แฟชั่น บิ๊กอาย

บิ๊กอาย กับ แฟชั่นในปัจจุบัน

เลนส์ตาโต เป็นคอนแทคเลนส์ชนิดตาโต หรือที่วัยรุ่นเรียกกันว่า “บิ๊กอาย”จะเหมือนกับคอนแทคเลนส์แฟชั่นสมัยก่อนที่มีสีสันให้เลือกมากมาย แต่ที่แตกต่างคือ เลนส์สีบริเวณตรงกลางดวงตาจะเป็นเลนส์ใสปกติแต่บริเวณขอบเลนส์จะมีสีดำ ทำให้ขอบตาคุณดูชัดมากขึ้น มีราคาตั้งแต่ 450 – 2,000 บาท

ใส่บิ๊กอายตาติดเชื้อ

บิ๊กอายทำตาบอด ติดเชื้อแบคทีเรีย แพทย์เตือนวัยโจ๋

แพทย์เตือนอันตรายจากคอนแทกท์เลนส์ "บิ๊กอาย" หลังมีผู้ป่วยติดเชื้อสูโดโมแนสที่ตา ทำให้เกิดการอักเสบอย่างรุนแรงต้องเข้ารับการรักษาตัวแล้ว 4 ราย จักษุแพทย์ ระบุ เป็นแบคทีเรียร้ายแรงลามกินตาดำได้ภายใน 2 วัน รักษาไม่ทันถึงขั้นตาบอด ผู้ป่วยรับหาซื้อง่ายแม้กระทั่งตามตลาดนัด จี้ภาครัฐออกมาเข้มงวด เพราะจัดอยู่ในกลุ่ม เครื่องมือแพทย์ ต้องได้รับอนุญาตจาก อย.

เลดี้ กาก้า Lady Gaga ใส่บิ๊กอาย

เลดี้กาก้า นำเทรนบิ๊กอาย อเมริกาเตือน Big Eye เป็นอันตราย ผิดกฏหมายในอเมริกา

นับตั้งแต่กระแสความโด่งดังของ Music Video "Bad Romance" ของนักร้องสาวชาวอังกฤษ Lady Gaga ทำให้วัยรุ่นอเมริกันเริ่มนิยมใส่ Contact Lenses ที่เรียกว่า "Big Eye" กันเป็นจำนวนมาก จนหลายฝ่ายต้องออกมาเตือนในการใช้และการเลือกซื้อ เพราะวัยรุ่นจำนวนมากนิยมสั่งซื้อผ่านอินเตอร์เน็ต จากร้านค้าออนไลน์ในแถบเอเชีย...

บิ๊กอาย คอนแทคเลนส์ปลอม

อันตรายจากการใช้คอนแทคเลนส์แฟชั่น "บิ๊กอาย"

กระแสคอนแทคเลนส์แฟชั่นได้แพร่ระบาดเข้าสู่ประเทศไทยเมื่อประมาณต้นปี 2549 ที่ผ่านมา โดยวัยรุ่นไทยนิยมใส่คอนแทคเลนส์แฟชั่นเพื่อให้ตา กลมโตเลียนแบบดาราเกาหลี และญี่ปุ่น คอนแทคเลนส์แฟชั่นดังกล่าวเป็นที่รู้จักกันดีในนาม บิ๊กอายส์ หรือ คอนแทคเลนส์ตาโต ราคาก็มีตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักพัน ระยะเวลาการใช้งานก็มีให้เลือกหลากหลาย ตั้งแต่ 1 เดือนไปจนถึง 1 ปี

18 พ.ย. 2553

เรื่องที่คนใส่คอนแทคเลนส์ต้องรู้

สำหรับคนสายตาไม่ปรกติ ไม่ว่าจะสั้นหรือยาว คงคุ้นเคยกันดีกับคอนแทคเลนส์ที่ช่วยเสริมสร้างบุคลิกภาพให้คุณกลับมาดูดีกว่าการใส่แว่น (สำหรับคนที่ไม่ชอบแว่นตา) แต่จะมีสักกี่คนที่ตระหนักถึงภัยเงียบอันร้ายกาจของคอนแทคเลนส์ ซึ่งอาจจะทำให้ดวงตาของคุณบอดสนิทได้

สัปดาห์นี้จึงมีสาระน่ารู้เกี่ยวกับคอนแทคเลนส์มาฝาก

ใส่นานเกิน อันตรายกว่าที่คิด
ผู้เชี่ยวชาญด้านดวงตาระบุว่า ไม่ควรใส่คอนแทคเลนส์นานเกิน 8-10 ชั่วโมงต่อวัน แต่ด้วยวิถีการใช้ชีวิตที่ดูเหมือนชั่วโมงทำงานจะมากขึ้น ส่งผลให้ชั่วโมงการใส่คอนแทคเลนส์นั้นยาวนานเป็นเงาตามตัวไปด้วย ด้วยเหตุนี้ในการเลือกใส่คอนแคเลนส์แต่ละครั้ง ควรพิจารณาให้ถี่ถ้วน โดยควรเลือกแบบที่ทำมาจาก ซิลิโคน ไฮโดรเจล (silicone hydrogel) ซึ่งจะช่วยให้ออกซิเจนซึมผ่านเข้ามาในกระจกตาได้ดีขึ้น ดวงตาชุ่มชื้น เพราะคอนแทคเลนส์ที่ผลิตจากวัสดุชนิดเก่าปิดกั้นออกซิเจน ซึ่งเมื่อคุณใส่ไปนานๆ จะทำให้ตาแดง ตาบวม การมองเห็นพร่าเบลอ ติดเชื้อได้ง่ายกว่าปรกติ ดวงตาจะแห้ง ไม่สบายตาเนื่องจากออกซิเจนไม่สามารถส่งผ่านถึงกระจกตาได้

เลือกคอนแทคเลนส์ผิด กระจกตาจะชราก่อนวัย
บางคนเอาแต่ห่วงสุขภาพผิวหน้า ผิวกายไม่ให้แก่ก่อนวัย แต่คุณหรือไม่ว่ากระจกตาก็แก่ก่อนวัยได้ ยิ่งผู้ที่ใส่คอนแทคเลนส์ ยิ่งมีโอกาสกระจกตาก่อนวัยสูงมากกว่าปรกติ อาการเสื่อมของกระจกตานี้ไม่สามารถสังเกตได้จากทางกายภาพด้วย ต้องใช้เครื่องตรวจอย่างเดียว ด้วยตัวคอนแทคเลนส์ ที่ผลิตด้วยวัสดุแบบเดิมนั้นไม่สามารถให้ออกซิเจนผ่านเข้ามาหล่อเลี้ยงกระจกตาในส่วนของเอ็นโดธิเรียมเซลได้มากพอจึงทำให้เซลกระจกตาตายเพิ่มขึ้นในทุกๆ วันที่ใสคอนแทคเลนส์ ส่งผลให้สายตาพร่ามัว และกระจกตาเสื่อมไปในที่สุด ฉะนั้นควรหันมาใส่คอนแทคเลนส์ชนิดซิลิโคน ไฮโดรเจล และพักผ่อนให้ดวงตาได้รับออกซิเจนมากเพียงพอในแต่ละวัน

อย่างที่ทราบกันว่า คอนแทคเลนส์นั้นมีทั้งแบบรายวัน รายเดือน หรือรายสองสัปดาห์ คอนแทคเลนส์รายปี ซึ่งมีให้ผู้บริโภคเลือกตามรูปแบบการใช้ชีวิตและความสะดวกในการใช้งานของแต่ละบุคคล แต่ตามนิสัยคนไทยมักชอบแถม ซึ่งนั่นเป็นความเข้าใจที่ผิดและจะส่งผลให้ดวงตาของคุณได้รับเชื้อไวรัส ตาอักเสบ คัน หรือตาแดง ได้ในที่สุด ควรใส่คอนแทคเลนส์ตามเวลาที่ระบุไว้อย่างเคร่งครัด และทุกครั้งหลังใส่ควรแช่น้ำยาทำความสะอาด ก่อนใส่ทุกครั้งให้ทำความสะอาดให้เรียบร้อยก่อน


เลือกให้เหมาะและใช้งานตามคำแนะนำ
ทุกครั้งก่อนใส่คอนแทคเลนส์ ต้องทำความสะอาดบริเวณรอบๆ ดวงตาให้สะอาด เพราะช่วยลดการติดเชื้อได้

ต้องใส่คอนแทคเลนส์ตามระยะเวลาการใช้งานอย่างเคร่งครัด หลังเลิกใช้ต้องแช่น้ำยาทำความสะอาดเสมอ ถ้ารู้สึกระคายเคืองให้นำออกมาล้างทันที เพราะอาจมีฝุ่นละอองตกค้างได้ ควรใช้น้ำตาเทียมเพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นให้แก่ดวงตา ห้ามใส่คอนแทคเลนส์นอนเป็นอันขาด ถ้าจะว่ายน้ำให้ใส่แว่นตากันน้ำเสมอ ต้องเลือกคอนแทคเลนส์ให้เหมาะสมตามรูปแบบการใช้ชีวิตของคุณ

ที่มา : TASTE ผู้จัดการรายสัปดาห์ วันที่ 1-7 พฤศจิกายน 2553

1 ส.ค. 2553

เทคนิคการดูแลรักษาคอนแทคเลนส์


ขั้นตอนเบื้องต้นในการดูแลรักษาคอนแทคเลนส์ได้แก่ การทำความสะอาด ผู้ใช้ควรปรึกษาจักษุแพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญก่อนที่จะเลือกใช้หรือเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการทำความสะอาด หรือผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการดูแลรักษาคอนแทคเลนส์ เนื่องจากผลิตภัณฑ์บางประเภทไม่สามารถนำมาใช้ร่วมกันได้ หรือไม่เหมาะสมกับคอนแทคเลนส์บางชนิดที่คุณใช้อยู่ การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ในการดูแลคอนแทคเลนส์ที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้คอนแทคเลนส์ เสียหายหรืออาจเป็นอันตรายต่อดวงตาได้ ขั้นตอนในการดูแลทำความสะอาดคอนแทคเลนส์มีดังนี้

1. ล้างมือให้สะอาดก่อนใส่หรือถอดคอนแทคเลนส์ทุกครั้งเพื่อหลีกเลี่ยงการนำสิ่ง สกปรกหรือเชื้อโรคเข้าสู่ดวงตา ควรหลีกเลี่ยงการใช้สบู่ที่มีส่วนผสมของสารบำรุงผิว ซึ่งเป็นคลีมหรือเหลือคราบเวลาล้างออก เนื่องจากอาจก่อให้เกิดผลเสียต่อคอนแทคเลนส์ได้ หลังจากนั้นจึงเช็ดมือให้สะอาดด้วยผ้าหรือกระดาษที่ไม่มีใยตกค้าง เพื่อหลีกเลี่ยงการระคายเคืองจากใยดังกล่าวที่อาจติดไปกับคอนแทคเลนส์และ เข้าตาได้

2. นำคอนแทคเลนส์ออกมาจากดวงตาครั้งละ 1 ข้างเพื่อทำความสะอาด การทำความสะอาดจะเป็นการกำจัดสิ่งสกปรกที่ดวงตาหลั่งออกมา เรียกว่าคราบ "โปรตีน" และอาจติดค้างอยู่บนผิวของคอนแทคเลนส์, เครื่องสำอางที่ใช้รอบดวงตา หรือสิ่งไม่พึงประสงค์อื่นๆ ที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองเมื่อใส่คอนแทคเลนส์ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเลนส์บางประเภทระบุไว้ชัดเจนว่าผู้ใช้จะต้องถูน้ำยากับเลนส์บนฝ่ามือสักครู่แล้วจึงล้างออก ในขณะที่ผลิตภัณฑ์บางประเภทผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องถูเลยก็ได้ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดคอนแทคเลนส์ได้แก่ น้ำยาทำความสะอาดประจำวัน (Daily Cleaner), น้ำยาอเนกประสงค์ (Multipurpose Solution), ไฮโดรเจนเปอร์อ๊อกไซด์ (Hydrogen Peroxide) และน้ำยาที่ใช้ร่วมกับเครื่องทำความสะอาดและฆ่าเชื้อ (Cleaning Disinfecting) อื่น ๆ

3. ทำการชะล้างน้ำยาทำความสะอาดให้หมดไป ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่สำคัญ ดังนั้นผู้ใช้จึงต้องแน่ใจว่าทำการชะล้างนานพอตามที่บริษัทผู้ผลิตสินค้าได้กำหนดไว้ ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการชะล้างโดยทั่วไปได้แก่ น้ำเกลือ (Saline Solution) และน้ำยาอเนกประสงค์

4. เก็บคอนแทคเลนส์ไว้ในภาชนะบรรจุที่มีน้ำยาฆ่าเชื้อ (Disinfecting Solution) ที่เหมาะสม น้ำยาฆ่าเชื้อจะทำลายเชื้อโรคต่างๆ ที่ติดอยู่บนคอนแทคเลนส์ ระยะเวลาในการแช่คอนแทคเลนส์ในน้ำยาฆ่าเชื้อดังกล่าวจะแตกต่างกันไปตามผลิตภัณฑ์แต่ละชนิด ซึ่งผู้ใช้สามารถทราบได้จากข้อมูลข้างกล่องที่ผู้ผลิตระบุไว้ น้ำยาฆ่าเชื้อที่นิยมใช้โดยทั่วไปได้แก่ น้ำยาอเนกประสงค์และ Hydrogen Peroxide

5. ทำกระบวนการที่ 1-4 ซ้ำกับคอนแทคเลนส์อีกข้างหนึ่ง

28 ก.ค. 2553

คู่มือการใช้คอนแทคเลนส์

วิธีใช้คอนแทคเลนส์

การเตรียมคอนแทคเลนส์
  1. ล้างมือด้วยสบู่อ่อนๆ แล้วล้างน้ำให้สะอาด
  2. เช็ดมือให้แห้งก่อนจับคอนแทคเลนส์ทุกครั้ง
  3. วางคอนแทคเลนส์บนปลายนิ้วชี้ข้างที่ถนัด ตรวจดูรูปทรงให้ถูกต้อง
  4. คือขอบเลนส์ตั้งขึ้น(เหมือนขอบถ้วย)

วิธีใส่คอนแทคเลนส์
การใส่คอนแทคเลนส์
  1. วางเลนส์บนปลายนิ้วชี้ข้างที่ถนัด ใช้นิ้วกลางมือข้างที่ถือคอนแทคเลนส์
  2. ดึงเปลือกตาล่างลงแล้วใช้นิ้วกลางมืออีกข้างหนึ่งดึงเปลือกตาบนขึ้น
  3. มองตรงๆ ไปที่กระจก ใช้นิ้วชี้วางคอนแทคเลนส์ตรงกลางกระจกตาเบาๆ
  4. เหลือบตามองด้านล่างแล้วค่อยๆ ปล่อยมือออก
  5. กระพริบตา และหลับตาสักครู่ คอนแทคเลนส์จะเคลื่อนไปอยู่ตรงกลางดวงตาโดยอัตโนมัติ

วิธีใช้คอนแทคเลนส์
การถอดคอนแทคเลนส์
  1. ล้างมือให้สะอาด และเช็ดมือให้แห้ง
  2. มองที่กระจกใช้นิ้วกลางดึงเปลือกตาล่างลง แล้วใช้นิ้วกลางอีกข้างหนึ่งดึงเปลือกตาบนขึ้น
  3. ใช้นิ้วชี้เลื่อนคอนแทคเลนส์ลงมาบริเวณตาขาวส่วนล่าง ค่อยๆ หยิบคอนแทคเลนส์ออกโดยใช้นิ้วหัวแม่มือ และนิ้วชี้ห้ามใช้เล็บเด็ดขาด
  4. ถอดคอนแทคเลนส์ออก แล้วล้างทำความสะอาดทุกครั้งด้วยน้ำยาล้างทำความสะอาด

การล้างทำความสะอาดคอนแทคเลนส์
  1. ล้างมือให้สะอาด และเช็ดให้แห้งก่อนจับคอนแทคเลนส์ทุกครั้ง
  2. วางคอนแทคเลนส์บนฝ่ามือ หยดน้ำยา 3-4 หยดลงบนคอนแทคเลนส์ ใช้นิ้วถูเบาๆ ทั้งสองด้าน ข้างละ 10 วินาที จนสะอาดหมดคราบสกปรก
  3. ฉีดล้างคอนแทคเลนส์ทั้งสองด้านด้วยน้ำยา เป็นเวลา 5 วินาที
  4. แช่คอนแทคเลนส์ในน้ำยา เพื่อฆ่าเชื้อโรคอย่างน้อย 4 ชั่วโมงหรือทิ้งไว้ข้ามคืน
  5. ปิดฝาตลับแช่คอนแทคเลนส์ให้เเน่น

ข้อห้ามใช้
  • ห้ามใช้เกินระยะเวลาที่กำหนด
  • ห้ามใส่นอนและว่ายน้ำ เพราะอาจทำให้ติดเชื้อที่ตาได้
ข้อควรระวัง
  • ล้างมือให้สะอาดทุกครั้งก่อนใช้
  • ไม่ควรใช้และหยุดใช้ทันทีถ้ามีสภาวะผิดปกติของตา
  • ควรเปลี่ยนน้ำยาฆ่าเชื้อในตลับทุกวัน และเปลี่ยนตลับทุก 3 เดือน

24 ก.ค. 2553

7 คำถามควรรู้ก่อนใส่ คอนแทคเลนส์

ใครหลาย ๆ คนที่กำลังตัดสินใจเปลี่ยนจากการใช้แว่นสายตา หันมาใช้คอนแทคเลนส์ รวมทั้งผู้ใส่คอนแทคเลนส์อยู่เป็นประจำ อาจมีข้อสงสัยที่ยังรอคำตอบเกี่ยวกับคอนแทคเลนส์ วันนี้เรามีเรื่องน่ารู้ก่อนตัดสินใจใช้คอนแทคเลนส์จากศูนย์ดวงตา สภากาชาดไทย มาฝากค่ะ


1) คอนแทคเลนส์มีอันตรายต่อดวงตาของผู้ใช้ได้หรือไม่
ตอบ มีแน่นอนค่ะ เพราะดวงตาเป็นอวัยวะที่ละเอียดอ่อน ถ้าคิดที่จะใช้ ควรจะได้รับการตรวจดวงตาจากจักษุแพทย์ก่อน เพื่อดูว่ามีโรคตาที่เป็นข้อห้ามในการใช้คอนแทคเลนส์หรือไม่ เลนส์ที่ใช้อยู่เหมาะสมกับดวงตาหรือไม่ เช่น เลนส์นั้นมีความโค้งเข้ากับความโค้งของกระจกตาคุณหรือเปล่า ถ้าคับหรือหลวมไปอาจเป็นอันตรายได้ หรือน้ำตาของคุณมีเพียงพอสำหรับใช้เลนส์ชนิดใด เช่น ถ้าน้ำตาค่อนข้างน้อยควรใช้เลนส์ชนิดแข็ง เป็นต้น

2) คอนแทคเลนส์ชนิดใส่ครั้งเดียวทิ้ง มีคุณสมบัติดีกว่าแบบใส่เป็นปีจริงหรือไม่
ตอบ ไม่เสมอไป การเปลี่ยนบ่อย ๆ ข้อดีคือได้เลนส์ที่สะอาด กำจัดปัญหาที่เกิดจากเลนส์สกปรก เช่น ระคายตา ตาอักเสบ หรือตามัว เลนส์ชนิดนี้เป็นเลนส์ที่ใส่นอนได้ เลยมักเป็นเลนส์ที่อมน้ำมาก หรือบางมาก เพื่อให้ออกซิเจนผ่านไปที่กระจกตาได้ดี ซึ่งจะแห้งเร็วและไม่ค่อยคงรูปในขณะใส่ ทำให้ความชัดของภาพที่เห็นเปลี่ยนแปลงขณะกะพริบตา โดยเฉพาะในรายที่มีสายตาเอียงมาก

3) การใช้คอนแทคเลนส์ จะป้องกันสายตาไม่ให้ผิดปกติเพิ่มขึ้นได้จริงหรือไม่
ตอบ ไม่จริง ยกเว้นบางรายที่ใช้เลนส์ชนิดแข็ง หรือครึ่งแข็งครึ่งนิ่ม (Gas Permeable Lens) สายตาอาจไม่เปลี่ยนแปลงหรือลดลงเล็กน้อยได้ เนื่องจากความโค้งของกระจกตาเปลี่ยนไป

4) คอนแทคเลนส์ทำให้ดวงตาติดเชื้อโรคได้หรือเปล่า
ตอบ คอนแทคเลนส์ที่สกปรก เนื่องจากไม่ได้รับการดูแลที่ถูกต้องสามารถทำให้ติดเชื้อได้ ดังนั้นก่อนนำไปใช้ทุกครั้งจะต้องแช่เลนส์ไว้ในน้ำยาอย่างน้อย 5-6 ชั่วโมง หรือแช่ทิ้งไว้ตลอดคืนจะสามารถฆ่าเชื้อโรคได้ และห้ามนำเลนส์ไปแช่ในน้ำเกลือโดยเด็ดขาด นอกจากนั้นผู้ใช้ควรปิดตลับ และขวดน้ำยาให้เรียบร้อยก่อนที่จะไปล้างมือด้วย สบู่ เพื่อป้องกันการปนเปื้อน ส่วนตลับใส่เลนส์ควรล้างด้วยสบู่และลวกน้ำร้อนทุกเดือน และควรเปลี่ยนตลับบ่อย ๆ หรือทุก 6 เดือน

5) ถ้าเข้าใกล้เตาไฟร้อน ๆ คอนแทคเลนส์จะละลายได้หรือไม่
ตอบ ไม่

6) จะรู้ได้อย่างไรว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้นแล้วหลังจากใส่คอนแทคเลนส์
ตอบ ถ้าใส่เลนส์แล้วมีอาการระคายเคือง เจ็บ น้ำตาไหล ตามัว หรือตาแดง สิ่งเหล่านี้ถ้าเกิดขึ้น ต้องหยุดใช้เลนส์ทันที และควรพบจักษุแพทย์โดยด่วน

7) ทำไมบางครั้งเมื่อใส่คอนแทคเลนส์ไปนาน ๆ หรือใส่นอนข้ามคืน จึงเห็นแสงสีรุ้งรอบดวงไฟ
ตอบ ที่เป็นเช่นนั้น เกิดจากการใช้เลนส์นานเกินไป ควรให้จักษุแพทย์ตรวจดูว่าเลนส์นั้นเหมาะกับตาของคุณหรือไม่ หรืออาจเกิดจากกระจกตาบวม เนื่องจากมีออกซิเจนไปถึงกระจกตาไม่เพียงพอ ทั้งนี้เป็นเพราะเลนส์ที่ใช้เป็นชนิดที่ใส่ตอนนอนหลับไม่ได้ แต่คุณยังทำ หรืออาจเกิดจากเลนส์สกปรก หรือเลนส์หมดอายุ

ข้อดีของคอนแทคเลนส์ นอกจากจะเพิ่มความสะดวกสบายและเสริมบุคลิกที่ดีแล้ว อย่าลืมเติมความใส่ใจให้กับความสะอาดและการดูแลที่ดีอีกสักนิด เพื่อถนอมดวงตาคู่สวยให้อยู่กับคุณตลอดไป

ที่มา : ชีวจิต

22 ก.ค. 2553

เรื่องน่ารู้ : คอนแทคเลนส์เริ่มมีมาตั้งแต่เมื่อไร ?

ปัจจุบันมีประชากรกว่า 2% จากทั่วโลกที่ใส่คอนแทคเลนส์ หรือคิดเป็นประมาณ 125 ล้านคน (ที่อเมริกา 28-38 ล้านคน และที่ญี่ปุ่น 13 ล้านคน ฯลฯ) โดยเหตุผลที่ใส่ใส่คอนแทคเลนส์ก็มีหลายเหตุผล และหนึ่งในนั้นคือ เพื่อความคล่องตัว เพราะการใส่คอนแทคเลนส์จะทำให้คล่องตัวมากกว่าการสวมแว่นตา เช่น เล่นกีฬา ฯลฯ อีกทั้งในประเทศที่อากาศหนาว คอนแทคเลนส์มีผลกระทบน้อยมากเมื่อเทียบกับการใส่แว่นตา และคอนแทคเลนส์ยังสามารถมองได้ในมุมที่กว้าง เพราะไม่มีกรอบมาจำกัดเหมือนแว่นตา

ที่มาของเจ้าเลนส์จิ๋วมหัศจรรย์ มันมีที่มาที่ไปอย่างไร ?

ในปี 1887 Adolf Fick ได้ผลิตคอนแทคเลนส์สำเร็จเป็นครั้งแรก โดยมันถูกทำมาจากกระจกสีน้ำตาล ซึ่งเขาได้รับความรู้เกี่ยวกับดวงตาส่วนคลอเนียมาจากหนังสือ Codex of the eye, Manual D เขียนโดย Leonardo da Vinci

ความรู้เกี่ยวกับกระจกที่ของเหลวสามารถซึมเข้าไปได้และไปติดอยู่ที่คลอเนียได้ René Descartes ใช้กระจกใส แต่ความคิดนี้ก็ไม่ประสบผลสำเร็จ Thomas Young ก็ได้ทำการทดลองคล้ายๆกันนี้ในปี 1801

ต่อมา Sir John Herschel ได้เสนอความคิดออกมา 2 แบบ คือเรื่องเกี่ยวรูปร่างของคอนแทคเลนส์ ซึ่งควรมีลักษณะเป็นวงกลม และความคิดที่สองคือควรมีลักษณะเหมือนเจล โปร่งใสในระดับปานกลาง ซึ่งแนวความคิดทั้งสองนี้ทำให้ในปี 1929 Hungarian Dr. Dallos สามารถหาวิธีที่ดีที่สุดในการผลิตคอนแทคเลนส์ ซึ่งเขาเป็นคนแรกที่สามารถผลิตคอนแทคเลนส์ที่เหมาะสำหรับใช้กับดวงตาได้

ปี 1930 ได้มีการนำ polymethyl methacrylate (PMMA หรือ Perspex/Plexiglas) มาใช้ผลิตคอนแทคเลนส์ และมีการพัฒนาต่อมาโดย William Feinbloom ได้ผลิตคอนแทคเลนส์ ด้วยการใช้พลาสติกผสมกับแก้ว ข้อเสียสำคัญของ polymethyl methacrylate คือ ออกซิเจนไม่สามารถผ่านได้ เลนส์ชนิดนี้จะเป็นเลนส์แบบแข็ง ส่วนเลนส์แบบนุ่มถูกสร้างโดย Otto Wichterle ซึ่งสร้างมาจาก เจล ในปี 1959 และในปี 1999 ได้นำ silicone hydrogels มาผลิตทำคอนแทคเลนส์ เพราะเลนส์ชนิดนี้ออกซิเจนสามารถผ่านได้และใช้มาจนถึงปัจจุบันนี้

วิธีเลือกน้ำยาล้างคอนแทคเลนส์ เพิ่มความปลอดภัยให้ดวงตา

ปัจจุบันนี้ น้ำยาล้างคอนแทคเลนส์มีหลากหลายชนิด แต่ละชนิดก็มีข้อดีข้อเสียต่างกัน ดังนั้นการเลือกใช้น้ำยาล้างคอนแทคเลนส์ชนิดใดก็ควรเลือกด้วยความระมัดระวังและเลือกให้เหมาะกับลักษณะการใช้งาน


เลือกใช้แบบล้าง แช่ และกำจัดคราบโปรตีนในขวดเดียว น้ำยาล้างคอนแทคเลนส์แบบนี้ไม่ค่อยมีปัญหาเวลาเข้าตา สามารถฆ่าเชื้อโรคได้ดีพอสมควร ปัญหาที่เกิดมักเกิดจากการที่น้ำยาล้างคอนแทคเลนส์ประเภทนี้ล้างทำคราบโปรตีนติดแน่นได้ไม่ค่อยดีนัก ปัจจุบันมักมีการโฆษณาว่าน้ำยาล้างคอนแทคเลนส์ประเภทนี้ไม่ต้องถูเลนส์ก็ล้างได้ดี แต่ในความเป็นจริงแล้ว การถูเลนส์ยังเป็นสิ่งจำเป็นอยู่ เพื่อให้น้ำยาประเภทนี้ใช้งานได้ดี เพียงแต่ต้องค่อยๆถูเบาๆ

ข้อเสีย คือ น้ำยาล้างคอนแทคเลนส์ประเภทนี้มักจะเหลือคราบสกปรกไว้ ซึ่งนั่นอาจจะทำให้ผู้ใช้เกิดการแพ้สารกันเชื้อโรคในน้ำยานั้น น้ำยาล้างคอนแทคเลนส์ประเภทนี้ใช้ได้ดีที่สุดกับคอนแทคประเภทใส่แล้วทิ้ง

เลือกใช้แบบล้าง แช่ และกำจัดคราบโปรตีนแยกขวดกัน น้ำยาล้างคอนแทคเลนส์พวกนี้ส่วนมากจะล้างได้ดีกว่า สามารถฆ่าเชื้อโรคได้ดีถึงดีมาก มักมียาเม็ดที่ให้แช่ไว้สำหรับล้างคราบโปรตีนทุกๆ เดือน ปกติแล้วน้ำยาล้างคอนแทคเลนส์ชนิดนี้ใช้ได้ดีกับเลนส์ที่ใส่ประจำ เพราะล้างคราบโปรตีนได้ดี

ข้อเสีย คือ อาจมีอาการแพ้จากสารประกอบในน้ำยาได้ไม่ค่อยสะดวก แล้วถ้าล้างน้ำยาล้างออกไม่หมดก็จะทำให้ตาเจ็บ ตาแดง และอาจต้องไปพบแพทย์อีกด้วย

เลือกใช้แบบ Hydrogen Peroxide กลุ่มน้ำยาล้างคอนแทคเลนส์ในรูปแบบนี้มักแยกเป็น 2 ขวด ขวดแรกเป็นน้ำยาล้างคอนแทคเลนส์ก่อนฆ่าเชื้อ ขวดที่สองใช้ใส่ในขวดพิเศษพร้อมกับเลนส์ ส่วนมากอันนี้ต้องแช่ไว้ค้างคืน น้ำยาประเภทนี้ฆ่าเชื้อได้ดีมาก ใช้ได้กับคอนแทคเลนส์เกือบทุกชนิด แต่ไม่ค่อยสะดวกเพราะใช้เวลานานในขั้นตอนต่างๆ และเมื่อแช่คอนแทคเลนส์แล้วเอามาใช้ทันทีไม่ได้ จำเป็นต้องแช่ให้ครบกำหนดเวลา ถ้านำคอนแทคเลนส์ออกมาใส่ก่อนครบกำหนดเวลาก็อาจทำให้ตาเจ็บ ตาแดง ต้องรีบไปพบแพทย์ทันที

โปรดจำให้ขึ้นใจว่า ควรให้ความสำคัญกับการเลือกน้ำยาล้างคอนเทคเลนส์ ให้เหมาะกับลักษณะการใช้งานคอนเทคเลนส์ของเราด้วย เพื่อที่ดวงตาของจะได้สวยใสและปลอดภัยไปอีกนาน

16 ก.ค. 2553

4 วิธีใส่คอนแทคเลนส์แบบง่ายๆ

1. เล็บนิ้วชี้และนิ้วโป้งของมือข้างที่ถนัดควรจะตัดสั้นเรียบร้อย เพราะเราต้องใช้ในการใส่คอนแทคเลนส์ถอดคอนแทคเลนส์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาถอด ถ้าเล็บยาวตาจะบอดเพราะเล็บตัวคุณเองนั่นแหละค่ะ

2. เริ่มจากการใช้ปลายนิ้วหยิบคอนแทคมาวางบนมืออีกข้าง แล้วหยดน้ำยาคอนแทคเลนส์ลงบนเลนส์ แล้วใช้นิ้วชี้ถูคอนแทคเป็นแนวเส้นตรงกลับไปมา

3. วางคอนแทคเลนส์บนปลายนิ้วชี้ข้างที่ถนัด ใช้มืออีกข้างเปิดเปลือกตาไว้ แล้วเอาคอนแทคเลนส์แตะลงไปบนตา หลับตาแล้วใช้นิ้วมือนวดเปลือกตาเบาๆ เพื่อให้คอนแทคเลนส์เข้าที่

4. ถ้าใส่แล้วเกิดอาการเคือง ถ้าเคืองเกิน 5-10 วิ คิดว่ามันไม่ปกติ ถอดออกมาล้างแล้วใส่ใหม่นะคะ อย่าทนเพราะดวงตาอาจจะบาดเจ็บได้

อันตรายจากการใช้คอนแทคเลนส์แฟชั่น "บิ๊กอาย"




อันตรายจากการใส่คอนแทคเลนส์แฟชั่น
อันตรายจากการใช้คอนแทคเลนส์แฟชั่น "บิ๊กอาย"
  

คอนแทคเลนส์” หรือ “เลนส์สัมผัส” จัดเป็นเครื่องมือแพทย์ชนิดหนึ่งที่ใช้เพื่อปรับสายตา แต่ในปัจจุบันได้มีการนำเอาคอนแทคเลนส์มาใช้สวมใส่เพื่อความสวยงาม ซึ่งมีทั้งแบบที่ทำให้ดวงตาดูกลมโตขึ้น และแบบที่ช่วยเปลี่ยนสีตาเป็นสีต่าง ๆ ได้

กระแสคอนแทคเลนส์แฟชั่นได้แพร่ระบาดเข้าสู่ประเทศไทยเมื่อประมาณต้นปี 2549 ที่ผ่านมา โดยวัยรุ่นไทยนิยมใส่คอนแทคเลนส์แฟชั่นเพื่อให้ตา กลมโตเลียนแบบดาราเกาหลี และญี่ปุ่น คอนแทคเลนส์แฟชั่นดังกล่าวเป็นที่รู้จักกันดีในนาม บิ๊กอายส์ หรือ คอนแทคเลนส์ตาโต ราคาก็มีตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักพัน ระยะเวลาการใช้งานก็มีให้เลือกหลากหลาย ตั้งแต่ 1 เดือนไปจนถึง 1 ปี

ปัจจุบันคอนแทคเลนส์แฟชั่นไม่ได้มีวางจำหน่ายแต่เฉพาะในร้านแว่นตา หรือคลินิกจักษุแพทย์เท่านั้น แต่ยังมีวางขายตามแผงค้าตามแหล่งแฟชั่น รวมไปถึงการวางจำหน่ายในเว็บไซต์ ทำให้ผู้บริโภคหาซื้อคอนแทคเลนส์แฟชั่นมาสวมใส่ได้ง่ายยิ่งขึ้น แต่ไม่ว่าจะใช้คอนแทคเลนส์เพื่อวัตถุประสงค์ใดก็ตาม เลนส์ที่ใช้จะต้องสัมผัสกับผิวของดวงตาที่บอบบาง การติดเชื้อหรือฉีกขาดอาจเกิดได้ง่าย จึงต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ การใช้คอนแทคเลนส์หากใช้ไม่ถูกต้องหรือไม่เหมาะสม อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้ และอาจรุนแรงถึงขั้นตาบอดได้ เหมือนกับข่าวเมื่อปลายปี 49 ที่ผ่านมา ที่มีชายชาวนิวซีแลนด์ที่ตาบอดจากการสวมใส่คอนแทคเลนส์แฟชั่นเพื่อความสนุกสนานในงานปาร์ตี้ จนเกิดการติดเชื้อหลังสวมใส่คอนแทคเลนส์นาน 3 วัน ทั้งนี้การใส่คอนแทคเลนส์จะต้องได้รับการตรวจตาโดยจักษุแพทย์ หรือผู้ประกอบโรคศิลปะโดยอาศัยทัศนมาตรศาสตร์ โดยผู้สวมใส่จะต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของจักษุแพทย์ หรือนักทัศนมาตรศาสตร์ หรือคำแนะนำบนฉลากอย่างเคร่งครัด และเพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค ทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้จัดทำมาตรการกำกับดูแลคอนแทคเลนส์ทุกประเภทให้เข้มงวดมากขึ้น โดยได้จัดทำร่างประกาศกำหนดให้คอนแทคเลนส์ทุกประเภท เป็นเครื่องมือแพทย์ที่ผู้ผลิต ผู้นำเข้า จะต้องแจ้งรายละเอียดต่ออย.ก่อนผลิตหรือนำเข้า อีกทั้งกำหนดเงื่อนไขให้ผู้ผลิตหรือนำเข้าต้องจำหน่ายคอนแทคเลนส์ให้กับสถานที่ที่กำหนดเท่านั้น เช่น สถานพยาบาล ผู้บริโภคไม่ควรซื้อคอนแทคเลนส์ที่จำหน่ายตามแผงลอย เพราะอาจเป็นอันตรายถึงตาบอดได้

นอกจากนี้ อย. ยังได้กำหนดให้ฉลากของผลิตภัณฑ์ดังกล่าว จะต้องมีคำเตือน ข้อห้ามใช้ และข้อควรระวังต่าง ๆ บนฉลากอย่างชัดเจน นพ.นรังสันต์ พีรกิจ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า “ประชาชนควรระมัดระวังการใช้คอนแทคเลนส์ทุกชนิด โดยไม่ควรซื้อมาใช้เอง และซื้อจากร้านที่เป็นแผงลอย ควรปฏิบัติตามคำแนะนำบนฉลากอย่างเคร่งครัด และหากมีภาวะผิดปกติ เช่น ต้อเนื้อ ต้อลม ตาแดง กระจกตาไวต่อความรู้สึกลดลง ตาแห้ง กะพริบตาไม่เต็มที่ ก็ไม่ควรใช้คอนแทคเลนส์

สิ่งที่สำคัญที่ต้องระลึกถึงอยู่เสมอคือเรื่องสุขลักษณะ ต้องล้างมือให้สะอาดและทำให้แห้งก่อนสัมผัสเลนส์ การสวมและการเปลี่ยนเลนส์ก็ให้เป็นไปตามระยะที่กำหนด การล้างและการเก็บรักษาเลนส์ก็ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ ส่วนภาชนะที่เก็บเลนส์ก็ต้องรักษาให้สะอาดอยู่เสมอ ห้ามใช้คอนแทคเลนส์ร่วมกับบุคคลอื่น ห้ามใส่ขณะว่ายน้ำเพราะอาจทำให้ติดเชื้อที่ตา และห้ามใส่เวลานอน ถึงแม้ว่าจะเป็นชนิดใส่นอนได้ก็ตาม และต้องถอดทำความสะอาดทุกวัน หากมีอาการผิดปกติ เช่น เจ็บหรือปวดตาเป็นอย่างมาก ร่วมกับอาการแพ้แสง ตามัวลง น้ำตาไหลมาก ตาแดง ให้หยุดใช้คอนแทคเลนส์ทันที และให้รีบไปพบแพทย์หรือจักษุแพทย์โดยเร็ว...

การใช้คอนแทคเลนส์ เพื่อสุขภาพตาที่ดี

1. คอนแทคเลนส์สี ตาโต  หรือตาหวาน (Bigeye) ส่วนใหญ่จะหนากว่าคอนแทคเลนส์ใสธรรมดา ทำให้มีโอกาสเคืองตามากกว่า

2. โดยส่วนใหญ่แล้วคอนแทคเลนส์มักจะทนพอสมควร การขยี้ตาแล้วขาดนั้น ถ้านานๆ เป็นสักครั้งอาจไม่เป็นไร แต่ถ้าเกิดขึ้นบ่อยๆ เราแนะนำว่าควรถอดคอนแทคเลนส์ก่อนขยี้ตา หรืออาจพยายามลดแรงให้เป็นลักษณะของการคลึงเปลือกตาให้น้ำตาไหลออกมาจะดีกว่า เนื่องจากคอนแทคเลนส์ที่ขาดบางส่วน(แหว่ง) หรือคอนแทคเลนส์ที่ขาดครึ่งจะเกิดส่วนคมขึ้นและอาจเป็นอันตรายกับดวงตาได้


3. ตาแห้ง กับเคืองตา ก็เช่นกัน วันหนึ่งเป็นเล็กน้อยสัก 2-3 ครั้ง ก็ไม่ถือว่าผิดปรกติ แต่ถ้าเป็นบ่อยๆ เช่นต้องหยอดตาวันละหลายๆ ครั้ง หรือเกิดอาการตาอักเสบอยู่เป็นประจำ แนะนำว่าบางครั้งอาจเกิดจากน้ำตาของเราไม่เพียงพอ จึงทำให้ตาแห้ง และเคืองบ่อยๆ เพื่อความสบายใจ แนะนำให้ไปที่คลีนิคหรือโรงพยาบาล เพื่อเช็คให้ละเอียดว่าตาของคุณเหมาะสมกับการใช้คอนแทคเลนส์หรือไม่ เพราะบางคนมีปัญหาน้ำตาน้อยทำให้ไม่เหมาะกับการใช้คอนแทคเลนส์ การใช้แว่นจะเหมาะสมกว่า

4. การใส่นานนั้น ปรกติแล้วคอนแทคเลนส์ มีระยะที่แนะนำให้ใช้งานอยู่ในช่วง 12 ชั่วโมงต่อวัน ถ้าใช้เกินกว่านี้ ในบางคนจะมีปัญหาเรื่องเคืองตา หรือตาแห้ง ถ้าเป็นบ่อยในชั่วโมงหลังๆ เช่นหลังใส่ไปแล้ว 8-10 ชั่วโมง เราแนะนำให้ถอดคอนแทคเลนส์ออก แล้วใส่แว่นแทนจะดีกับดวงตามากกว่า แต่ถ้าในช่วงระหว่าง 12 ชั่วโมงแรก มีอาการตาแห้ง และไม่สบายใจเรื่องความสะอาดของน้ำตาเทียม ขอแนะนำให้ใช้แบบใช้แล้วทิ้ง เช่นของ TEARS NATURALE FREE [32 RECLOSABLE VIALS] (เทียส์ แนทูราล ฟรี (32 หลอด)) ของ Alcon หรือ Cellufresh [30 Sterile Single-Use Containers] 0.4 mL each ของ Allergan (นำเข้าโดยบริษัท Maxim) ซึ่งเป็นน้ำตาเทียมแบบหลอดเล็กๆแกะใช้เมื่อตาแห้ง เก็บไว้ได้ไม่เกิน 1 วันหลังแกะใช้

5. คอนแทคเลนส์ยี่ห้อเดิม ถ้าใส่ดีอยู่แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนยี่ห้อค่ะ นอกจากอาจลองเปลี่ยนเพื่อแก้ปัญหาบางอย่างเช่นตาแห้งง่าย (แนะนำให้ทดลองใช้พวกซิลิโคนไฮโดรเจล เช่น O2 Optix หรือ Acuvue Advance) ซึ่งยอมรับว่าอาจเกิดปัญหาอื่นแทน อันนี้ก็แล้วแต่การตัดสินใจของผู้ใช้แต่ละท่านค่ะ

6. ห้ามใส่คอนแทคเลนส์นอนโดยเด็ดขาด เนื่องจากโดยปรกติแล้วดวงตาจะได้รับออกซิเจนผ่านทางน้ำตา การใส่คอนแทคเลนส์นอนจะทำให้กีดขวางการไหลเวียนของน้ำตาภายในดวงตา จึงทำให้บริเวณกระจกตาได้รับออกซิเจนน้อยลง จึงส่งผลให้ดวงตาขาดออกซิเจนได้ (ในรายที่เป็นมาก อาจเกิดเส้นเลือดขึ้นภายในกระจกตาได้)

7. ควรล้างคอนแทคเลนส์ทุกวัน และควรถูคอนแทคเลนส์ด้วยปลายนิ้วด้วย แม้ว่าในปัจจุบันจะมีน้ำยาล้างคอนแทคเลนส์ (น้ำยาล้างคราบโปรตีน)หลายชนิดระบุว่าไม่จำเป็นต้องถูก็ตาม เพราะจากการวิจัยพบว่าการถูคอนแทคเลนส์จะช่วยลดการเกาะตัวของคราบโปรตีนและไขมันได้มากถึง 90-95% จึงช่วยให้คอนแทคเลนส์มีความใสและสบายตามากยิ่งขึ้น และยังช่วยลดโอกาสที่จะติดเชื้อภายในดวงตาได้อีกด้วย

8. ถ้ารู้สึกผิดปรกติกับดวงตา ให้หยุดการใส่คอนแทคเลนส์โดยทันที เพราะถ้าดวงตาอักเสบหรือเกิดการติดเชื้อขึ้นภายในดวงตาการใส่คอนแทคเลนส์จะทำให้อาการผิดปรกติมากขึ้น และอาจเกิดอาการแทรกซ้อนต่างๆ ได้ แต่ถ้าหลังหยุดพักการใส่คอนแทคเลนส์แล้วอาการยังไม่ดีขึ้น ควรไปปรึกษาแพทย์โดยทันที

29 พ.ค. 2553

ภาวะการแพ้ Contact Lens (GPC)

ภาวะ การแพ้ Contact Lens มีชื่อทางการแพทย์ว่าโรค GPC ย่อมาจาก Giant Papillary Conjunctivitis ซึ่งเป็นโรคภูมิแพ้ชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นกับดวงตา พบในผู้ที่ใส่ Contact Lens ชนิดถาวร หรือเลนส์ที่มีอายุการใช้งานมากกว่า 30 วัน (Permanent lenses) โดยอาการแพ้ดังกล่าวเกิดจากคอนแทคเลนส์สกปรก มีคราบโปรตีนที่ล้างไม่หมดเกาะอยู่ คราบโปรตีนเหล่านั้นเป็นส่วนประกอบของน้ำตาธรรมชาติ ที่เมื่อสะสมรวมกับสารภายนอก เช่น ฝุ่นละออง เครื่องสำอาง จะก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อเยื่อบุตาขึ้นได้

ผู้ที่เป็นโรค GPC จะมีอาการคันตา ระคายเคือง มีขี้ตาเป็นเมือกขาว ตาแดงเรื่อๆ และไม่สบายตาเท่ากับช่วงที่ใส่คอนแทคเลนส์ใหม่ๆ นอกจากนี้บางครั้งคอนแทคเลนส์อาจเลื่อนหลุดได้ง่ายอีกด้วย เมื่อจักษุแพทย์ทำการตรวจดวงตาของผู้ที่เป็น GPC ด้วยกล้องขยายพิเศษสำหรับตรวจตา (Slit lamp) จะพบมีเม็ดเล็กๆ (Papilla) ที่เยื่อบุตาบริเวณด้านในของเปลือกตา ซึ่งเป็นปฏิกิริยาของร่างกายเมื่อเกิดภูมิแพ้ที่ดวงตา
อาการแพ้ในโรค GPC อาจรักษาให้หายได้โดยการพบจักษุแพทย์ แพทย์จะแนะนำให้หยุดใส่คอนแทคเลนส์ไว้ชั่วคราวก่อน และให้ยาแก้แพ้มาหยอดตา แต่เมื่อกลับมาใส่คอนแทคเลนส์อีกก็อาจกลับเป็นขึ้นมาใหม่ได้เรื่อยๆ ถ้าคุณยังปฏิบัติตัวเหมือนเดิม ดังนั้นคุณจึงควรแก้ไขที่สาเหตุ คือ กำจัดความสกปรกของ Contact Lens อย่างสม่ำเสมอให้ถูกต้อง โดยการชะล้างคราบโปรตีน ไขมัน และฝุ่นละอองต่างๆ ที่เกาะอยู่ออกให้หมด หรือเปลี่ยนไปใช้คอนแทคเลนส์ชนิดเปลี่ยนทุก 2-4 สัปดาห์ (Disposable lenses)

สารทำความสะอาดที่มีอยู่ในน้ำยา อเนกประสงค์ทุกชนิดที่มีขายในท้องตลาด สามารถทำความสะอาดคราบไขมัน เยื่อเมือก และโปรตีนได้เพียงบางส่วนเท่านั้น ในการขจัดคราบโปรตีนสะสมจำเป็นต้องใช้เอ็นไซม์โปรตีเนส (Proteinase) ในการย่อยสลายโปรตีน จึงจะสามารถขจัดคราบโปรตีนได้อย่างมีประสิทธิภาพจริงๆ โดยตัวเอนไซม์เองจะเป็นชนิดที่ไม่ก่อให้เกิดความระคายเคืองต่อเยื่อบุตา

ในน้ำยาทำความสะอาด Contact Lens แบบ อเนกประสงค์ทุกชนิดที่มีขายในท้องตลาดนั้น ไม่มีส่วนประกอบของเอ็นไซม์โปรตีเนส เพื่อใช้ในการย่อยสลายคราบโปรตีนสะสมดังกล่าว เนื่องจากเอ็นไซม์นี้จะไม่คงตัวในสารละลายที่มีปริมาตรมากๆ สารประกอบส่วนหลักๆ ในน้ำยาอเนกประสงค์ คือ

- สารฆ่าเชื้อโรค ซึ่งส่วนใหญ่จะสามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้ดี บางชนิดสามารถฆ่าเชื้อรา และเชื้ออะแคนทามีบา (Acanthamoeba) ได้ด้วย
- สารทำความสะอาด ส่วนที่มีคุณสมบัติเป็นสบู่ ใช้ขจัดคราบไขมัน เยื่อเมือกได้ และอีกส่วนที่เป็นสารขจัดคราบโปรตีน ออกฤทธิ์ด้วยกลไกที่แตกต่างกันไปในแต่ละชนิด แต่ไม่ใช่เอนไซม์โปรตีเนส

การใช้น้ำยาอเนกประสงค์เพียงขวด เดียว จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ใช้ Contact Lens แบบชั่วคราวไม่เกิน 30 วัน ถ้าใช้เลนส์ที่มีอายุการใช้งานมากกว่า 30 วัน หรือเลนส์ถาวร การสะสมของสิ่งสกปรกบนผิว Contact Lens จะมากเกินกว่าที่จะสามารถขจัดออกได้ ด้วย สารขจัดคราบโปรตีนที่มีอยู่ในน้ำยาอเนกประสงค์ ดังนั้นจึงจำเป็นจะต้องใช้เอ็นไซม์ร่วมด้วย ซึ่งอาจจะเป็นยาเม็ดเอ็นไซม์ละลายในน้ำยาล้างเลนส์ หรือเป็นเอ็นไซม์แบบน้ำยาสำเร็จรูปก็ได้ เพื่อให้ Contact Lens ของคุณสะอาด จะได้ไม่ก่อให้เกิดการแพ้ Contact Lens


ข้อมูลจาก : http://www.freeforworld.com/index.php/33

[ข่าว] ภัยจากคอนแทคเลนส์ตาโต

ศ.พ.ญ.สกาวรัตน์ คุณาวิศรุต
ระยะนี้มีข่าวจากสื่อต่างๆ ทั้งทีวีและหนังสือพิมพ์ฮือฮา ถึงการใส่ contact lens ทำให้ตาโตขึ้น คงเป็นที่สนใจของสาวๆ ตาตี่ๆ กันทั่วไป ก่อนจะไปใช้น่าจะมาเรียนรู้ถึงข้อควรปฏิบัติและโทษของมันดูบ้าง อย่ามุ่งมั่นเพื่อความสวยงาม โดยลืมนึกถึงความปลอดภัย

เลนส์สัมผัสหรือที่เรียกกันติดปากว่า Contact lens เป็นแผ่นพลาสติคใสๆ บางๆ ได้รับการหล่อหรือขัดเกลาให้เป็นแผ่นกลมรูปกะทะ โดยมีความโค้งใกล้เคียงกับความโค้งของตาดำของเรา ตัวเลนส์มีกำลังหักเหของแสงคล้ายๆ เลนส์ที่ใช้ในแว่นตาขนาดต่างๆ เพื่อแก้ไขสายตาที่ผิดปกติ ได้แก่ ตาสั้น ตายาว และตาเอียง เมื่อนำเลนส์สัมผัสมาใช้ โดยปะวางที่ตาดำอาศัยน้ำตาที่ฉาบบางๆ อยู่ผิวตาดำเป็นตัวยึดให้เลนส์ติดกับตาดำ โดยที่เลนส์ขยับเคลื่อนที่ได้เล็กน้อยเมื่อเรากลอกตาไปมา


ปัจจุบันการใช้เลนส์สัมผัสมีจุดประสงค์ 3 ประการ
  1. เพื่อแก้ไขสายตาที่ผิดปกติ ทดแทนแว่นสายตา กล่าวคือสามารถแก้ไข สายตาสั้น ตายาว ตาเอียง ตลอดจนสายตาผู้สูงอายุ โดยไม่ต้องใช้แว่นตา เป็นจุดประสงค์หลักที่ใช้กันมากที่สุด
  2. ใช้รักษาโรคกระจกตาบางชนิด เป็นการใช้ชั่วคราวเมื่อโรคกระจกตานั้นหายก็เลิกใช้
  3. ใช้เพื่อความสวยงาม เพื่อเปลี่ยนสีดวงตา หรือเพื่อปิดฝ้าขาวบริเวณตาดำ ในปัจจุบันนำมาใช้ให้ดวงตาดูโตขึ้นที่ฮือฮาเป็นข่าวอยู่นี้
Contact lens ที่ออกมาแต่เดิมเป็นเลนส์ใสไร้สี เพื่อจุดประสงค์ 2 ข้อแรก สำหรับ contact lens สี เพิ่งมีใช้
ในระยะสิบกว่าปีมานี้ เพื่อจุดประสงค์ในข้อ 3 และมีบ้างที่ contact lens สี ช่วยทั้งเปลี่ยนสีตาและแก้ไขสายตาที่ผิดปกติด้วย อาจแบ่ง contact lens สีออกเป็น 4 ชนิด
  1. Visibility colored contact lens เป็นสีอ่อนๆ ออกสีฟ้าหรือเขียวอ่อน เป็นอันแรกๆ ของเลนส์สัมผัสสี จุดประสงค์ให้ผู้ใช้มองเห็นได้ง่ายแต่เดิมผู้ใช้เลนส์สัมผัสไร้สีเมื่อถอดออกจากดวงตาแทบจะมองไม่เห็น อาจจะตกหล่นหรือหาย หรือแม้เมื่อถอดออกจากตาใส่ในตลับอาจวางเลนส์ที่ขอบตลับเมื่อปิดตลับ ทำให้เลนส์ฉีกขาดได้ ถ้าทำเป็นสีจางๆ จะช่วยให้ผู้ใช้มองเห็นเลนส์ได้ง่ายขึ้น เนื่องจากเลนส์สีชนิดนี้สีจางมากจึงไม่เปลี่ยนสีตาของผู้ใช้
  2. Enhance colored contact lens เป็นเม็ดสีที่ย้อมเข้าไปในเนื้อ contact lens ที่เข้มกว่าและเม็ดสี หนาแน่นกว่า จุดประสงค์เพื่อเปลี่ยนสีตาของผู้ใช้ โดยเม็ดสีจะอยู่ในเนื้อ contact lens รอบๆ เว้นตรงกลางให้แสงเข้าเพื่อให้มองเห็นได้ดี
  3. Opaque colored contact lens เป็นเม็ดสีที่เข้มขึ้นไปอีกอยู่ในเนื้อเลนส์ที่ลึกลงไป มีสีต่างๆ หลายสี ใช้ในการเปลี่ยนสีตา ถือเป็นเครื่องประดับบริเวณตา มักใช้ในนักแสดงที่แต่งตัวสีฉูดฉาดและต้องการให้ดวงตามีสีแปลกๆ ด้วย นอกจากนี้อาจย้อมเม็ดสีให้กินบริเวณรอบนอกของเลนส์ ทำให้เมื่อใช้เลนส์นี้ดูตาดำใหญ่ขึ้นอันเป็นที่มาของเลนส์ช่วยให้ตาโต
  4. Light – filtering contact lens เป็นพัฒนาการของ contact lens สีชนิดล่าสุดมักใช้ในกีฬา เป็นการ ทำเลนส์เป็นสีเพื่อกรองแสงบางสีออกไป เพิ่มความชัดของวัสดุที่จะมอง เช่น เพื่อให้สีของลูกเทนนิสหรือลูกกอล์ฟเด่นชัดขึ้น ตัวอย่างนักกอล์ฟใช้สีอำพันเพื่อตัดสีครามของท้องฟ้าไกลๆ ทำให้เห็นลูกกอล์ฟชัดขึ้น

ถ้าท่านตัดสินใจที่จะลองใช้ CL สี ควรปรึกษาจักษุแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญดูก่อนว่าดวงตาของท่า เหมาะสมหรือสมควรใช้หรือไม่ CL มิได้เหมาะสำหรับดวงตาทุกคู่ ผู้ที่ไม่เหมาะที่จะใช้ได้แก่
  1. ผู้ที่มีโรคผิวหนังบริเวณเปลือกตาแบบเรื้อรัง การที่เปลือกตาอักเสบทำให้ไม่สบายตา อีกทั้งมักมีสารที่ขับจากต่อมบริเวณเปลือกตาเปลี่ยนไป
  2. ผู้ที่ตาแห้ง
  3. มีกระจกตาผิดปกติ
  4. เป็นภูมิแพ้ เพราะผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ อาจจะเกิดการแพ้ต่อสารที่ทำเลนส์หรือแพ้น้ำยาที่ใช้กับเลนส์
  5. มีโรคเรื้อรังทางร่างกาย เช่น เบาหวานที่ควบคุมไม่ดี โรคของต่อมไทรอยด์ที่มีตาโปน เพราะผู้ป่วย ในกลุ่มนี้มักจะมีตาแห้งไม่ค่อยกระพริบตา
  6. ผู้ป่วยที่มีปัญหาทางสุขภาพจิต มีความกังวล ขี้ระแวง
  7. ผู้ป่วยที่มีโรคข้อมือ มีมือสั่นจากโรคทางสมอง เช่น โรค Parkinson ทำให้จับต้องเลนส์สัมผัสไม่ได้ดี
  8. หญิงตั้งครรภ์และสตรีวัยทอง
  9. ผู้ที่ใช้ยาประจำบางตัว เช่น ยารักษาโรคกระเพาะ ผู้รับประทานยาคุมกำเนิด ผู้ใช้ยากลุ่มคลายเครียดประจำ ฯลฯ

สำหรับ CL สีก็คงคล้าย CL ทั่วไปแต่เพิ่มเม็ดสี เพื่อจุดประสงค์ดังกล่าวคงตอบสนองความต้องการในแง่ความสวยงาม แต่มีข้อเสียมากกว่า CL ธรรมดาหลายประการอาทิ เช่น

  1. ราคาแพงกว่า
  2. ด้วยเหตุที่มีเม็ดสีเข้าไปอยู่ในเนื้อ CL บริเวณที่เป็นสี ออกซิเจนจะไม่ซึมผ่านเข้าไปเลี้ยงกระจกตา อีกทั้งเม็ดสีเป็นสิ่งแปลกปลอม อาจทำให้เกิดโทษจากการแพ้เม็ดสีในคนบางคนได้
  3. ด้วยเหตุที่มีเม็ดสีปนอยู่ในเนื้อเลนส์ ผิวอาจไม่เรียบเป็นเนื้อเดียวกัน เชื่อว่าอาจมีเมือก โปรตีนที่มีอยู่ ในน้ำตาเข้าไปฝังตัวทำให้เลนส์เสียเร็วขึ้น และเลนส์สีจะมีความหนากว่าเลนส์ปกติ ทำให้ออกซิเจนซึมผ่านจากอากาศ น้ำตาไปเลี้ยงกระจกตาน้อยลง
  4. โดยเฉพาะรายที่เป็นสีเข้มๆ เพราะต้องการเปลี่ยนสีตาทำให้การดูแลรักษายากกว่าเลนส์ทั่วไป กล่าว คือหากมีสิ่งสกปรก ปนเปื้อน เช่น มีกลุ่มเมือกปนเชื้อโรคติดอยู่ ซึ่งจะเห็นได้ง่ายในเลนส์ธรรมดา ทำให้ผู้ใช้สามารถเช็ดถูออก หรือถ้าไม่ออกก็เลิกใช้คู่นั้นเพื่อความปลอดภัย หากเป็น CL สี มองไม่เห็นใช้ต่อไปทำให้เกิดตาอักเสบในเวลาต่อมาได้
  5. ในกระบวนการทำ CL สี ต้องเว้นบริเวณตรงกลางที่ตรงกับรูม่านตา เพื่อให้ผู้ใช้แลเห็นวัตถุ การเว้นขนาดตรงกลางอาจจะใหญ่ไปหรือเล็กไป สำหรับบางคนเนื่องจากเวลากระพริบตาหรือกลอกตาไปมามีการขยับของ CL อาจทำให้บริเวณที่เป็นสีมาบังตาทำให้มัวลงได้ เนื่องจากการเว้นขนาดบริเวณตรงกลางทำเป็นขนาดแน่นอนทั้งหมด แต่ขนาดรูม่านตาและการขยับของ CL เวลากระพริบตาไม่เท่ากันทุกคน

เมื่อตัดสินใจจะใช้เลนส์สัมผัสคู่แรกควรได้รับการตรวจตาเสียก่อนว่าไม่มีข้อห้ามในการใช้และประกอบ
จากผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น มิใช่ไปซื้อเอาตามห้างสรรพสินค้าหรือร้านสะดวกซื้อ และเมื่อได้เลนส์มาแล้วควรปฏิบัติตนดังนี้
  1. ไม่ว่าจะเป็นเลนส์ชนิดใด ล้วนต้องนำมาแปะไว้หน้าตาดำ ถือเป็นสิ่งแปลกปลอมที่อาจก่อให้เกิด ปฏิกิริยาหรือการอักเสบได้ ความสะอาดจึงเป็นเรื่องสำคัญ ถ้าเลนส์สกปรกมีเชื้อโรคก็เท่ากับนำเชื้อโรคไปใส่ในตา ซึ่งในบางครั้งอาจไม่เกิดโทษร้ายแรง แต่สักวันหนึ่งถ้ากระจกตามีรอยถลอก เชื้อโรคก็จะเข้าไปในเนื้อกระจกตาทำให้กระจกตาอักเสบและเกิดโรคร้ายแรงตามมา
  2. ใช้เลนส์ให้ทุกประเภท เลนส์ที่มีอายุ 2 สัปดาห์ก็ควรใช้แค่ 2 สัปดาห์ไม่ควรใช้เกินกว่านั้น แม้เลนส์ที่ระบุว่าใส่นอนได้ก็ไม่ควรใส่นอน
  3. แม้เลนส์รุ่นใหม่ๆ จะออกแบบให้ออกซิเจนซึมผ่านได้ดีตามที่มีโฆษณากันอยู่ ตาที่ใส่เลนส์สัมผัสอยู่ จะได้รับออกซิเจนน้อยลงเสมอ ถ้าใส่เลนส์ไม่นานเกินไปก็จะเป็นการขาดออกซิเจนของตาดำที่ไม่ก่อให้เกิดอันตรายมากนัก จึงควรมีเวลาให้ตาได้พักหรือปลอดการใส่เลนส์ ขอแนะนำว่าแม้ท่านจะเลือกแก้ไขสายตาผิดปกติด้วยเลนส์สัมผัส ท่านก็ควรจะมีแว่นเป็นอะไหล่ไว้ใช้เวลาพักตาจากเลนส์สัมผัส
  4. ปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้ประกอบเลนส์อย่างเคร่งครัด
  5. การทำความสะอาดเลนส์ ต้องทำอย่างเคร่งครัดประกอบด้วยการทำความสะอาด ล้างฆ่าเชื้อและ การเก็บ (cleaning, rinsing, disinfecting and storage) หลีกเลี่ยงการใช้น้ำเกลือซึ่งเทถ่ายจากขวดใหญ่ โดยคิดว่าจะประหยัดค่าใช้จ่าย เนื่องจากกระบวนการถ่ายเทน้ำเกลือ อาจทำให้เชื้อโรคปนเปื้อนได้ น้ำยาที่แช่เลนส์ต้องเททิ้งทุกครั้ง
  6. หากมีอาการผิดปกติ เช่น เจ็บตา ตาแดง ตาพร่ามัว ควรจะถอดเลนส์ออกและปรึกษาจักษุแพทย์
  7. พึงระลึกว่าการใช้เลนส์สัมผัสใช่ว่าจะปลอดภัย 100 % ขณะใส่เลนส์สัมผัสตาดำจะอยู่ในภาวะขาด ออกซิเจนบ้าง อาจมีโรคแทรกซ้อนหากใช้ไปนานๆ ผู้ใช้จึงควรรับการตรวจจากจักษุแพทย์เป็นระยะแม้ไม่มีอาการผิดปกติ
  8. ขอเตือนว่ามีผู้ใช้เลนส์สัมผัสไม่ถูกต้อง ก่อให้เกิดผลเสียหลายอย่าง เช่น เจ็บตา ตาแดง กระจก ตาเป็นแผล ซึ่งนอกจากทรมานจากการเจ็บปวด เสียเงิน เสียเวลาในการรักษา บางรายเป็นรุนแรงถึงขั้นสูญเสียสายตาเล็กน้อยไปจนถึงมากอย่างถาวร

16 พ.ค. 2553

วิธีการดูแลรักษาคอนแทคเลนส์



วิธีการดูแลรักษาคอนแทคเลนส์

สำหรับคนสายตาผิดปกติคงต้องขอบคุณผู้ผลิตคิดค้น คอนแทคเลนส์ เพราะนอกจากจะแก้ปัญหาสายตาให้มองเห็นได้ดีขึ้นแล้ว โดยเข้ามาแทนที่การใช้แว่นสายตาที่บางคนไม่ชอบเพราะบดบังความงามของตาคู่งาม หรือใบหน้าสวยของตัวเอง ใส่คอนแทคเลนส์ดูเป็นธรรมชาติกว่าเป็นไหนๆ แต่คงยังต้องยอมรับว่าแว่นสายตายังครองอันดับหนึ่ง ของอุปกรณ์แก้ปัญหาสายตาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดอยู่

เลนส์สัมผัส หรือที่มักเรียกกันติดปากทับศัพท์ว่า คอนแทคเลนส์ นั้นเป็นแผ่นพลาสติกที่ได้รับการขัดเกลาหรือหล่อให้เป็นแผ่นกลมรูปร่าง คล้ายกระทะที่มีขนาดเหมาะสมกับตาดำ นำมาวางปะหน้าตาดำอาศัยน้ำตา ที่ฉาบอยู่บนผิวหน้าของตาดำเป็นตัวยึดเลนส์สัมผัสให้ติดกับดวงตา ด้วยเหตุที่คอนแทคเลนส์จะต้องสัมผัสกับตาดำเราตลอดเวลา การดูแลรักษาที่ดีนอกจากให้มองเห็นชัดเจนแล้ว ตัวคอนแทคเลนส์ก็จะมีอายุการใช้งานได้นานขึ้น และที่สำคัญผู้ใช้ปลอดภัยปราศจากการติดเชื้อ

โดยทั่วไปคอนแทคเลนส์ชนิดนิ่มจะดูดซับสิ่งสกปรกจากสิ่งแวดล้อม และสารต่างๆ ที่มีอยู่ในตา ได้แก่ น้ำเมือก น้ำมัน และโปรตีน ตลอดจนสารเคมีจากเครื่องสำอางเอาไว้ สิ่งสกปรกเหล่านี้จะสะสมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้คุณลักษณะที่ดีของคอนแทคเลนส์เปลี่ยนแปลงไป เช่น ความใสสะอาด ผิวเรียบ มีความโค้งสม่ำเสมอ ฯลฯ ซึ่งความโค้งที่เปลี่ยนไปอาจทำให้เลนส์ที่เคยใช้ได้พอดีกลับกลายเป็นคับหรือหลวมไป หรือใส่ไม่สบายก็ได้ คอนแทคเลนส์ที่เคยใสกลับหมองไปทำให้มองภาพไม่ชัด ผิวที่เคยเรียบบากเป็นรอย ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองทั้งหมดอาจนำไปสู่การติดเชื้อได้ง่ายขึ้น

ดังนั้นเหนือสิ่งอื่นใดคุณควรคำนึงถึงสุขอนามัยของดวงตาเป็นอย่างแรก เพราะดวงตาถ้าเป็นอะไรไปแล้วก็ยากแก่การทดแทนใหม่ได้ จึงอย่าขี้เกียจที่จะทำความสะอาดคอนแทคเลนส์อย่างสม่ำเสมอ เพราะเป็นเรื่องจำเป็น เรามีวิธีการดูแลรักษาคอนแทกเลนส์มาฝากเป็นขั้นเป็นตอนให้คุณปฏิบัติได้อย่างถูกต้องยิ่งขึ้น
  1. การล้างทำความสะอาด (cleaning) โดยใช้น้ำยาเพื่อทำความสะอาด ตัวน้ำยาประกอบด้วยสารซึ่งทำหน้าที่คล้ายผงซักฟอก โดยน้ำยานี้จะจับกับสิ่งสกปรกตลอดจนเชื้อโรคให้หลุดออกจากผิวคอนแทคเลนส์ เชื่อกันว่าวิธีนี้สามารถขจัดเชื้อโรคออกไปได้ถึง 90%
  2. การชะล้าง (rinsing) ส่วนใหญ่จะเป็นน้ำเกลือพิเศษที่มีสารกันเสียอยู่ด้วย หรือ ใช้น้ำยาดูแลรักษาคอนแทคเลนส์ (ใช้น้ำเกลือทั่วๆ ไปแทนไม่ได้) เป็นการใช้น้ำยาเพื่อชะล้างสิ่งสกปรก
  3. การฆ่าเชื้อโรค (disinfecting) ทำหน้าที่ฆ่าเชื้อโรคที่เหลืออยู่อีก 0.1% ขบวนการนี้อาจจะใช้ความร้อนหรือใช้น้ำยาฆ่าเชื้อ การใช้ความร้อน ได้ผลดีกับเชื้อโรคทุกชนิดโดยเฉพาะเชื้อ HIV โดยใช้ความร้อน 80 องศาเซลเซียส เวลา 10 นาที โดยทั่วไปที่มีขายจะทำเป็นยูนิตสำเร็จรูปเสียบเข้ากับปลั๊กไฟฟ้า ใช้เวลาประมาณ 45นาที เครื่องจะดีดกลับเองเมื่อเสร็จสิ้นขบวนการ วิธีนี้สะดวกปลอดภัย แต่มีข้อเสียตรงที่คอนแทคเลนส์อาจจะเสียเร็ว และเปลี่ยนสีได้ ส่วนการใช้น้ำยาฆ่าเชื้อ เป็นวิธีที่สะดวก ใช้ง่าย เพียงแช่คอนแทคเลนส์ในน้ำยาตามเวลาที่กำหนด แต่มีข้อเสียคือราคาแพง บางคนอาจแพ้ทำให้เกิดอาการคันตา ตาแดง โดยเฉพาะผู้ที่ทำความสะอาดเลนส์ไม่ตามขั้นตอน เช่น ไม่ทำความสะอาดก่อน ซึ่งไม่ควรลืมว่าหลังแช่น้ำยาแล้วต้องเทน้ำยาที่ใช้แล้วทิ้งไปเสมออย่าเสียดาย ถ้าไม่เปลี่ยนน้ำยาในคราวต่อไป ก็มีโอกาสมากที่จะเกิดการปนเปื้อนของเชื้อโรค ขบวนการ oxidative โดยใช้ไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์ซึ่งมีความเข้มข้น 0.6% -3% ข้อดีของวิธีนี้คือ สารตัวนี้สามารถ ฆ่าเชื้อโรคได้มากตัว แต่มีข้อเสียคือราคาแพงและต้องล้างด้วยน้ำยาอีกชนิดหนึ่ง ถ้าล้างด้วยไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์ออกไม่หมดจะมีจะมีอาการแสบและเคืองตามาก ขั้นตอนของการฆ่าเชื้อวิธีนี้จึงต้องมี 2 ขั้นซึ่งยุ่งยากมาก และห้ามนำมาใช้กับเลนส์เพราะความเข้มข้นไม่แน่นอน มีโลหะหนักบางชนิดเจือปน ใช้แล้วทำให้เลนส์เปลี่ยนสีได้
  4. การใช้ Enzyme หรือที่เรียกกันว่าน้ำยาล้างคราบโปรตีน* เป็นน้ำยาที่ช่วยขจัดคราบโปรตีนที่เกาะติดอยู่ในคอนแทคเลนส์ ควรทำความสะอาดสัปดาห์ละครั้ง ถือเป็นการขัดและทำความสะอาดใหญ่ มักจะทำเป็นรูปยาเม็ด ซึ่งต้องแช่ในน้ำเกลือ (ไม่ใช่น้ำกลั่น) หรือน้ำยาคอนแทคเลนส์ที่กำหนดไว้ หลังจากแช่แล้วควรล้างคอนแทคเลนส์อีกครั้งด้วยน้ำยาดูแลรักษาคอนแทคเลนส์ สำหรับผู้ที่ใช้คอนแทคเลนส์บิ๊กอาย (Big Eye) ควรใช้น้ำยาล้างคราบโปรตีน 1-2 หยด ร่วมกับน้ำยาล้างคอนแทคเลนส์ของคุณ แช่เอาไว้ในตลับประมาณ 24 ชม. และนำออกมาล้างด้วยน้ำยาล้างคอนแทคเลนส์อีกครั้ง ก่อนนำมาสวมใส่ ทำอย่างนี้เป็นประจำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง จะช่วยรักษาคอนแทคเลนส์ของคุณให้สวมใส่ได้สบายตา ปลอดภัย และยาวนานมากขึ้น หากดูแลอย่างถูกวิธี
  5. น้ำยาหล่อลื่น (lubricating and Rewetting) โดยปกติผู้ใช้คอนแทกเลนส์มักจะมีตาแห้งง่ายกว่าคนปกติ ทำให้มีอาการระคายเคือง น้ำยานี้จะช่วยให้ตาชุ่มชื้นยิ่งขึ้น ในปัจจุบันนี้มีน้ำยาบางชนิดทำมาเป็นแบบสำเร็จรูปทั้ง 5 ขบวนการแรกในน้ำยาตัวเดียวกัน เพื่อความสะดวกในการใช้ แต่การดูแลคอนแทคเลนส์ ต้องทำตามลำดับขั้นให้ครบถ้วน คอนแทคเลนส์ก็จะอยู่ในสภาพสะอาด ปลอดภัย สำหรับผู้ใช้จะข้ามขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่งไม่ได้ ส่วนผู้ที่ไม่ได้ใช้คอนแทคเลนส์ทุกวัน ควรเปลี่ยนน้ำยาทุกวันหรืออย่างน้อยต้องทำขบวนการฆ่าเชื้อ (ขบวนการที่ 3) ภายใน 24 ชั่วโมง ก่อนนำมาใส่
  6. การดูแลตลับใส่เลนส์ มีผู้ใช้คอนแทกเลนส์จำนวนมากที่ป่วยเพราะเชื้อโรคที่ปนเปื้อนอยู่ในตลับใส่เลนส์ การดูแลตลับใส่เลนส์จึงเป็นสิ่งจำเป็น ซึ่งควรล้างทุกวันด้วยน้ำยาที่ใช้ดูแลรักษาคอนแทคเลนส์ให้สะอาด ปล่อยให้แห้ง ควรขัดตลับใส่คอนแทคเลนส์สัปดาห์ละครั้งด้วยน้ำยาที่ดูแลรักษาคอนแทคเลนส์ ทิ้งไว้ให้แห้ง หรือเปลี่ยนตลับใหม่ทุกๆ 6 เดือน

ขอเตือนว่า ผลแทรกซ้อนจากการใช้คอนแทคเลนส์ บางรายอาจรุนแรงถึงขั้นสูญเสียสายตาอย่างถาวรก็เคยเกิดขึ้นมาแล้วอย่างคาดไม่ถึง โดยที่ส่วนใหญ่ต้นเหตุเกิดจากการละเลยที่จะดูแลคอนแทคเลนส์อย่างถูกต้อง จากนี้ไปเพื่อความปลอดภัยของดวงตาคุณเองควรเคร่งครัด กับการดูแลรักษาทำความสะอาดคอนแทคเลนส์ตามขั้นตอนที่กล่าวมา แรก ๆ อาจรู้สึกยุ่งยากสักนิดแต่ถ้าคุณทำอย่างสม่ำเสมอ ไม่นานก็จะชินถนอมทั้งดวงตาและคอนแทคเลนส์ให้ใช้ได้นาน ๆ ไงคะ

ที่มา : นิตยสาร Health Today


บทความที่เกี่ยวข้อง

14 พ.ค. 2553

ข้อเสีย - ข้อแนะนำในการใช้คอนแทคเลนส์

ข้อเสีย ของการใช้ คอนแทคเลนส์
  1. ใส่นานๆจะระคายเคืองกับดวงตา ทำให้ชอบเผลอ ขยี้ตา หลุดบ่อยมากตอนใส่แรกๆ
  2. ใส่แล้วดวงตา โดนลมนานๆก็ไม่ได้ ดวงตาจะแห้ง
  3. เปลืองถ้าเทียบกับแว่นในระยะยาว เพราะต้องมีน้ำยาล้างและอื่นๆอีกมาก

ต่อไปเป็นข้อแนะนำในการใช้คอนแทคเลนส์
  1. ไม่ควรใส่คอนแทคเลนส์ในที่ๆมีลมแรงๆโดยไม่มีแว่นกันลม เพราะ ฝุ่นจะเข้าตา และทำให้ระคายเคือง
  2. ถ้ามีโอกาสถอดคอนแทคเลนส์บ่อยเท่าไร ยิ่งดี เพื่อให้ดวงตาได้พัก
  3. ไม่ควรใส่ทั้งวันและทั้งคืน หรือใส่นอน เพราะจะทำให้ดวงตาคุณแย่ลง เพราะเรื่องเชื้อโรค
  4. ถ้าไม่มีปัญหาเรื่องเงินและต้องการรักษาสุขภาพดวงตา ควรซื้อแบบรายวัน เพื่อลดสิ่งสะสมของคอนแทคเลนส์ เช่นฝุ่น หรือพวกโปรตีน
  5. มั่นล้างทำความสะอาด คอนแทคเลนส์ของท่านอย่างสมำเสมอ บ่อยที่สุดเท่าที่ทำได้
  6. น้ำยายี้ห้อไหนที่ใช้แล้วรู้สึกระคายเคืองให้ทำการเปลี่ยนยี้ห้อทันที
  7. อย่าเผลอใส่คอนแทคเลนส์ลงว่ายน้ำโดยเด็ดขาด
  8. ถ้าคอนแทคเลนส์หลุด ห้ามใช้น้ำประปาในการใส่คอนแทคเลนส์โดยเด็ดขาด เพราะ เมื่อนำมาใส่จะทำให้ตาแสบตาได้

เคล็บไม่ลับสำหรับการดูแลคอนแทคเลนส์ที่รัก

การใช้คอนแทคเลนส์นั้น ไม่ได้ยากเย็นและอันตรายอย่างที่คิดกัน แต่ถ้าจะไม่พูดถึงการดูแลรักษาคอนแทคเลนส์บ้าง มันก็จะดูไม่สมบูรณ์อย่างไรไม่รู้ เพราะคอนแทคเลนส์นั้น ถึงแม้จะเป็นแบบรายเดือนคือมีอายุแค่ 30 วัน แล้วก็จะต้องทิ้งไป แต่การดูแล ก็เป็นเรื่องที่มองข้ามไม่ได้อย่างเด็ดขาดเลยจริง ๆ เนื่องจากอุปกรณ์ชิ้นนี้ ต้องสัมผัสกับอวัยวะ ที่สำคัญและบอบบางที่สุดของเรา ในการทำหน้าที่ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ในการมองเห็นได้แจ่มชัดขึ้น สำหรับสาวๆที่มีปัญหาทางสายตา ฉะนั้นถ้าเราไม่เอาใจใส่มันด ดีๆ แล้วละก็ ดวงตาอันล้ำค่าของสาวๆ ก็จะประสบเคราะห์ซ้ำกรรมซัดได้ ซึ่งคราวนี้ นอกจากจะมองไม่ชัดแล้ว อาจจะลุกลามไปยังปัญหาดวงตาอื่นๆอีกได้

เพื่อความปลอดภัย และความสบายตา การดูแลรักษาคอนแทคเลนส์ จึงป็นเรื่องสำคัญมาก ทุกครั้งที่ถอดคอนแทคเลนส์ ควรทำความสะอาด ล้างและแช่ เพื่อฆ่าเชื้อโรค ด้วยผลิตภัณฑ์ดูแลรักษา คอนแทคเลนส์โดยเฉพาะ เช่น น้ำยาดูแลรักษาคอนแทคเลนส์ ReNu MultiPlus ™

การเลือกใช้คอนแทคเลนส์ ให้ถูกต้องและเหมาะสมกับบุคลิกภาพและความต้องการ

การเลือกใช้คอนแทคเลนส์ ให้ถูกต้องและเหมาะสมกับตนเองนั้น เป็นสิ่งที่ค่อนข้างยาก เนื่องจากคอนแทคเลนส์ มีหลายประเภทไม่ว่าจะเป็น คอนแทคเลนส์รายปี คอนแทคเลนส์รายวัน คอนแทคเลนส์รายเดือน หรือ คอนแทคเลนส์รายสัปดาห์ อีกทั้งยังมีรายละเอียดอื่น ๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เรื่องของ วัถุดิบที่ใช้ผลิต เรื่องของ ความโค้ง และขนาดเลนส์ โดยในที่นี้เราจะพูดถึงเฉพาะ Soft Contactlens เนื่องจาก ปัจจุบัน เลนส์ Hard, RGP ไม่เป็นที่นิยมแล้ว

คอนแทคเลนส์ หรือ เลนส์สัมผัส

เลนส์สัมผัสหรือที่เราเรียกกันทับศัพท์ง่ายๆ ว่า คอนแทคเลนส์นั้น เป็นวิวัฒนาการทางจักษุวิทยาที่นำมาใช้แทนแว่นตา ช่วยแก้ปัญหาและขจัดความรำคาญของการใช้แว่นตา เสริมสร้างบุคลิกให้ผู้ที่มีสายตาผิดปกติให้มีความสวยงามเหมือนธรรมชาติ ไม่มีร่องรอยของแว่นตา และทำให้การมองเห็นภาพได้ชัดเจน เสมือนตาปกติโดยไม่ต้องใช้แว่นตา บางครั้งทำให้สะดวกและปลอดภัยในขณะที่เล่นกีฬาแทนการใส่แว่นตา

เลนส์สัมผัส แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ
  1. คอนแทคเลนส์ชนิดแข็ง หรือ Hard Contact Lens เป็นเลนส์ที่ทำด้วยพลาสติกแข็งน้ำซึมผ่านไม่ได้เลย
  2. เลนส์ชนิดนิ่ม เป็นเลนส์ที่ทำด้วยพลาสติกที่สามารถอมน้ำได้ ตั้งแต่ 35 ถึง 65 เปอร์เซ็นต์ จึงทำให้นิ่มมีรูเล็กๆ และน้ำซึมผ่านได้ ช่วยให้ออกซิเจนสามารถละลายผ่านเข้าไปถึงกระจกตาได้สะดวกขึ้น แต่ก็มีผลเลียที่เลนส์ชนิดนี้ จะจับเอาโปรตีน เยื่อเมือก เกลือแร่ และอนุภาคต่างๆ ที่มีอยู่ในน้ำตาเข้าไว้ในตัวเลนส์ ทำให้เลนส์สกปรกง่าย เป็นฝ้า ชำรุดเกิดอาการแพ้และระคายเคืองตาได้ จึงต้องคอยระวังรักษาอย่างดี หมั่นทำความสะอาดโดยการใช้ระบบความร้อนทำความสะอาด หรือใช้น้ำยาแช่ทำความสะอาดแทนความร้อน

การเลือกซื้อคอนแทคเลนส์
คนเราแต่ละคน แตกต่างกัน บางคน ตาโต บางคนตาเล็ก ตาโปน ตาลึก ไม่เหมือนกัน คอนแทคเลนส์ที่ดีควร พอดีกับตาคนคนนั้น ทั้ง สายตา และกระชับตาดี

เลนส์ที่กำลังสายตาพอดี จะทำให้ท่านเห็นได้ชัดเจน สบายตา ไม่ต้องเพ่ง แต่ถ้าใส่เลนส์แล้วรู้สึกว่า เดี๋ยวชัดเดี๋ยวไม่ชัด แสดงว่า เลนส์ชิ้นนั้นไม่กระชับพอดีตา ลองทดลองด้วยตัวเองแบบง่ายๆ ถ้าท่านใส่เลนส์อยู่ให้หลับตาลง เมื่อลืมตาขึ้น ถ้าภาพมัวแล้วค่อยๆ ชัดขึ้น ก็แสดงว่าเลนส์ที่ใส่อยู่นั้น หลวมเกินไป แต่ในทางกลับกัน ถ้าลืมตาขึ้น ภาพคมชัด แล้วค่อยๆ มัวลง ต้องกระพริบตาบ่อยๆ ถึงชัดขึ้น มักเกิดจากเลนส์คับเกินไป อาจต้องใช้เลนส์ที่หลวมกว่านั้น โดยส่วนมากผู้บริโภคส่วนใหญ่เข้าใจว่า Contact Lens เป็น Free Size


การเริ่มต้นใช้เลนส์อย่างถูกวิธี
  1. ควรบอกจักษุแพทย์ เป็นผู้เลือกเลนส์ที่น่าจะเหมาะสมกับคุณ
  2. บอกความต้องการของคุณให้ชัดเจนว่า ต้องการใช้เลนส์อะไร เอาเลนส์นิ่มหรือแข็ง อยากให้ชัดมากๆ หรือเอาสบายๆ เข้าไว้
  3. อยากใส่เลนส์ทุกวันหรือเฉพาะวัน
  4. เอาแบบเปลี่ยนรายวัน หรือเอาแบบประหยัด
  5. ถ้าคุณเป็นคนแพ้ง่าย ก็บอกไปด้วย
  6. งานอาชีพของคุณ ถ้าเป็นคอมพิวเตอร์ เป็นพนักงานบนเครื่องบิน เป็นศัลยแพทย์ มีข้อพิจารณา ข้อระวังในการ เลือกเลนส์เหมือนกัน

คุณหมอจะให้คุณลองคอนแทคเลนส์ที่เลือกไว้ ประเมินผลเบื้องต้นถ้าพอดี ก็ให้กลับไปใช้ชีวิตประจำวันสัก 2-3 วัน แล้วนัดกลับมาตรวจอีกครั้งให้แน่ใจว่าเลนส์พอดี แต่พอไปใส่ทำงาน เมื่อตาแห้งเลนส์หลวมลง เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยคุณควรขอใบ Prescription จากคุณหมอ เพื่อสั่งซื้อเลนส์ในคราวต่อๆ ไป ซึ่งอาจซื้อตามร้านค้า หรือเดี๋ยวนี้สั้งทำทาง Internet ก็ได้


เมื่อได้เลนส์มา ควรตรวจสอบที่ข้างกล่องว่า ตรงกับใน Prescrition หรือไม่ ซึ่งประกอบด้วย
  • Lens Power สั้นยาว เอียง เท่าไร
  • Base Curve ซึ่งย่อว่า B.C. หมายถึง ความคับหลวมของเลนส์
  • Diameter หรืเส้นผ่านศูนย์กลาง

เลนส์ต่างยี่ห้อที่กำลังเท่ากัน มี Base curve เท่ากัน อาจจะใส่ไม่พอดีเหมือนเดิม ถ้าใส่เลนส์อะไรพอดีแล้ว ควรใช้แบบเดิมตลอด ไม่ควรเปลี่ยนบ่อยๆ หลายคนใช้คอนแทคเลนส์ไปเรื่อยๆ โดยไม่เคยมาพบแพทย์เลย ลองคิดดูนะคะ การใช้คอนแทคเลนส์ต้องเสียเงินอย่างต่ำ ปีละ 4- 5 พันบาทอยู่แล้ว แถมการใช้ที่ไม่ถูกต้องยังเสี่ยงกับสุขภาพตาได้ การให้คุณหมอช่วยเลือกเลนส์ให้ คุณจะมั่นใจว่า คุณจะใช้เงินของคุณอย่างคุ้มค่า ได้ดวงตาที่มีสุขภาพ


ข้อสำคัญ
  1. ควรล้างมือให้สะอาดทุกครั้งก่อนใส่หรือถอดเลนส์
  2. อย่าใช้ยาหยอดตาทุกชนิดขณะใส่เลนส์
  3. ควรถอดเลนส์ก่อนนอนทุกคืน (อันนี้สำคัญมาก)
  4. อย่าใส่เลนส์ขณะตาอักเสบ หรือถ้ามีอาการผิดปกติใดๆ เกิดขึ้นควรรีบปรึกษาจักษุแพทย์และปฏิบัติตามคำแนะนำโดยเคร่งครัด

ระวังคอนแทคเลนส์ปลอม

วัยรุ่นกับแฟชั่น นับว่าเป็นสิ่งที่อยู่คู่กันมาโดยตลอด มีการหมุนเวียนเปลี่ยนกระแสนิยมในเรื่องการแต่งกายไปเรื่อย ๆ และที่เริ่มได้รับความนิยมล่าสุดก็คือ คอนแทคเลนส์ตาโต หรือที่เรียกว่า “บิ๊กอาย” ที่ทำให้ตาโตเหมือนสาวเกาหลี ญี่ปุ่น ประกอบกับมีให้เลือกหลากหลายสี เช่น สีฟ้า สีเขียว สีน้ำตาล หรือมีลายประกายสีม่วง สีเทา ซึ่งจะทำให้ดวงตาดูแปลกไปจากเดิม

คอนแทคเลนส์เหล่านี้ มิได้มีขายแต่ในร้านขายแว่นตาหรือร้านขายยาเท่านั้น เพราะตามแผงลอย แผงแบกะดินก็มีวางขายเช่นกัน นอกจากนั้นยังเสนอขายในราคาที่เย้ายวนให้ตัดสินใจซื้อ เพราะมีราคาที่ถูกกว่าในร้าน จึงเป็นเหตุให้มีของเลียนแบบหรือคอนแทคเลนส์ปลอมเกิดขึ้น

สิ่งที่น่ากังวลก็คือความปลอดภัยต่อการนำไปใช้ เพราะหากเป็นคอนแทคเลนส์ปลอม หรือของเลียนแบบ อาจมีคุณภาพที่ไม่ได้มาตรฐาน จึงเป็นอันตรายต่อลูกตาและเสี่ยงต่อการติดเชื้อจากโรคต่าง ๆ จนอาจถึงขั้นทำให้ตาบอดได้

ดังนั้นจึงควรให้ความสำคัญกับแหล่ง ร้านค้าที่จำหน่าย โดยเลือกซื้อจากร้านที่มีความน่าเชื่อถือและไว้ใจได้ หรือหมั่นตรวจสอบทุกครั้งว่าคอนแทคเลนส์ที่เลือกซื้อมีการบรรจุอย่างเรียบ ร้อยและมีฉลากกำกับที่ครบถ้วนถูกต้อง แล้วจึงค่อยตัดสินใจวื้อ อย่าให้เป็น “คนซื้อสวย คนขายหลอก แต่สุดท้ายกลับแย่”

ความเหมาะสมของบุคคลต่างๆ กับการใช้คอนแทคเลนส์

ผู้ที่เหมาะจะใส่คอนแทคเลนส์
1. ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับสายตาดังนี้
  • สายตาสั้น
  • สายตายาว
  • สายตาเอียง
  • สายตาคนสูงอายุ
2. ผู้ที่ผ่านการผ่าตัดต้อกระจกทั้งชนิด ข้างเดียวหรือ 2 ข้าง
3. ผู้ที่มีอาการตาสั่น (nystagmus) และควรแนะนำเป็นคอนแทคเลนส์ชนิดนิ่ม
4. ผู้ที่ไม่มีโรคประจำตัวเป็นอุปสรรค
5. ผู้ที่มีกระจกตาโค้งมากกว่าปกติ (Keratoconus) เช่น 6.9, 5.4 และกระจกตาบางมาก ควรแนะนำเป็นคอนแทคเลนส์ชนิดแข็ง (HCL)
6. ผู้ที่เป็น "TRICHIASIS" คือมีความผิดปกติของขนตาที่งอนเข้าไปแยงกระจกตา เป็นสาเหตุทำให้น้ำตาไหล แก้ไขได้โดยใส่คอนแทคเลนส์ขนิดนิ่ม (SCL)
7.ผู้ที่เป็น "ENTROPION" คือขอบตาเปิดเข้าด้านในมากกว่าปกติ แก้ไขได้โดยใส่คอนแทคเลนส์ขนิดนิ่ม (SCL)

ผู้ที่ไม่เหมาะจะใส่คอนแทคเลนส์
1. มีสุขภาพตาไม่ดีเช่น เป็นต้อลม, ต้อเนื้อ, ตาแดง, กระจกตาไม่รับรู้ความรู้สึก, ตาแห้ง, ตาบวมและผู้ที่กระพริบตาครึ่งตา
2. มีโรคประจำตัวบางโรคเช่น
  • โรคเบาหวานมีอาการบวมเป็นแผลถลอก แผลหายช้าและอักเสบง่าย ค่าสายตาไม่คงที
  • โรคไขข้ออักเสบ ทำให้ตาแห้งการทำความสะอาดเลนส์และการใส่ต้องตรวจและติดตามผลบ่อยกว่าปกติ
  • โรคความดันโลหิตสูง มีผลทำให้น้ำในร่างกายไม่คงที่
  • โรคภูมิแพ้ มีโอกาสแพ้เนื้อวัสดุที่ผลิตคอนแทคเลนส์และแพ้น้ำยาได้ จะทำให้มีอาการตาแดง, ตาแห้งและคันตา
  • ตั้งครรภ์ ทุกอย่างในร่างกายจะปรับสภาพใหม่ มีผลทำให้กระจกตาบวม ควรแนะนำให้ใส่หลังคลอดแล้ว 3-4 เดือน
3. ผู้ที่ต้องทานยาบางประเภทเป็นประจำ เช่น
  • ยา ANTIHISTAMINE รักษาโรคภูมิแพ้
  • ยา ANTIDIABETIC รักษาโรคเบาหวาน
  • ทานยาคุมกำเนิดเป็นเวลานานหลายปี มีผลทำให้น้ำที่กระจกตามีมากขึ้น 78% จะมีอาการกระจกตาบวม
4. ผู้ที่ทำงานบางประเภทที่ต้องประสบกับสิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นประจำ เช่น
  • มีฝุ่นละอองมาก
  • มีลมแรงพัดผ่านเป็นประจำ
  • มีควันบุหรี่หรือควันพิษ รวมถึงเขม่าต่างๆ
  • มีไอระเหยของสารเคมีต่างๆ ที่เป็นอันตราย
5. ผู้ที่อายุไม่เหมาะสม เช่น เด็กเกินไปหรือมีอายุมากเกินไป ไม่สามารถรับผิดชอบตัวเองได้

สิ่งที่ต้องรู้เมื่อจะซื้อ คอนแทคเลนส์

คอนแทคเลนส์ชนิด Disposable หมายถึงเลนส์ที่ใช้แล้วไม่ต้องล้างเลย ใช้แล้วถอดทิ้งเหมือนเราใช้กระดาษทิชชู ส่วน คอนแทคเลนส์ชนิด Planned Replacement หมายถึงเลนส์ที่ใช้แล้วใช้ซ้ำอีกได้ แต่ต้องเปลี่ยนบ่อยๆ มีอายุการใช้งานค่อนข้างสั้น ทุก 2-4 สัปดาห์

คอนแทคเลนส์ทั้งสองประเภท เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น เรื่อยๆ แต่มีความเข้าใจผิดของผู้ใช้อยู่เสมอว่า เลนส์พวกนี้เป็นเลนส์ Free size ดังนั้นเมื่อไปหาซื้อเลนส์ ผู้ใช้มักบอกคนขายแต่เพียงว่า ต้องการ ACUVUE เบอร์ -3.00 หรือ ต้องการ FOCUS เบอร์ -4.75 เท่านั้น และ คนขายก็มักหยิบเลนส์มาให้ได้เสียด้วย ที่จริงแล้ว บนหน้าซองบรรจุเลนส์ คุณจะเห็นว่านอกจากค่ากำลังของเลนส์ หรือ power -3.00 D หรือ -4.75D แล้วยังมีตัวอักษร B.C. 8.8 หรือ B.C. 8.6 กำกับมาด้วย ให้คุณแน่ใจได้เลยว่า นั่นย่อมไม่ได้หมายความว่าเลนส์ชิ้นนั้น ผลิตขึ้นก่อนคริสตกาล แต่มันสำคัญอย่างไรด้วยหรือ หรือฝรั่งทำเกินมา เฉยๆ

ค่า B.C. ย่อมาจาก Base Curve หมายถึงรัศมีความโค้งด้านหลังของเลนส์ชิ้นนั้น ซึ่งเป็นด้านจะต้องสัมผัสกับดวงตาของเรา เลนส์ที่มี B.C. 8.8 มิลลิเมตร หมายถึงเลนส์ชิ้นนั้น แบนกว่าเลนส์ที่มี B.C. 8.4 มิลลิเมตร ซึ่งจะทำให้ เลนส์ 8.4 ติดแน่น บีบรัดดวงตามากกว่าส่วนเลนส์ 8.8 จะรู้สึกหลวมเลื่อนได้มากก

เมื่อคุณซื้อเลนส์ คุณอาจเพิ่มหรือลด กำลังของเลนส์ได้ตามใจชอบ เช่น อยากให้ภาพคมชัดขึ้น อาจลองซื้อเลนส์กำลังสูงขึ้นสัก 0.25 แต่ถ้าใส่แล้วไม่ชอบใจ อยากใส่ให้ภาพนุ่มนวลลงก็อาจซื้อเลนส์อ่อนลง สัก 0.25 ได้ไม่เสียหายอะไรนอกจากรู้สึกมึนๆนิดๆ แต่การเปลี่ยนค่า Base Curve ขอให้เป็นหน้าที่ของจักษุแพทย์นะคะ เพราะการใส่เลนส์คับหรือหลวมเกินไปอาจเป็นอันตรายได้ ควรซื้อเลนส์ Base Curve เดิมเสมอ ห้ามเปลี่ยนเองค่ะ

8 เม.ย. 2553

บิ๊กอาย แฟชั่นตาโต ที่ต้องระวัง

ระวัง บิ๊กอาย
กระแสแฟชั่นเกาหลี ญี่ปุ่นช่วงนี้มาแรงจริง ๆ ทั้งเสื้อผ้า ทรงผม แต่ที่กำลังอินสุด ๆ คงหนีไม่พ้น อุปกรณ์ตกแต่งดวงตา ทั้งขนตาปลอม และคอนแทคเลนส์ตาโต หรือที่รู้จักกันว่าบิ๊กอายนั่นเอง

บิ๊กอาย ชื่อบอกว่าอยู่แล้วว่า ตาโต ใครที่ ตาหยี ตาเล็ก จึงได้โอกาสเปลี่ยนลุกให้ดูเฉี่ยวขึ้น น่ารักขึ้น ด้วยวิธีง่าย ๆ โดยไม่ต้องทำศัลยกรรม ด้วยการใส่คอนแทคเลนส์เพิ่มขนาดตาดำให้ดูโตขึ้น งานนี้ไม่ต้องเจ็บตัว แถมยังหาซื้อได้ง่าย ๆ อีกด้วย หาซื้อง่ายแบบนี้ จะปลอดภัยจริงหรือ นี่คือสิ่งที่วัยรุ่นไทย ละเลยไปรึเปล่ามาทำความรู้จักกันอีกซักนิด เพราะถ้าไม่ระวัง แทนที่จะสวยหล่อ อาจกลายเป็นว่า มองอะไรไม่เห็นไปตลอดชีวิต

อันตราย บิ๊กอาย
บิ๊กอาย คอนแทคเลนส์ตาโต
 ต้องยอมรับว่า บิ๊กอาย ไม่ได้ฮิตเฉพาะกันแต่หมู่วัยรุ่นผู้หญิงเท่านั้น แต่ยังได้รับความนิยมในหมู่วัยรุ่นชายอีกด้วย บิ๊กอาย สนนราคาอยู่ที่ หลักร้อย ไปจนถึงหลักพัน มีทั้งแบบใช้เปลี่ยนรายวันและแบบรายเดือน มีหลายขนาดและหลากสี ซึ่งเมื่อใส่แล้ว จะทำให้ดวงตาดำของเรามีขนาดใหญ่ขึ้น ทำให้ดูตาโตขึ้น เหมือนชื่อ

บิ๊กอาย มาจากไหน
คอนแทคเลนส์ตาโตเหล่านี้ นำเข้าจากเกาหลีเสียเป็นส่วนใหญ่ สามารถหาซื้อได้ตามร้านแว่นตาชั้นนำ หรือร้านที่กลุ่มวัยรุ่นรู้จัก นอกจากนี้ยังสามารถสั่งซื้อได้ตามเว็บไซต์ต่าง ๆ อีกด้วย แต่ไม่มีการรับประกันใด ๆ จากทางร้าน หรือเว็บไซต์ ดังนั้นจึงมีความเสี่ยงสูงที่จะเจอของไม่มีคุณสภาพ และอาจทำอันตรายต่อดวงตาของเราได้

ใส่ไม่ระวัง อาจตาบอดได้
เนื่องจากดวงตาเป็นอวัยวะที่บอบบางมาก โดยปกติเพียงแค่ฝุ่นเข้าดวงตา ก็สามารถทำให้เคืองตาจนอักเสบได้ภายในเวลา 1 วัน คอนแทคเลนส์ก็เช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นวัสดุทางการแพทย์ เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่มีปัญหาทางด้านสายตา แต่ไม่สามารถใช้แทนแว่นสายตาได้ การตัดสินใจใช้คอนแทคเลนส์จึงควรอยู่ในดุลยพินิจของจักษุแพทย์ การใช้คอนแทคเลนส์อย่างไม่ระมัดระวัง ไม่ว่าจะเป็นการทำความสะอาดอย่างไม่ถูกต้อง ใส่ต่อเนื่องไม่มีการถอดเปลี่ยน สิ่งเหล่านี้อาจทำให้ดวงตาอักเสบและเกิดการติดเชื้อขั้นรุนแรงได้ ทั้งนี้คอนแทคเลนส์จะต้องสัมผัสกับกระจกตาโดยตรงและเป็นระยาวเวลานาน หากสกปรก จะส่งผลให้เกิดการติดเชื้อที่กระจกตา และอาจลุกลามจนถึงขั้นตาบอดได้ภายใน 2 วัน

ใช้อย่างไร จึงจะปลอดภัย? วิธีที่จะสนุกกับแฟชั่นให้ปลอดภัยนั้น ทำได้ง่าย ตามคำแนะนำของจักษุแพทย์ดังนี้

1.ไม่ควรใส่นานเกินไป เฉลี่ยควรใส่เพียงแค่วันละ 8 -10 ชั่วโมง ต่อวัน ควรถอดออกก่อนที่จะทำความสะอาดใบหน้า กรณีที่ใช้เครื่องสำอาง และเมื่อถึงเวลานอนควรถอดออก หากใส่ค้างไว้ อาจทำให้ดวงตาอักเสบได้
2.ถอดและใส่อย่างถูกวิธี เพราะถ้าทำไม่ถูกวิธี อาจทำให้เกิดรอยฉีกขาดคอนที่คอนแทคเลนส์ และอาจขีดข่วนเป็นแผลที่กระจกตาได้
3.ต้องรักษาความสะอาด โดยเมื่อถอดแล้วให้ล้างด้วยน้ำยาทำความสะอาดเพื่อฆ่าเชื้อโรคเท่านั้น และเปลี่ยนน้ำยาล้างและแช่ทุกครั้งด้วย
4.ไม่ควรใช้ร่วมกับบุคคลอื่น มีวัยรุ่นบางกลุ่มได้แยกกันซื้อคอนแทคเลนส์แล้วนำมาแบ่งกันใช้ ถือว่าอันตรายมาก ๆ เพราะอาจเกิดการติดเชื้อแบคทีเรียต่าง ๆ และที่สำคัญอาจทำให้ติดเชื้อเอดส์ได้

เราสามารถสนุกกับแฟชั่นได้ แต่อย่าลืมระมัดระวังด้วย เพราะแฟชั่นบางอย่าง สามารถทำให้เราสวย-หล่อ แต่อาจเป็นภัยต่อร่างกายเราได้เช่นกัน

ข้อมูลจาก : never-age.com

เพิ่มเสน่ห์ให้ดวงตาคู่สวยด้วย "คอนแทคเลนส์บิ๊กอาย"

สวยด้วยคอนแทคเลนส์ บิ๊กอาย
หมายเหตุ : รูปนี้เป็นเพียงภาพประกอบเท่านั้น
เดี๋ยวนี้มีนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อให้ผู้หญิงอย่าหยุดสวยกันเยอะแยะมากมายเลยค่ะ แต่ที่มาแรงแซงโค้งที่สร้างความอัศจรรย์ใจให้ดวงตาคู่สวยยิ่งสวยยิ่งขึ้นก็คงหนีไม่พ้น "คอนแทคเลนส์ บิ๊กอาย" ที่มาเป็นตัวช่วยสำคัญสำหรับสาวๆ ที่อยากตาหวาน ตาโต ได้สมใจ

"น้องทับทิม" ดาวมหา'ลัย ABAC ที่นิยมชมชอบการใส่คอนแทคเลนส์บิ๊กอายเป็นที่สุด มาอธิบายการใส่คอนแทคเลนส์บิ๊กอายให้ถูกวิธีและปลอดภัยกันค่ะ

ทีมงาน : เคยได้ยินมาเยอะว่า การใส่คอนแทคเลนส์แฟชั่น
จะทำให้ตาอักเสบ เป็นความจริงมั๊ยคะ
ทับทิม : จริงๆ แล้วตัวคอนแทคเลนส์นี้ ไม่อันตรายเลยค่ะ สิ่งที่ทำอันตรายกับดวงตา
ก็คือ ตัวคนที่ใส่เองอ่ะค่ะ แบบว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไรงี้ เห็นเพื่อนใส่ก็ใส่ตามบ้าง
โดยที่ไม่ศึกษาวิธีใช้ วิธีดูแลรักษา ก็มีสิทธิ์ที่จะเกิดอันตรายได้ค่ะ

ทีมงาน : งั้นถ้ามีเพื่อนที่ไม่เคยใส่คอนแทคเลนส์มาก่อนเลย อยากใส่ให้ตาสวยๆ
แต่ก็กลัว ทับทิมพอจะบอกขั้นตอนง่ายๆ ให้เพื่อนๆ ได้มั๊ยคะ
ทับทิม : ได้เลยค่า~ ทับทิมจะบอกเป็นข้อๆ เลยนะคะ ^^

1. อย่างแรกเลยคือวิธีการใส่ ตั้งแต่เริ่มซื้อมา ควรนำคอนแทคเลนส์มาล้างและแช่ด้วยน้ำยาเฉพาะ
สำหรับคอนแทคเลนส์ซะก่อน ห้ามใช้น้ำเปล่า น้ำดื่ม น้ำปะปา หรือน้ำเกลือแทนนะคะ
แล้วก็แช่ไว้ 4 ชม. ก่อนใส่ ไม่ใช่ซื้อมาปุ๊บแกะใส่ปร๊าบบบบ แบบนั้นจะทำให้ดวงตาระคายเคืองได้
เนื่องจากสารกันเสียที่เคลือบคอนแทคเลนส์ไว้ในกล่องอ่ะค่ะ

2. ก่อนใส่เลนส์ ควรล้างมือด้วยสบู่ให้สะอาด แล้วจึงล้างคอนแทคเลนส์ด้วยน้ำยาคอนแทคเลนส์อีกครั้ง
*สาวๆถ้าคิดจะใส่เลนส์แล้ว ไม่ควรไว้เล็บยาว เพราะเล็บเป็นตัวการสำคัญ ที่ทำให้เลนส์ฉีกขาด
หรือระหว่างใส่ เล็บอาจไปขีดข่วนตาดำได้ จะเป็นอันตรายมหาศาลนะคะ


3. วิธีการถอดคอนแทคเลนส์ที่ถูกต้อง คือ ล้างมือด้วยสบู่ให้สะอาด
แล้วใช้ปลายนิ้วหยิบเลนส์ออกมา หรือใช้ที่คีบเลนส์หนีบออกมาก็ได้

4. สุดท้ายแล้วค่ะ เมื่อถอดคอนแทคเลนส์ออกมาแล้ว ให้ใช้น้ำยาทำความสะอาดเลนส์
เทบนฝ่ามือ แล้วถูให้คราบโปรตีนออกจากเลนส์ ก่อนแช่ในตลับที่สะอาดค่ะ

ทีมงาน : ครบถ้วนกันเลยทีเดียวนะคะ เห็นทับทิมเน้นมากเลยเรื่องล้างมือให้สะอาด
ทับทิม : ทุกกระบวนการ ไม่ว่าจะใส่หรือจะถอด ต้องล้างอยู่ดีอ่าค่ะ เพื่อความสะอาดที่สุด
ล้างทั้งมือ และ ใช้น้ำยาล้างคอนแทคเลนส์ด้วย เพราะดวงตาเรามันซ่อม มันเปลี่ยนไม่ได้
ต้องเซฟตี้เฟิร์สค่ะ ^^ ทุกวันนี้ที่มีข่าวว่าดวงตามีปัญหากันมากๆ
เนื่องจากใส่คอนแทคเลนส์ไม่สะอาด และผิดวิธี ยังไงก็ต้องฝึกไว้นะคะว่า
ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ก็ควรล้างไว้ก่อนค่ะ

ทีมงาน : สำหรับสาวๆ ที่แต่งหน้าเป็นประจำ
ควรจะต้องใส่คอนแทคเลนส์ก่อนหรือหลังแต่งหน้าดีล่ะจ๊ะ
ทับทิม : ควรใส่เลนส์ ก่อนแต่งหน้าเสมอค่ะ สำคัญมาก เพราะว่า ถ้าใส่ทีหลัง มันจะมีเศษเครื่องสำอาง
อย่างพวกผงอายแชโดว์เกาะอยู่ที่ดวงตา แล้วเราไปใส่เลนส์แปะทับตาดำเข้าอีก ลองนึกภาพดูนะคะ
มันจะเป็น ดวงตา > เศษเครื่องสำอาง > เลนส์ แล้วเลนส์ก็จะขูดๆ กับตาโดยมี
เศษเครื่องสำอางอยู่ตรงกลาง เวลากระพริบตา มันก็จะเสียดสีค่ะ ดังนั้น ก็ควรใส่เลนส์ก่อน เพื่อที่ว่า
จะได้เป็น ดวงตา > เลนส์ > เครื่องสำอาง ยังไงซะมีเศษเครื่องสำอางอยู่ด้านนอก
ก็ยังดีกว่าอยู่ในตาดำ จริงมั๊ยคะ ^^

ทีมงาน : สำหรับคอนแทคเลนส์รายเดือน หรือ รายปี เราสามารถใส่ติดตาได้ตลอดเลยป่าว

ทับทิม : ไม่ว่าจะรายวัน หรือ รายเดือน หรือ รายปี ก็เหมือนกันหมดนะคะ คือ ใส่ได้ไม่เกิน 8 ชั่วโมง และ ห้ามใส่นอนเด็ดขาดเลยค่ะ เพราะงั้นก็จะไม่สามารถใส่ต่อเนื่องกันเป็นเดือน เป็นปี ได้อ่าค่ะ
อ่อ.. แล้วก็อย่าลืมเช็ควันเดือนปีที่ผลิตให้แม่นๆ ด้วยนะคะ เพราะเลนส์เหล่านี้ไม่ควรนำมาใส่ต่อค่ะ
1. เลนส์หมดอายุ
2. เลนส์ฉีดขาด หรือมีรอยขีด
3. เลนส์ที่แห้งแข็งแล้ว

ทีมงาน : ละเอียดยิบดีจังเลยค่ะ ^^ แต่พี่ก็ยังอยากรู้อีกว่า
คนที่สายตาสั้น กับ สายตาธรรมดา จะใส่เหมือนกันมั๊ย
ทับทิม : ต่างกันค่ะพี่ ต่างกันที่ตอนซื้อ ถ้าคนที่สายตาธรรมดา ก็เลือกซื้อแบบไม่มีค่าสายตา แค่นี้เองค่ะ
แต่ถ้าคนไหนที่สายตาสั้น ก็แนะนำว่าให้ไปเช็คค่าสายตาที่คลินิค หรือ รพ. ก่อน
จากนั้นก้อสามารถเลือกซื้อคอนแทคเลนส์แบบที่ต้องการได้เลยค่ะ
แต่...การซื้อก็ไม่ควรสั่งค่าสายตามั่วๆ นะคะ อย่างเช่น ถ้าค่าสายตา 100 แต่ที่ร้านมีค่าสายตา 150 ขาย
ด้วยความอยากสวย ก็ซื้อแบบค่าสายตา 150 มาใส่ แบบนั้นยิ่งจะทำให้เราสายตาสั้นขึ้น และเวียนหัวด้วยค่ะ

โอ้โห! เป็นไงกันบ้างคะ จุใจกันเลยทีเดียว สำหรับคำแนะนำจากสาวน้อย
ที่นิยมการใส่คอนแทคเลนส์แฟชั่นบิ๊กอาย อย่างน้องทับทิม ต้องขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ

ที่มา : daomahalai.com

4 เม.ย. 2553

13 วิธีใช้ บิ๊กอาย "สวยหล่อแบบปลอดภัย ไม่เสี่ยงตาบอด"

ใส่บิ๊กอาย สวย สาวแอ๊บแบ๊ว

1. เลือกซื้อบิ๊กอายที่ไว้ใจได้
อันดับแรกอยู่ที่การเลือกซื้อ เดี๋ยวนี้บิ๊กอายมีทั้งแบบสำหรับคนสายตาปกติกับคนสายตาสั้น ให้สามารถเลือกซื้อได้ตามใจปรารถนา แต่ก็ต้องระวังด้วยนะ เพราะของที่ขายตามตลาดนั้น (ส่วนใหญ่) เป็นของที่ไม่ได้มาตรฐาน อยากให้จำไว้ว่า อย่าเชื่อถือคำโฆษณาว่ามาจากเกาหลีไปซะหมด เพราะพ่อค้าแม่ค้าบางรายก็เอาคำว่าเกาหลี (ปลอมๆ) มาหลอกขายเรา ทางที่ดี ขอให้เลือกซื้อบิ๊กอายที่มี อ.ย. รับประกัน หรือเลือกซื้อตามสถานที่ที่ไว้ใจได้ค่ะ

2. แช่บิ๊กอายทิ้งไว้ 1 คืนก่อนใส่
เพื่อล้างสารกันบูดออกไป ไม่อย่างนั้นจะเป็นอันตรายต่อดวงตาของเรา

3. ล้างมือก่อนใส่ – ถอดบิ๊กอายทุกครั้ง
อันนี้สำคัญมาก ไม่ว่าก่อนถอดหรือใส่บิ๊กอาย ต้องขอให้เธอๆ ทุกคนล้างมือด้วยน้ำสบู่ก่อนซะก่อน จากนั้นก็ใส่หรือถอดตามวิธีที่ถูกต้อง

วิธีใส่บิ๊กอาย
  1. ล้างมือให้สะอาด
  2. นำบิ๊กอายวางหงายบนนิ้วชี้ข้างขวา สังเกตว่ามันไม่กลับด้าน
  3. ใช้มือซ้ายแหวกเปลือกตาออก จากนั้นค่อยๆ แตะบิ๊กอายลงที่ตาดำ รอให้แนบสนิท
  4. กะพริบตาถี่ๆ ให้บิ๊กอายแนบสนิทกับดวงตา
  5. ถ้าบิ๊กอายหลุดมือตกพื้น ต้องเอาแช่น้ำยาทำความสะอาดก่อนทุกครั้ง

วิธีถอดบิ๊กอาย
  1. ล้างมือให้สะอาด
  2. ก้มหน้าเล็กน้อย ใช้นิ้วชี้กับนิ้วกลางค่อยๆ คีบบิ๊กอายออกจากดวงตา
  3. ใช้น้ำยาล้างคอนแทคเลนส์ล้างคอนแทคเลนส์ให้สะอาด โดยใช้นิ้วถูเพื่อล้างคราบโปรตีน
  4. แช่คอนแทคเลนส์ในตลับที่สะอาด

4. ห้ามใช้น้ำประปา น้ำเกลือล้างบิ๊กอาย
อันนี้สำคัญมาก เพราะคลอรีนในน้ำประปาอาจจะทำให้เนื้อคอนแทคเลนส์เสื่อมสภาพ แล้วฉีกขาดง่าย ส่งผลร้ายต่อกระจกตาของเราอย่างรุนแรง ควรล้าง และแช่คอนแทคเลนส์ในน้ำยาสำหรับล้างและแช่คอนแทคเลนส์เท่านั้น

5. ถ้าแต่งหน้าควรใส่บิ๊กอายก่อนแต่งหน้า
เพื่อป้องกันปัญหาเครื่องสำอางรอบดวงตาเละ หรือหลุดเข้าไปทำร้ายรอบดวงตาของเราได้นะจ๊ะ

6. ห้ามใส่บิ๊กอายเกินวันละ 8 ชั่วโมง
ข้อนี้สำคัญมาก เพราะการใส่บิ๊กอายจะทำให้ดวงตาของเราขากออกซิเจน และถ้าใส่ติดต่อกันยาวนานเกินวันละ 8 ชั่วโมง ก็จะทำให้ดวงตาของเราขากออกซิเจนหนักเข้าไปอีก ดังนั้นใครที่ชอบใส่คอนแทคเลนส์นอน ให้ระวังเอาไว้เลยค่ะว่าอันตรายแน่นอน ตรงนี้ต้องระวังกันให้ดีนะคะเพราะถ้าดวงตาขาดออกซิเจนติดต่อกันนานมากๆ อาจจะส่งผลให้ตาบอดได้เลยค่ะ

7. สำรวจวันหมดอายุก่อนเสมอ
สำหรับใครที่ชอบใส่คอนแทคเลนส์หมดอายุก็ต้องระวังไว้ให้ดี เพราะคอนแทคเลนส์หรือบิ๊กอายที่หมดอายุแล้วนั้น ตัวเนื้อของมันจะเสื่อม และอาจจะเป็นอันตรายต่อดวงตาของเราได้ ดังนั้นจึงแนะนำให้ใส่คอนแทคเลนส์ตามกำหนดอายุของมัน เช่น เป็นคอนแทคเลนส์หรือ บิ๊กอายรายเดือนก็อย่าใส่มากกว่า 1 เดือน

8. อย่าไว้เล็บยาว
เป็นอีกข้อหนึ่งที่สาวๆต้องเลือก ถ้าคิดจะมีตากลมโต สวยใส อย่าไว้เล็บยาวหรือต่อเล็บน่าจะดีกว่า เพราะความคมของเล็บอาจจะทำให้บิ๊กอายของเราฉีกขาดได้ง่าย และที่สำคัญ เวลาใส่หรือถอดบิ๊กอายก็ทำได้ยากลำบาก ยิ่งเวลาถอด ถ้าไม่ระวังเล็บอาจจะจิกลงในเนื้อตาของเรา ทำให้เป็นรอยขีดข่วน เสี่ยงต่อการอักเสบอีกต่างหากนะ นอกจากนี้ การไว้เล็บยาวยังทำให้สิ่งสกปรกเข้ามาสะสมในซอกเล็บได้ง่าย เวลาล้างมืออาจจะไม่สะอาดเท่าที่ควร เมื่อเราถอดหรือใส่คอนแทคเลนส์ สิ่งสกปรกพวกนั้นก็เลยเข้าไปฮูเลอยู่ในดวงตาของเราอย่างง่ายดาย สรุปว่า ตัดเล็บสั้นและหมั่นทำความสะอาดเล็บเข้าไว้เป็นดีที่สุดค่ะ

9. ทำความสะอาดตลับใส่บิ๊กอายเป็นประจำ
นอกจากตัวบิ๊กอายและดวงตาของเราแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ละเลยไม่ได้เลยก็คือตลับใส่บิ๊กอายที่ต้องหมั่นดูแลสม่ำเสมอ เพราะถ้าเราไม่ดูแล ตลับใส่บิ๊กอายนี่แหละที่จะเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคชั้นเริด ให้เชื้อโรคมันมาสรวลเสเฮฮาจัดปาร์ตี้กันอย่างเมามัน ดังนั้นเราต้องหมั่นทำความสะอาดตลับใส่บิ๊กอายสม่ำเสมอ และควรเปลี่ยนตลับใส่บิ๊กอายทุก 1 – 3 เดือน เพื่อความสะอาดจ้ะ

10. ห้ามแช่บิ๊กอายทิ้งไว้จนลืม
สำหรับบางคนที่ไม่ได้ใส่บิ๊กอายบ่อยๆ และแช่ทิ้งไว้ในตลับอาจจะเกิดปัญหาน้ำยาแห้งจนบิ๊กอายพังได้ ดังนั้นหมั่นเอาออกมาเปลี่ยนน้ำยาทำความสะอาดอยู่เสมอ ก็จะช่วยรักษาบิ๊กอายให้นานขึ้นค่ะ

11. ห้ามใส่บิ๊กอายที่แห้ง แข็งแล้ว
บิ๊กอายที่ถูกทิ้งไว้ในอากาศนานๆ มักจะแห้งแข็งตัว ดังนั้นเมื่อถอดบิ๊กอาย เราต้องรีบเอาใส่ตลับแช่บิ๊กอายโดยเร็ว เพราะถ้าปล่อยทิ้งไว้ยจนแห้งมันจะทำให้คุณภาพเนื้อบิ๊กอายเสื่อมและฉีกขาดเป็นอันตรายต่อดวงตาของเราได้ จึงขอแนะนำแบบเคร่งครัดเลยว่า ห้ามใส่คอนแทคเลนส์ที่แห้งแข็งแล้วเด็ดขาดนะจ๊ะ เพื่อความปลอดภัยของดวงตาของเราเอง

12. เมื่อมีปัญหากับดวงตาห้ามใส่บิ๊กอาย
ยกตัวอย่างเช่น กำลังอยู่ในช่วงแสบตา ตาแดง ตาอักเสบ ช่วงเวลาเหล่านี้ห้ามงดการใส่บิ๊กอายแบบเด็ดขาด รอให้ดวงตาของเรากลับสู่สภาวะปกติซะก่อน ไม่อย่างนั้นอาจจะส่งผลร้ายแบบที่เราเองก็คาดไม่ถึงได้เลย

13. เลือกใส่เมื่อจำเป็น เพราะดวงตาเป็นอวัยวะที่สำคัญ
ข้อสุดท้ายที่อยากจะฝากไว้ก็คือ ให้เธอๆ เลือกใส่บิ๊กอายเฉพาะช่วงเวลาที่จำเป็น เช่น วันไปเที่ยว หรือวันที่อยากจะสวยเป็นพิเศษ เพราะดวงตาเป็นอวัยวะที่บอบบาง เราไม่ควรเอาอะไรไปยุ่งกับมันมากนัก

ที่มา: http://dek-d.com/board/view.php?id=1658234

Loading

Share

Twitter Delicious Facebook Digg Stumbleupon Favorites More