
- ห้ามใช้เกินระยะเวลาที่กำหนด
- ห้ามใส่นอนและว่ายน้ำ เพราะอาจทำให้ติดเชื้อที่ตาได้
- ล้างมือให้สะอาดทุกครั้งก่อนใช้
- ไม่ควรใช้และหยุดใช้ทันทีถ้ามีสภาวะผิดปกติของตา
- ควรเปลี่ยนน้ำยาฆ่าเชื้อในตลับทุกวัน และเปลี่ยนตลับทุก 3 เดือน
24 ก.ค. 2553
7 คำถามควรรู้ก่อนใส่ คอนแทคเลนส์
ที่มา : ชีวจิต
22 ก.ค. 2553
เรื่องน่ารู้ : คอนแทคเลนส์เริ่มมีมาตั้งแต่เมื่อไร ?
วิธีเลือกน้ำยาล้างคอนแทคเลนส์ เพิ่มความปลอดภัยให้ดวงตา
16 ก.ค. 2553
4 วิธีใส่คอนแทคเลนส์แบบง่ายๆ
2. เริ่มจากการใช้ปลายนิ้วหยิบคอนแทคมาวางบนมืออีกข้าง แล้วหยดน้ำยาคอนแทคเลนส์ลงบนเลนส์ แล้วใช้นิ้วชี้ถูคอนแทคเป็นแนวเส้นตรงกลับไปมา
3. วางคอนแทคเลนส์บนปลายนิ้วชี้ข้างที่ถนัด ใช้มืออีกข้างเปิดเปลือกตาไว้ แล้วเอาคอนแทคเลนส์แตะลงไปบนตา หลับตาแล้วใช้นิ้วมือนวดเปลือกตาเบาๆ เพื่อให้คอนแทคเลนส์เข้าที่
4. ถ้าใส่แล้วเกิดอาการเคือง ถ้าเคืองเกิน 5-10 วิ คิดว่ามันไม่ปกติ ถอดออกมาล้างแล้วใส่ใหม่นะคะ อย่าทนเพราะดวงตาอาจจะบาดเจ็บได้
อันตรายจากการใช้คอนแทคเลนส์แฟชั่น "บิ๊กอาย"
อันตรายจากการใช้คอนแทคเลนส์แฟชั่น "บิ๊กอาย" |
การใช้คอนแทคเลนส์ เพื่อสุขภาพตาที่ดี
29 พ.ค. 2553
ภาวะการแพ้ Contact Lens (GPC)
ข้อมูลจาก : http://www.freeforworld.com/index.php/33
[ข่าว] ภัยจากคอนแทคเลนส์ตาโต
ระยะนี้มีข่าวจากสื่อต่างๆ ทั้งทีวีและหนังสือพิมพ์ฮือฮา ถึงการใส่ contact lens ทำให้ตาโตขึ้น คงเป็นที่สนใจของสาวๆ ตาตี่ๆ กันทั่วไป ก่อนจะไปใช้น่าจะมาเรียนรู้ถึงข้อควรปฏิบัติและโทษของมันดูบ้าง อย่ามุ่งมั่นเพื่อความสวยงาม โดยลืมนึกถึงความปลอดภัย
เลนส์สัมผัสหรือที่เรียกกันติดปากว่า Contact lens เป็นแผ่นพลาสติคใสๆ บางๆ ได้รับการหล่อหรือขัดเกลาให้เป็นแผ่นกลมรูปกะทะ โดยมีความโค้งใกล้เคียงกับความโค้งของตาดำของเรา ตัวเลนส์มีกำลังหักเหของแสงคล้ายๆ เลนส์ที่ใช้ในแว่นตาขนาดต่างๆ เพื่อแก้ไขสายตาที่ผิดปกติ ได้แก่ ตาสั้น ตายาว และตาเอียง เมื่อนำเลนส์สัมผัสมาใช้ โดยปะวางที่ตาดำอาศัยน้ำตาที่ฉาบบางๆ อยู่ผิวตาดำเป็นตัวยึดให้เลนส์ติดกับตาดำ โดยที่เลนส์ขยับเคลื่อนที่ได้เล็กน้อยเมื่อเรากลอกตาไปมา
- เพื่อแก้ไขสายตาที่ผิดปกติ ทดแทนแว่นสายตา กล่าวคือสามารถแก้ไข สายตาสั้น ตายาว ตาเอียง ตลอดจนสายตาผู้สูงอายุ โดยไม่ต้องใช้แว่นตา เป็นจุดประสงค์หลักที่ใช้กันมากที่สุด
- ใช้รักษาโรคกระจกตาบางชนิด เป็นการใช้ชั่วคราวเมื่อโรคกระจกตานั้นหายก็เลิกใช้
- ใช้เพื่อความสวยงาม เพื่อเปลี่ยนสีดวงตา หรือเพื่อปิดฝ้าขาวบริเวณตาดำ ในปัจจุบันนำมาใช้ให้ดวงตาดูโตขึ้นที่ฮือฮาเป็นข่าวอยู่นี้
ในระยะสิบกว่าปีมานี้ เพื่อจุดประสงค์ในข้อ 3 และมีบ้างที่ contact lens สี ช่วยทั้งเปลี่ยนสีตาและแก้ไขสายตาที่ผิดปกติด้วย อาจแบ่ง contact lens สีออกเป็น 4 ชนิด
- Visibility colored contact lens เป็นสีอ่อนๆ ออกสีฟ้าหรือเขียวอ่อน เป็นอันแรกๆ ของเลนส์สัมผัสสี จุดประสงค์ให้ผู้ใช้มองเห็นได้ง่ายแต่เดิมผู้ใช้เลนส์สัมผัสไร้สีเมื่อถอดออกจากดวงตาแทบจะมองไม่เห็น อาจจะตกหล่นหรือหาย หรือแม้เมื่อถอดออกจากตาใส่ในตลับอาจวางเลนส์ที่ขอบตลับเมื่อปิดตลับ ทำให้เลนส์ฉีกขาดได้ ถ้าทำเป็นสีจางๆ จะช่วยให้ผู้ใช้มองเห็นเลนส์ได้ง่ายขึ้น เนื่องจากเลนส์สีชนิดนี้สีจางมากจึงไม่เปลี่ยนสีตาของผู้ใช้
- Enhance colored contact lens เป็นเม็ดสีที่ย้อมเข้าไปในเนื้อ contact lens ที่เข้มกว่าและเม็ดสี หนาแน่นกว่า จุดประสงค์เพื่อเปลี่ยนสีตาของผู้ใช้ โดยเม็ดสีจะอยู่ในเนื้อ contact lens รอบๆ เว้นตรงกลางให้แสงเข้าเพื่อให้มองเห็นได้ดี
- Opaque colored contact lens เป็นเม็ดสีที่เข้มขึ้นไปอีกอยู่ในเนื้อเลนส์ที่ลึกลงไป มีสีต่างๆ หลายสี ใช้ในการเปลี่ยนสีตา ถือเป็นเครื่องประดับบริเวณตา มักใช้ในนักแสดงที่แต่งตัวสีฉูดฉาดและต้องการให้ดวงตามีสีแปลกๆ ด้วย นอกจากนี้อาจย้อมเม็ดสีให้กินบริเวณรอบนอกของเลนส์ ทำให้เมื่อใช้เลนส์นี้ดูตาดำใหญ่ขึ้นอันเป็นที่มาของเลนส์ช่วยให้ตาโต
- Light – filtering contact lens เป็นพัฒนาการของ contact lens สีชนิดล่าสุดมักใช้ในกีฬา เป็นการ ทำเลนส์เป็นสีเพื่อกรองแสงบางสีออกไป เพิ่มความชัดของวัสดุที่จะมอง เช่น เพื่อให้สีของลูกเทนนิสหรือลูกกอล์ฟเด่นชัดขึ้น ตัวอย่างนักกอล์ฟใช้สีอำพันเพื่อตัดสีครามของท้องฟ้าไกลๆ ทำให้เห็นลูกกอล์ฟชัดขึ้น
ถ้าท่านตัดสินใจที่จะลองใช้ CL สี ควรปรึกษาจักษุแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญดูก่อนว่าดวงตาของท่า เหมาะสมหรือสมควรใช้หรือไม่ CL มิได้เหมาะสำหรับดวงตาทุกคู่ ผู้ที่ไม่เหมาะที่จะใช้ได้แก่
- ผู้ที่มีโรคผิวหนังบริเวณเปลือกตาแบบเรื้อรัง การที่เปลือกตาอักเสบทำให้ไม่สบายตา อีกทั้งมักมีสารที่ขับจากต่อมบริเวณเปลือกตาเปลี่ยนไป
- ผู้ที่ตาแห้ง
- มีกระจกตาผิดปกติ
- เป็นภูมิแพ้ เพราะผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ อาจจะเกิดการแพ้ต่อสารที่ทำเลนส์หรือแพ้น้ำยาที่ใช้กับเลนส์
- มีโรคเรื้อรังทางร่างกาย เช่น เบาหวานที่ควบคุมไม่ดี โรคของต่อมไทรอยด์ที่มีตาโปน เพราะผู้ป่วย ในกลุ่มนี้มักจะมีตาแห้งไม่ค่อยกระพริบตา
- ผู้ป่วยที่มีปัญหาทางสุขภาพจิต มีความกังวล ขี้ระแวง
- ผู้ป่วยที่มีโรคข้อมือ มีมือสั่นจากโรคทางสมอง เช่น โรค Parkinson ทำให้จับต้องเลนส์สัมผัสไม่ได้ดี
- หญิงตั้งครรภ์และสตรีวัยทอง
- ผู้ที่ใช้ยาประจำบางตัว เช่น ยารักษาโรคกระเพาะ ผู้รับประทานยาคุมกำเนิด ผู้ใช้ยากลุ่มคลายเครียดประจำ ฯลฯ
สำหรับ CL สีก็คงคล้าย CL ทั่วไปแต่เพิ่มเม็ดสี เพื่อจุดประสงค์ดังกล่าวคงตอบสนองความต้องการในแง่ความสวยงาม แต่มีข้อเสียมากกว่า CL ธรรมดาหลายประการอาทิ เช่น
- ราคาแพงกว่า
- ด้วยเหตุที่มีเม็ดสีเข้าไปอยู่ในเนื้อ CL บริเวณที่เป็นสี ออกซิเจนจะไม่ซึมผ่านเข้าไปเลี้ยงกระจกตา อีกทั้งเม็ดสีเป็นสิ่งแปลกปลอม อาจทำให้เกิดโทษจากการแพ้เม็ดสีในคนบางคนได้
- ด้วยเหตุที่มีเม็ดสีปนอยู่ในเนื้อเลนส์ ผิวอาจไม่เรียบเป็นเนื้อเดียวกัน เชื่อว่าอาจมีเมือก โปรตีนที่มีอยู่ ในน้ำตาเข้าไปฝังตัวทำให้เลนส์เสียเร็วขึ้น และเลนส์สีจะมีความหนากว่าเลนส์ปกติ ทำให้ออกซิเจนซึมผ่านจากอากาศ น้ำตาไปเลี้ยงกระจกตาน้อยลง
- โดยเฉพาะรายที่เป็นสีเข้มๆ เพราะต้องการเปลี่ยนสีตาทำให้การดูแลรักษายากกว่าเลนส์ทั่วไป กล่าว คือหากมีสิ่งสกปรก ปนเปื้อน เช่น มีกลุ่มเมือกปนเชื้อโรคติดอยู่ ซึ่งจะเห็นได้ง่ายในเลนส์ธรรมดา ทำให้ผู้ใช้สามารถเช็ดถูออก หรือถ้าไม่ออกก็เลิกใช้คู่นั้นเพื่อความปลอดภัย หากเป็น CL สี มองไม่เห็นใช้ต่อไปทำให้เกิดตาอักเสบในเวลาต่อมาได้
- ในกระบวนการทำ CL สี ต้องเว้นบริเวณตรงกลางที่ตรงกับรูม่านตา เพื่อให้ผู้ใช้แลเห็นวัตถุ การเว้นขนาดตรงกลางอาจจะใหญ่ไปหรือเล็กไป สำหรับบางคนเนื่องจากเวลากระพริบตาหรือกลอกตาไปมามีการขยับของ CL อาจทำให้บริเวณที่เป็นสีมาบังตาทำให้มัวลงได้ เนื่องจากการเว้นขนาดบริเวณตรงกลางทำเป็นขนาดแน่นอนทั้งหมด แต่ขนาดรูม่านตาและการขยับของ CL เวลากระพริบตาไม่เท่ากันทุกคน
เมื่อตัดสินใจจะใช้เลนส์สัมผัสคู่แรกควรได้รับการตรวจตาเสียก่อนว่าไม่มีข้อห้ามในการใช้และประกอบ
จากผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น มิใช่ไปซื้อเอาตามห้างสรรพสินค้าหรือร้านสะดวกซื้อ และเมื่อได้เลนส์มาแล้วควรปฏิบัติตนดังนี้
- ไม่ว่าจะเป็นเลนส์ชนิดใด ล้วนต้องนำมาแปะไว้หน้าตาดำ ถือเป็นสิ่งแปลกปลอมที่อาจก่อให้เกิด ปฏิกิริยาหรือการอักเสบได้ ความสะอาดจึงเป็นเรื่องสำคัญ ถ้าเลนส์สกปรกมีเชื้อโรคก็เท่ากับนำเชื้อโรคไปใส่ในตา ซึ่งในบางครั้งอาจไม่เกิดโทษร้ายแรง แต่สักวันหนึ่งถ้ากระจกตามีรอยถลอก เชื้อโรคก็จะเข้าไปในเนื้อกระจกตาทำให้กระจกตาอักเสบและเกิดโรคร้ายแรงตามมา
- ใช้เลนส์ให้ทุกประเภท เลนส์ที่มีอายุ 2 สัปดาห์ก็ควรใช้แค่ 2 สัปดาห์ไม่ควรใช้เกินกว่านั้น แม้เลนส์ที่ระบุว่าใส่นอนได้ก็ไม่ควรใส่นอน
- แม้เลนส์รุ่นใหม่ๆ จะออกแบบให้ออกซิเจนซึมผ่านได้ดีตามที่มีโฆษณากันอยู่ ตาที่ใส่เลนส์สัมผัสอยู่ จะได้รับออกซิเจนน้อยลงเสมอ ถ้าใส่เลนส์ไม่นานเกินไปก็จะเป็นการขาดออกซิเจนของตาดำที่ไม่ก่อให้เกิดอันตรายมากนัก จึงควรมีเวลาให้ตาได้พักหรือปลอดการใส่เลนส์ ขอแนะนำว่าแม้ท่านจะเลือกแก้ไขสายตาผิดปกติด้วยเลนส์สัมผัส ท่านก็ควรจะมีแว่นเป็นอะไหล่ไว้ใช้เวลาพักตาจากเลนส์สัมผัส
- ปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้ประกอบเลนส์อย่างเคร่งครัด
- การทำความสะอาดเลนส์ ต้องทำอย่างเคร่งครัดประกอบด้วยการทำความสะอาด ล้างฆ่าเชื้อและ การเก็บ (cleaning, rinsing, disinfecting and storage) หลีกเลี่ยงการใช้น้ำเกลือซึ่งเทถ่ายจากขวดใหญ่ โดยคิดว่าจะประหยัดค่าใช้จ่าย เนื่องจากกระบวนการถ่ายเทน้ำเกลือ อาจทำให้เชื้อโรคปนเปื้อนได้ น้ำยาที่แช่เลนส์ต้องเททิ้งทุกครั้ง
- หากมีอาการผิดปกติ เช่น เจ็บตา ตาแดง ตาพร่ามัว ควรจะถอดเลนส์ออกและปรึกษาจักษุแพทย์
- พึงระลึกว่าการใช้เลนส์สัมผัสใช่ว่าจะปลอดภัย 100 % ขณะใส่เลนส์สัมผัสตาดำจะอยู่ในภาวะขาด ออกซิเจนบ้าง อาจมีโรคแทรกซ้อนหากใช้ไปนานๆ ผู้ใช้จึงควรรับการตรวจจากจักษุแพทย์เป็นระยะแม้ไม่มีอาการผิดปกติ
- ขอเตือนว่ามีผู้ใช้เลนส์สัมผัสไม่ถูกต้อง ก่อให้เกิดผลเสียหลายอย่าง เช่น เจ็บตา ตาแดง กระจก ตาเป็นแผล ซึ่งนอกจากทรมานจากการเจ็บปวด เสียเงิน เสียเวลาในการรักษา บางรายเป็นรุนแรงถึงขั้นสูญเสียสายตาเล็กน้อยไปจนถึงมากอย่างถาวร
16 พ.ค. 2553
วิธีการดูแลรักษาคอนแทคเลนส์
สำหรับคนสายตาผิดปกติคงต้องขอบคุณผู้ผลิตคิดค้น คอนแทคเลนส์ เพราะนอกจากจะแก้ปัญหาสายตาให้มองเห็นได้ดีขึ้นแล้ว โดยเข้ามาแทนที่การใช้แว่นสายตาที่บางคนไม่ชอบเพราะบดบังความงามของตาคู่งาม หรือใบหน้าสวยของตัวเอง ใส่คอนแทคเลนส์ดูเป็นธรรมชาติกว่าเป็นไหนๆ แต่คงยังต้องยอมรับว่าแว่นสายตายังครองอันดับหนึ่ง ของอุปกรณ์แก้ปัญหาสายตาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดอยู่
- การล้างทำความสะอาด (cleaning) โดยใช้น้ำยาเพื่อทำความสะอาด ตัวน้ำยาประกอบด้วยสารซึ่งทำหน้าที่คล้ายผงซักฟอก โดยน้ำยานี้จะจับกับสิ่งสกปรกตลอดจนเชื้อโรคให้หลุดออกจากผิวคอนแทคเลนส์ เชื่อกันว่าวิธีนี้สามารถขจัดเชื้อโรคออกไปได้ถึง 90%
- การชะล้าง (rinsing) ส่วนใหญ่จะเป็นน้ำเกลือพิเศษที่มีสารกันเสียอยู่ด้วย หรือ ใช้น้ำยาดูแลรักษาคอนแทคเลนส์ (ใช้น้ำเกลือทั่วๆ ไปแทนไม่ได้) เป็นการใช้น้ำยาเพื่อชะล้างสิ่งสกปรก
- การฆ่าเชื้อโรค (disinfecting) ทำหน้าที่ฆ่าเชื้อโรคที่เหลืออยู่อีก 0.1% ขบวนการนี้อาจจะใช้ความร้อนหรือใช้น้ำยาฆ่าเชื้อ การใช้ความร้อน ได้ผลดีกับเชื้อโรคทุกชนิดโดยเฉพาะเชื้อ HIV โดยใช้ความร้อน 80 องศาเซลเซียส เวลา 10 นาที โดยทั่วไปที่มีขายจะทำเป็นยูนิตสำเร็จรูปเสียบเข้ากับปลั๊กไฟฟ้า ใช้เวลาประมาณ 45นาที เครื่องจะดีดกลับเองเมื่อเสร็จสิ้นขบวนการ วิธีนี้สะดวกปลอดภัย แต่มีข้อเสียตรงที่คอนแทคเลนส์อาจจะเสียเร็ว และเปลี่ยนสีได้ ส่วนการใช้น้ำยาฆ่าเชื้อ เป็นวิธีที่สะดวก ใช้ง่าย เพียงแช่คอนแทคเลนส์ในน้ำยาตามเวลาที่กำหนด แต่มีข้อเสียคือราคาแพง บางคนอาจแพ้ทำให้เกิดอาการคันตา ตาแดง โดยเฉพาะผู้ที่ทำความสะอาดเลนส์ไม่ตามขั้นตอน เช่น ไม่ทำความสะอาดก่อน ซึ่งไม่ควรลืมว่าหลังแช่น้ำยาแล้วต้องเทน้ำยาที่ใช้แล้วทิ้งไปเสมออย่าเสียดาย ถ้าไม่เปลี่ยนน้ำยาในคราวต่อไป ก็มีโอกาสมากที่จะเกิดการปนเปื้อนของเชื้อโรค ขบวนการ oxidative โดยใช้ไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์ซึ่งมีความเข้มข้น 0.6% -3% ข้อดีของวิธีนี้คือ สารตัวนี้สามารถ ฆ่าเชื้อโรคได้มากตัว แต่มีข้อเสียคือราคาแพงและต้องล้างด้วยน้ำยาอีกชนิดหนึ่ง ถ้าล้างด้วยไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์ออกไม่หมดจะมีจะมีอาการแสบและเคืองตามาก ขั้นตอนของการฆ่าเชื้อวิธีนี้จึงต้องมี 2 ขั้นซึ่งยุ่งยากมาก และห้ามนำมาใช้กับเลนส์เพราะความเข้มข้นไม่แน่นอน มีโลหะหนักบางชนิดเจือปน ใช้แล้วทำให้เลนส์เปลี่ยนสีได้
- การใช้ Enzyme หรือที่เรียกกันว่าน้ำยาล้างคราบโปรตีน* เป็นน้ำยาที่ช่วยขจัดคราบโปรตีนที่เกาะติดอยู่ในคอนแทคเลนส์ ควรทำความสะอาดสัปดาห์ละครั้ง ถือเป็นการขัดและทำความสะอาดใหญ่ มักจะทำเป็นรูปยาเม็ด ซึ่งต้องแช่ในน้ำเกลือ (ไม่ใช่น้ำกลั่น) หรือน้ำยาคอนแทคเลนส์ที่กำหนดไว้ หลังจากแช่แล้วควรล้างคอนแทคเลนส์อีกครั้งด้วยน้ำยาดูแลรักษาคอนแทคเลนส์ สำหรับผู้ที่ใช้คอนแทคเลนส์บิ๊กอาย (Big Eye) ควรใช้น้ำยาล้างคราบโปรตีน 1-2 หยด ร่วมกับน้ำยาล้างคอนแทคเลนส์ของคุณ แช่เอาไว้ในตลับประมาณ 24 ชม. และนำออกมาล้างด้วยน้ำยาล้างคอนแทคเลนส์อีกครั้ง ก่อนนำมาสวมใส่ ทำอย่างนี้เป็นประจำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง จะช่วยรักษาคอนแทคเลนส์ของคุณให้สวมใส่ได้สบายตา ปลอดภัย และยาวนานมากขึ้น หากดูแลอย่างถูกวิธี
- น้ำยาหล่อลื่น (lubricating and Rewetting) โดยปกติผู้ใช้คอนแทกเลนส์มักจะมีตาแห้งง่ายกว่าคนปกติ ทำให้มีอาการระคายเคือง น้ำยานี้จะช่วยให้ตาชุ่มชื้นยิ่งขึ้น ในปัจจุบันนี้มีน้ำยาบางชนิดทำมาเป็นแบบสำเร็จรูปทั้ง 5 ขบวนการแรกในน้ำยาตัวเดียวกัน เพื่อความสะดวกในการใช้ แต่การดูแลคอนแทคเลนส์ ต้องทำตามลำดับขั้นให้ครบถ้วน คอนแทคเลนส์ก็จะอยู่ในสภาพสะอาด ปลอดภัย สำหรับผู้ใช้จะข้ามขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่งไม่ได้ ส่วนผู้ที่ไม่ได้ใช้คอนแทคเลนส์ทุกวัน ควรเปลี่ยนน้ำยาทุกวันหรืออย่างน้อยต้องทำขบวนการฆ่าเชื้อ (ขบวนการที่ 3) ภายใน 24 ชั่วโมง ก่อนนำมาใส่
- การดูแลตลับใส่เลนส์ มีผู้ใช้คอนแทกเลนส์จำนวนมากที่ป่วยเพราะเชื้อโรคที่ปนเปื้อนอยู่ในตลับใส่เลนส์ การดูแลตลับใส่เลนส์จึงเป็นสิ่งจำเป็น ซึ่งควรล้างทุกวันด้วยน้ำยาที่ใช้ดูแลรักษาคอนแทคเลนส์ให้สะอาด ปล่อยให้แห้ง ควรขัดตลับใส่คอนแทคเลนส์สัปดาห์ละครั้งด้วยน้ำยาที่ดูแลรักษาคอนแทคเลนส์ ทิ้งไว้ให้แห้ง หรือเปลี่ยนตลับใหม่ทุกๆ 6 เดือน
บทความที่เกี่ยวข้อง
14 พ.ค. 2553
ข้อเสีย - ข้อแนะนำในการใช้คอนแทคเลนส์
- ใส่นานๆจะระคายเคืองกับดวงตา ทำให้ชอบเผลอ ขยี้ตา หลุดบ่อยมากตอนใส่แรกๆ
- ใส่แล้วดวงตา โดนลมนานๆก็ไม่ได้ ดวงตาจะแห้ง
- เปลืองถ้าเทียบกับแว่นในระยะยาว เพราะต้องมีน้ำยาล้างและอื่นๆอีกมาก
ต่อไปเป็นข้อแนะนำในการใช้คอนแทคเลนส์
- ไม่ควรใส่คอนแทคเลนส์ในที่ๆมีลมแรงๆโดยไม่มีแว่นกันลม เพราะ ฝุ่นจะเข้าตา และทำให้ระคายเคือง
- ถ้ามีโอกาสถอดคอนแทคเลนส์บ่อยเท่าไร ยิ่งดี เพื่อให้ดวงตาได้พัก
- ไม่ควรใส่ทั้งวันและทั้งคืน หรือใส่นอน เพราะจะทำให้ดวงตาคุณแย่ลง เพราะเรื่องเชื้อโรค
- ถ้าไม่มีปัญหาเรื่องเงินและต้องการรักษาสุขภาพดวงตา ควรซื้อแบบรายวัน เพื่อลดสิ่งสะสมของคอนแทคเลนส์ เช่นฝุ่น หรือพวกโปรตีน
- มั่นล้างทำความสะอาด คอนแทคเลนส์ของท่านอย่างสมำเสมอ บ่อยที่สุดเท่าที่ทำได้
- น้ำยายี้ห้อไหนที่ใช้แล้วรู้สึกระคายเคืองให้ทำการเปลี่ยนยี้ห้อทันที
- อย่าเผลอใส่คอนแทคเลนส์ลงว่ายน้ำโดยเด็ดขาด
- ถ้าคอนแทคเลนส์หลุด ห้ามใช้น้ำประปาในการใส่คอนแทคเลนส์โดยเด็ดขาด เพราะ เมื่อนำมาใส่จะทำให้ตาแสบตาได้
เคล็บไม่ลับสำหรับการดูแลคอนแทคเลนส์ที่รัก
การเลือกใช้คอนแทคเลนส์ ให้ถูกต้องและเหมาะสมกับบุคลิกภาพและความต้องการ
คอนแทคเลนส์ หรือ เลนส์สัมผัส
- คอนแทคเลนส์ชนิดแข็ง หรือ Hard Contact Lens เป็นเลนส์ที่ทำด้วยพลาสติกแข็งน้ำซึมผ่านไม่ได้เลย
- เลนส์ชนิดนิ่ม เป็นเลนส์ที่ทำด้วยพลาสติกที่สามารถอมน้ำได้ ตั้งแต่ 35 ถึง 65 เปอร์เซ็นต์ จึงทำให้นิ่มมีรูเล็กๆ และน้ำซึมผ่านได้ ช่วยให้ออกซิเจนสามารถละลายผ่านเข้าไปถึงกระจกตาได้สะดวกขึ้น แต่ก็มีผลเลียที่เลนส์ชนิดนี้ จะจับเอาโปรตีน เยื่อเมือก เกลือแร่ และอนุภาคต่างๆ ที่มีอยู่ในน้ำตาเข้าไว้ในตัวเลนส์ ทำให้เลนส์สกปรกง่าย เป็นฝ้า ชำรุดเกิดอาการแพ้และระคายเคืองตาได้ จึงต้องคอยระวังรักษาอย่างดี หมั่นทำความสะอาดโดยการใช้ระบบความร้อนทำความสะอาด หรือใช้น้ำยาแช่ทำความสะอาดแทนความร้อน
การเริ่มต้นใช้เลนส์อย่างถูกวิธี
- ควรบอกจักษุแพทย์ เป็นผู้เลือกเลนส์ที่น่าจะเหมาะสมกับคุณ
- บอกความต้องการของคุณให้ชัดเจนว่า ต้องการใช้เลนส์อะไร เอาเลนส์นิ่มหรือแข็ง อยากให้ชัดมากๆ หรือเอาสบายๆ เข้าไว้
- อยากใส่เลนส์ทุกวันหรือเฉพาะวัน
- เอาแบบเปลี่ยนรายวัน หรือเอาแบบประหยัด
- ถ้าคุณเป็นคนแพ้ง่าย ก็บอกไปด้วย
- งานอาชีพของคุณ ถ้าเป็นคอมพิวเตอร์ เป็นพนักงานบนเครื่องบิน เป็นศัลยแพทย์ มีข้อพิจารณา ข้อระวังในการ เลือกเลนส์เหมือนกัน
เมื่อได้เลนส์มา ควรตรวจสอบที่ข้างกล่องว่า ตรงกับใน Prescrition หรือไม่ ซึ่งประกอบด้วย
- Lens Power สั้นยาว เอียง เท่าไร
- Base Curve ซึ่งย่อว่า B.C. หมายถึง ความคับหลวมของเลนส์
- Diameter หรืเส้นผ่านศูนย์กลาง
ข้อสำคัญ
- ควรล้างมือให้สะอาดทุกครั้งก่อนใส่หรือถอดเลนส์
- อย่าใช้ยาหยอดตาทุกชนิดขณะใส่เลนส์
- ควรถอดเลนส์ก่อนนอนทุกคืน (อันนี้สำคัญมาก)
- อย่าใส่เลนส์ขณะตาอักเสบ หรือถ้ามีอาการผิดปกติใดๆ เกิดขึ้นควรรีบปรึกษาจักษุแพทย์และปฏิบัติตามคำแนะนำโดยเคร่งครัด
ระวังคอนแทคเลนส์ปลอม
ความเหมาะสมของบุคคลต่างๆ กับการใช้คอนแทคเลนส์
- สายตาสั้น
- สายตายาว
- สายตาเอียง
- สายตาคนสูงอายุ
- โรคเบาหวานมีอาการบวมเป็นแผลถลอก แผลหายช้าและอักเสบง่าย ค่าสายตาไม่คงที
- โรคไขข้ออักเสบ ทำให้ตาแห้งการทำความสะอาดเลนส์และการใส่ต้องตรวจและติดตามผลบ่อยกว่าปกติ
- โรคความดันโลหิตสูง มีผลทำให้น้ำในร่างกายไม่คงที่
- โรคภูมิแพ้ มีโอกาสแพ้เนื้อวัสดุที่ผลิตคอนแทคเลนส์และแพ้น้ำยาได้ จะทำให้มีอาการตาแดง, ตาแห้งและคันตา
- ตั้งครรภ์ ทุกอย่างในร่างกายจะปรับสภาพใหม่ มีผลทำให้กระจกตาบวม ควรแนะนำให้ใส่หลังคลอดแล้ว 3-4 เดือน
- ยา ANTIHISTAMINE รักษาโรคภูมิแพ้
- ยา ANTIDIABETIC รักษาโรคเบาหวาน
- ทานยาคุมกำเนิดเป็นเวลานานหลายปี มีผลทำให้น้ำที่กระจกตามีมากขึ้น 78% จะมีอาการกระจกตาบวม
- มีฝุ่นละอองมาก
- มีลมแรงพัดผ่านเป็นประจำ
- มีควันบุหรี่หรือควันพิษ รวมถึงเขม่าต่างๆ
- มีไอระเหยของสารเคมีต่างๆ ที่เป็นอันตราย
สิ่งที่ต้องรู้เมื่อจะซื้อ คอนแทคเลนส์
คอนแทคเลนส์ทั้งสองประเภท เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น เรื่อยๆ แต่มีความเข้าใจผิดของผู้ใช้อยู่เสมอว่า เลนส์พวกนี้เป็นเลนส์ Free size ดังนั้นเมื่อไปหาซื้อเลนส์ ผู้ใช้มักบอกคนขายแต่เพียงว่า ต้องการ ACUVUE เบอร์ -3.00 หรือ ต้องการ FOCUS เบอร์ -4.75 เท่านั้น และ คนขายก็มักหยิบเลนส์มาให้ได้เสียด้วย ที่จริงแล้ว บนหน้าซองบรรจุเลนส์ คุณจะเห็นว่านอกจากค่ากำลังของเลนส์ หรือ power -3.00 D หรือ -4.75D แล้วยังมีตัวอักษร B.C. 8.8 หรือ B.C. 8.6 กำกับมาด้วย ให้คุณแน่ใจได้เลยว่า นั่นย่อมไม่ได้หมายความว่าเลนส์ชิ้นนั้น ผลิตขึ้นก่อนคริสตกาล แต่มันสำคัญอย่างไรด้วยหรือ หรือฝรั่งทำเกินมา เฉยๆ
ค่า B.C. ย่อมาจาก Base Curve หมายถึงรัศมีความโค้งด้านหลังของเลนส์ชิ้นนั้น ซึ่งเป็นด้านจะต้องสัมผัสกับดวงตาของเรา เลนส์ที่มี B.C. 8.8 มิลลิเมตร หมายถึงเลนส์ชิ้นนั้น แบนกว่าเลนส์ที่มี B.C. 8.4 มิลลิเมตร ซึ่งจะทำให้ เลนส์ 8.4 ติดแน่น บีบรัดดวงตามากกว่าส่วนเลนส์ 8.8 จะรู้สึกหลวมเลื่อนได้มากก
8 เม.ย. 2553
บิ๊กอาย แฟชั่นตาโต ที่ต้องระวัง
ใช้อย่างไร จึงจะปลอดภัย? วิธีที่จะสนุกกับแฟชั่นให้ปลอดภัยนั้น ทำได้ง่าย ตามคำแนะนำของจักษุแพทย์ดังนี้
1.ไม่ควรใส่นานเกินไป เฉลี่ยควรใส่เพียงแค่วันละ 8 -10 ชั่วโมง ต่อวัน ควรถอดออกก่อนที่จะทำความสะอาดใบหน้า กรณีที่ใช้เครื่องสำอาง และเมื่อถึงเวลานอนควรถอดออก หากใส่ค้างไว้ อาจทำให้ดวงตาอักเสบได้2.ถอดและใส่อย่างถูกวิธี เพราะถ้าทำไม่ถูกวิธี อาจทำให้เกิดรอยฉีกขาดคอนที่คอนแทคเลนส์ และอาจขีดข่วนเป็นแผลที่กระจกตาได้3.ต้องรักษาความสะอาด โดยเมื่อถอดแล้วให้ล้างด้วยน้ำยาทำความสะอาดเพื่อฆ่าเชื้อโรคเท่านั้น และเปลี่ยนน้ำยาล้างและแช่ทุกครั้งด้วย4.ไม่ควรใช้ร่วมกับบุคคลอื่น มีวัยรุ่นบางกลุ่มได้แยกกันซื้อคอนแทคเลนส์แล้วนำมาแบ่งกันใช้ ถือว่าอันตรายมาก ๆ เพราะอาจเกิดการติดเชื้อแบคทีเรียต่าง ๆ และที่สำคัญอาจทำให้ติดเชื้อเอดส์ได้
ข้อมูลจาก : never-age.com
เพิ่มเสน่ห์ให้ดวงตาคู่สวยด้วย "คอนแทคเลนส์บิ๊กอาย"
หมายเหตุ : รูปนี้เป็นเพียงภาพประกอบเท่านั้น |
ทีมงาน : เคยได้ยินมาเยอะว่า การใส่คอนแทคเลนส์แฟชั่น
จะทำให้ตาอักเสบ เป็นความจริงมั๊ยคะ
ทับทิม : จริงๆ แล้วตัวคอนแทคเลนส์นี้ ไม่อันตรายเลยค่ะ สิ่งที่ทำอันตรายกับดวงตา
ก็คือ ตัวคนที่ใส่เองอ่ะค่ะ แบบว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไรงี้ เห็นเพื่อนใส่ก็ใส่ตามบ้าง
โดยที่ไม่ศึกษาวิธีใช้ วิธีดูแลรักษา ก็มีสิทธิ์ที่จะเกิดอันตรายได้ค่ะ
ทีมงาน : งั้นถ้ามีเพื่อนที่ไม่เคยใส่คอนแทคเลนส์มาก่อนเลย อยากใส่ให้ตาสวยๆ
แต่ก็กลัว ทับทิมพอจะบอกขั้นตอนง่ายๆ ให้เพื่อนๆ ได้มั๊ยคะ
ทับทิม : ได้เลยค่า~ ทับทิมจะบอกเป็นข้อๆ เลยนะคะ ^^
1. อย่างแรกเลยคือวิธีการใส่ ตั้งแต่เริ่มซื้อมา ควรนำคอนแทคเลนส์มาล้างและแช่ด้วยน้ำยาเฉพาะ
สำหรับคอนแทคเลนส์ซะก่อน ห้ามใช้น้ำเปล่า น้ำดื่ม น้ำปะปา หรือน้ำเกลือแทนนะคะ
แล้วก็แช่ไว้ 4 ชม. ก่อนใส่ ไม่ใช่ซื้อมาปุ๊บแกะใส่ปร๊าบบบบ แบบนั้นจะทำให้ดวงตาระคายเคืองได้
เนื่องจากสารกันเสียที่เคลือบคอนแทคเลนส์ไว้ในกล่องอ่ะค่ะ
2. ก่อนใส่เลนส์ ควรล้างมือด้วยสบู่ให้สะอาด แล้วจึงล้างคอนแทคเลนส์ด้วยน้ำยาคอนแทคเลนส์อีกครั้ง
*สาวๆถ้าคิดจะใส่เลนส์แล้ว ไม่ควรไว้เล็บยาว เพราะเล็บเป็นตัวการสำคัญ ที่ทำให้เลนส์ฉีกขาด
หรือระหว่างใส่ เล็บอาจไปขีดข่วนตาดำได้ จะเป็นอันตรายมหาศาลนะคะ
แล้วใช้ปลายนิ้วหยิบเลนส์ออกมา หรือใช้ที่คีบเลนส์หนีบออกมาก็ได้
4. สุดท้ายแล้วค่ะ เมื่อถอดคอนแทคเลนส์ออกมาแล้ว ให้ใช้น้ำยาทำความสะอาดเลนส์
เทบนฝ่ามือ แล้วถูให้คราบโปรตีนออกจากเลนส์ ก่อนแช่ในตลับที่สะอาดค่ะ
ทีมงาน : ครบถ้วนกันเลยทีเดียวนะคะ เห็นทับทิมเน้นมากเลยเรื่องล้างมือให้สะอาด
ทับทิม : ทุกกระบวนการ ไม่ว่าจะใส่หรือจะถอด ต้องล้างอยู่ดีอ่าค่ะ เพื่อความสะอาดที่สุด
ล้างทั้งมือ และ ใช้น้ำยาล้างคอนแทคเลนส์ด้วย เพราะดวงตาเรามันซ่อม มันเปลี่ยนไม่ได้
ต้องเซฟตี้เฟิร์สค่ะ ^^ ทุกวันนี้ที่มีข่าวว่าดวงตามีปัญหากันมากๆ
เนื่องจากใส่คอนแทคเลนส์ไม่สะอาด และผิดวิธี ยังไงก็ต้องฝึกไว้นะคะว่า
ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ก็ควรล้างไว้ก่อนค่ะ
ทีมงาน : สำหรับสาวๆ ที่แต่งหน้าเป็นประจำ
ควรจะต้องใส่คอนแทคเลนส์ก่อนหรือหลังแต่งหน้าดีล่ะจ๊ะ
ทับทิม : ควรใส่เลนส์ ก่อนแต่งหน้าเสมอค่ะ สำคัญมาก เพราะว่า ถ้าใส่ทีหลัง มันจะมีเศษเครื่องสำอาง
อย่างพวกผงอายแชโดว์เกาะอยู่ที่ดวงตา แล้วเราไปใส่เลนส์แปะทับตาดำเข้าอีก ลองนึกภาพดูนะคะ
มันจะเป็น ดวงตา > เศษเครื่องสำอาง > เลนส์ แล้วเลนส์ก็จะขูดๆ กับตาโดยมี
เศษเครื่องสำอางอยู่ตรงกลาง เวลากระพริบตา มันก็จะเสียดสีค่ะ ดังนั้น ก็ควรใส่เลนส์ก่อน เพื่อที่ว่า
จะได้เป็น ดวงตา > เลนส์ > เครื่องสำอาง ยังไงซะมีเศษเครื่องสำอางอยู่ด้านนอก
ก็ยังดีกว่าอยู่ในตาดำ จริงมั๊ยคะ ^^
ทีมงาน : สำหรับคอนแทคเลนส์รายเดือน หรือ รายปี เราสามารถใส่ติดตาได้ตลอดเลยป่าว
อ่อ.. แล้วก็อย่าลืมเช็ควันเดือนปีที่ผลิตให้แม่นๆ ด้วยนะคะ เพราะเลนส์เหล่านี้ไม่ควรนำมาใส่ต่อค่ะ
1. เลนส์หมดอายุ
2. เลนส์ฉีดขาด หรือมีรอยขีด
3. เลนส์ที่แห้งแข็งแล้ว
ทีมงาน : ละเอียดยิบดีจังเลยค่ะ ^^ แต่พี่ก็ยังอยากรู้อีกว่า
คนที่สายตาสั้น กับ สายตาธรรมดา จะใส่เหมือนกันมั๊ย
ทับทิม : ต่างกันค่ะพี่ ต่างกันที่ตอนซื้อ ถ้าคนที่สายตาธรรมดา ก็เลือกซื้อแบบไม่มีค่าสายตา แค่นี้เองค่ะ
แต่ถ้าคนไหนที่สายตาสั้น ก็แนะนำว่าให้ไปเช็คค่าสายตาที่คลินิค หรือ รพ. ก่อน
จากนั้นก้อสามารถเลือกซื้อคอนแทคเลนส์แบบที่ต้องการได้เลยค่ะ
แต่...การซื้อก็ไม่ควรสั่งค่าสายตามั่วๆ นะคะ อย่างเช่น ถ้าค่าสายตา 100 แต่ที่ร้านมีค่าสายตา 150 ขาย
ด้วยความอยากสวย ก็ซื้อแบบค่าสายตา 150 มาใส่ แบบนั้นยิ่งจะทำให้เราสายตาสั้นขึ้น และเวียนหัวด้วยค่ะ
โอ้โห! เป็นไงกันบ้างคะ จุใจกันเลยทีเดียว สำหรับคำแนะนำจากสาวน้อย
ที่นิยมการใส่คอนแทคเลนส์แฟชั่นบิ๊กอาย อย่างน้องทับทิม ต้องขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
ที่มา : daomahalai.com
4 เม.ย. 2553
13 วิธีใช้ บิ๊กอาย "สวยหล่อแบบปลอดภัย ไม่เสี่ยงตาบอด"
- ล้างมือให้สะอาด
- นำบิ๊กอายวางหงายบนนิ้วชี้ข้างขวา สังเกตว่ามันไม่กลับด้าน
- ใช้มือซ้ายแหวกเปลือกตาออก จากนั้นค่อยๆ แตะบิ๊กอายลงที่ตาดำ รอให้แนบสนิท
- กะพริบตาถี่ๆ ให้บิ๊กอายแนบสนิทกับดวงตา
- ถ้าบิ๊กอายหลุดมือตกพื้น ต้องเอาแช่น้ำยาทำความสะอาดก่อนทุกครั้ง
- ล้างมือให้สะอาด
- ก้มหน้าเล็กน้อย ใช้นิ้วชี้กับนิ้วกลางค่อยๆ คีบบิ๊กอายออกจากดวงตา
- ใช้น้ำยาล้างคอนแทคเลนส์ล้างคอนแทคเลนส์ให้สะอาด โดยใช้นิ้วถูเพื่อล้างคราบโปรตีน
- แช่คอนแทคเลนส์ในตลับที่สะอาด
10. ห้ามแช่บิ๊กอายทิ้งไว้จนลืม