แฟชั่น บิ๊กอาย

บิ๊กอาย กับ แฟชั่นในปัจจุบัน

เลนส์ตาโต เป็นคอนแทคเลนส์ชนิดตาโต หรือที่วัยรุ่นเรียกกันว่า “บิ๊กอาย”จะเหมือนกับคอนแทคเลนส์แฟชั่นสมัยก่อนที่มีสีสันให้เลือกมากมาย แต่ที่แตกต่างคือ เลนส์สีบริเวณตรงกลางดวงตาจะเป็นเลนส์ใสปกติแต่บริเวณขอบเลนส์จะมีสีดำ ทำให้ขอบตาคุณดูชัดมากขึ้น มีราคาตั้งแต่ 450 – 2,000 บาท

ใส่บิ๊กอายตาติดเชื้อ

บิ๊กอายทำตาบอด ติดเชื้อแบคทีเรีย แพทย์เตือนวัยโจ๋

แพทย์เตือนอันตรายจากคอนแทกท์เลนส์ "บิ๊กอาย" หลังมีผู้ป่วยติดเชื้อสูโดโมแนสที่ตา ทำให้เกิดการอักเสบอย่างรุนแรงต้องเข้ารับการรักษาตัวแล้ว 4 ราย จักษุแพทย์ ระบุ เป็นแบคทีเรียร้ายแรงลามกินตาดำได้ภายใน 2 วัน รักษาไม่ทันถึงขั้นตาบอด ผู้ป่วยรับหาซื้อง่ายแม้กระทั่งตามตลาดนัด จี้ภาครัฐออกมาเข้มงวด เพราะจัดอยู่ในกลุ่ม เครื่องมือแพทย์ ต้องได้รับอนุญาตจาก อย.

เลดี้ กาก้า Lady Gaga ใส่บิ๊กอาย

เลดี้กาก้า นำเทรนบิ๊กอาย อเมริกาเตือน Big Eye เป็นอันตราย ผิดกฏหมายในอเมริกา

นับตั้งแต่กระแสความโด่งดังของ Music Video "Bad Romance" ของนักร้องสาวชาวอังกฤษ Lady Gaga ทำให้วัยรุ่นอเมริกันเริ่มนิยมใส่ Contact Lenses ที่เรียกว่า "Big Eye" กันเป็นจำนวนมาก จนหลายฝ่ายต้องออกมาเตือนในการใช้และการเลือกซื้อ เพราะวัยรุ่นจำนวนมากนิยมสั่งซื้อผ่านอินเตอร์เน็ต จากร้านค้าออนไลน์ในแถบเอเชีย...

บิ๊กอาย คอนแทคเลนส์ปลอม

อันตรายจากการใช้คอนแทคเลนส์แฟชั่น "บิ๊กอาย"

กระแสคอนแทคเลนส์แฟชั่นได้แพร่ระบาดเข้าสู่ประเทศไทยเมื่อประมาณต้นปี 2549 ที่ผ่านมา โดยวัยรุ่นไทยนิยมใส่คอนแทคเลนส์แฟชั่นเพื่อให้ตา กลมโตเลียนแบบดาราเกาหลี และญี่ปุ่น คอนแทคเลนส์แฟชั่นดังกล่าวเป็นที่รู้จักกันดีในนาม บิ๊กอายส์ หรือ คอนแทคเลนส์ตาโต ราคาก็มีตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักพัน ระยะเวลาการใช้งานก็มีให้เลือกหลากหลาย ตั้งแต่ 1 เดือนไปจนถึง 1 ปี

แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ บิ๊กอาย แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ บิ๊กอาย แสดงบทความทั้งหมด

15 เม.ย. 2556

[ข่าว] ทำไม ห้าม ใส่บิ๊กอายส์ คอนแทคเลนส์ เล่นสงกรานต์

นายแพทย์ฐานปนวงศ์ ตั้งอุไรวรรณ จักษุแพทย์เชี่ยวชาญประจำโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า จ.นนทบุรี ให้สัมภาษณ์ว่า เทศกาลสงกรานต์ทุกปีมักจะมีผู้ได้รับอันตรายจากการเล่นน้ำเข้ารักษาที่ คลินิกหรือที่โรงพยาบาล ส่วนใหญ่ที่พบบ่อยคือ ตาแดง ตาอักเสบ หูอื้อ จึงขอแนะนำให้เล่นน้ำสงกรานต์อย่างปลอดภัย เล่นอย่างสุภาพ อนุรักษ์ขนบธรรมเนียมประเพณีไทยดั้งเดิม
เนื่องจากปัจจุบันวัยรุ่นส่วนใหญ่ จะมีการเล่นน้ำสงกรานต์กันแบบรุนแรง เช่น ใช้ปืนฉีดน้ำชนิดที่มีแรงดันสูง เสี่ยงเกิดอันตรายจากแรงดันน้ำ โดยน้ำที่จะนำมาเล่นควรเป็นน้ำสะอาด เช่น น้ำประปา น้ำบาดาล ไม่ควรใช้น้ำสกปรก เช่น น้ำในลำคลอง หรือน้ำที่อยู่ริมถนน เนื่องจากน้ำดังกล่าวจะมีสิ่งปนเปื้อน เช่น เชื้อแบคทีเรีย และพยาธิ รวมถึงสารพิษจากสารเคมี หากน้ำที่ไม่สะอาดเข้าสู่ร่างกาย เช่น หากเข้าตาอาจเกิดอาการระคายเคืองตา ทำให้ ตาแดง หรือตาอักเสบรุนแรงอาจถึงขั้นตาบอดได้ หากเข้าปากจะเสี่ยงเป็นโรคอุจจาระร่วง และหากมีการสำลักน้ำที่มีเชื้อโรคปนเปื้อน เชื้ออาจเข้าสู่ปอดหรือสมอง ทำให้ปอดหรือสมองอักเสบ อาจกลายเป็นผู้พิการได้ และหากเข้าหูอย่างรุนแรง อาจทำให้หูอื้อ
 
นายแพทย์ฐานปนวงศ์กล่าวต่อว่า การใช้ปืนฉีดน้ำ หรือกระบอกฉีดท่อพีวีซีที่มีแรงดันสูง โดยเฉพาะที่สามารถฉีดน้ำไปได้ไกลถึง 4 เมตร นับว่ามีอันตรายมากเนื่องจากแรงดันของน้ำจะเป็นอันตรายต่ออวัยวะที่บอบบาง เช่น ตา ทำให้เกิดอันตราย แก้วตาดำทะลุ เลือดออกช่องม่านตาดำ ทำให้ตามัว และอาจถึงกับตาบอดได้ หากฉีดน้ำเข้าหูจะทำให้แก้วหูทะลุ หรือหูอื้อ โดยผู้ที่ต้องระมัดระวังเป็นกรณีพิเศษ เช่น ผู้ที่ใส่บิ๊กอายส์ คอนแทคเลนส์ ผู้ป่วยที่เคยผ่าตัดต้อกระจก ผู้ที่เป็นต้อหิน เยื่อบุตาขาวอักเสบ ภูมิแพ้ จะเกิดปัญหาได้ง่ายกว่าคนทั่วไป หากจะเล่นน้ำสงกรานต์ คนที่ใส่ใส่บิ๊กอายส์ หรือคอนแทคเลนส์ ควรถอดออกก่อน เพื่อป้องกันเชื้อที่อยู่ในน้ำเข้าตา หรือปัญหาตาแห้ง จากการถูกแสงแดดเป็นเวลานาน จะมีผลทำให้เกิดการระคายเคืองทำให้กระจกตาเป็นแผล และอักเสบได้
 
ในกรณีผู้มีปัญหาทางสายตา หากหลีกเลี่ยงการเล่นสงกรานต์ไม่ได้ ควรสวมใส่แว่นตาชนิดที่มีที่ครอบบริเวณตา แว่นบังลม แว่นที่ใช้ว่ายน้ำ เป็นต้น ซึ่งจะป้องกันไม่ให้น้ำเข้าตาได้โดยตรง ทั้งนี้ ขณะเล่นน้ำสงกรานต์ หากน้ำไม่สะอาดเข้าตาควรรีบล้างด้วยน้ำสะอาดทันที หากมีสิ่งแปลกปลอมเข้าตาห้ามขยี้ ลืมตาในน้ำและกลอกตาไปมาเพื่อให้สิ่งแปลกปลอมหลุดออก และควรรีบพาไปไปพบแพทย์ เพื่อรับการรักษาอย่างทันท่วงที และหลังเล่นน้ำสงกรานต์ หากมีอาการผิดปกติที่ดวงตาใน 1-3 วัน เช่น ระคายเคือง ตาแดง ตามัว ตาแห้ง เป็นต้น ควรรีบพบจักษุแพทย์เพื่อให้การรักษา
 
ที่มา : http://variety.teenee.com/foodforbrain/52054.html

20 ก.ค. 2555

'บิ๊กอาย' ฟีเวอร์ เปลี่ยนสีตาตี่ให้แบ๊วได้ใจ


กระแสกิมจิฟีเวอร์ยังทรงอิทธิพลต่อวัยรุ่นไทย อะไรที่เป็นเกาหลียังคงโกยเงินวัยรุ่นบ้านเราเข้ากระเป๋าได้อีกมากโข สินค้าเกาหลีกำลังเป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่นบ้านเรา ตอนนี้คงหนีไม่พ้นสินค้าที่มีชื่อว่า บิ๊กอาย (Big Eye) ที่ช่วยให้ตาตี่ ๆ ของเราโตขึ้นทันตาเห็น

พี่วุฒินันท์ อัศวสิริสกุลชัย เจ้าของร้าน BIG EYE OPICAL ห้างยูเนี่ยนมอลล์ บอกว่า บิ๊กอายใส่แล้วทำให้ดวง ตาโตขึ้น ทำให้ตาเปลี่ยนสี ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับคอนแทคเลนส์เท่าไหร่ เพียงแต่ต่างกันที่คนที่ไม่มีปัญหาสายตาก็สามารถใส่ได้ และ บิ๊กอาย ก็จะเน้นแฟชั่นมากกว่า

แม้ว่าเจ้า “บิ๊กอาย”จะผลิตออกมาหลากสีหลายลายให้เลือกซื้อเลือกหา ทว่าตอนนี้สีที่มาแรง แซงโค้งคือ สีเทา ตามติดมาด้วย สีน้ำตาลเข้ม และสีดำ ซึ่งเป็นที่นิยมพอกัน ผิดคาดยิ่งนักที่สาวไทยบ้านเราไม่ค่อยนิยมสวมใส่แบบแฟนซี ! “นานๆ ทีถึงจะมาซื้อ” คุณพี่วุฒินันท์ บอกอีกว่า สาวๆที่อยากจะมีตาโต บ้องแบ๊วเหมือนตุ๊กตา ก็เลือกขนาดเลนส์ได้ตามต้องการ มีทั้งขนาดปกติ เหมาะเจาะกับดวงตาสาวเอเชีย คือขนาด 14 มม.ไปจนใหญ่สุดมิดลูกตาดำ 15.5 มม. สนนราคาเริ่มต้นที่หลักร้อยขึ้นไป

สาวไหนอยากใส่ อยากสวยก็ต้องรับผิดชอบกันหน่อย ยิ่งเรื่องของการรักษาความสะอาดด้วยเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม ก่อนซื้อมาใส่ต้องศึกษารายละเอียดให้ถี่ถ้วน

พี่นุช - มณีนุช อุ่นทานนท์ พนักงานร้าน Optic Square ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ลาดพร้าว ให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้ บิ๊กอาย ว่า บิ๊กอายจะสัมผัสกับดวงตาของคนเราจึงต้องดูแลรักษาให้ถูกวิธี การดูแลเรื่องบิ๊กอายส์ก็ไม่ยุ่งยากเลย ก็เหมือนคอนแทคเลนส์ทั่วไป ต้องดูแลเรื่องความสะอาด ควรใส่วันหนึ่งไม่เกิน8 -12 ชั่วโมง เวลานอนก็ต้องถอดออก หากใช้หรือดูแลรักษาไม่ถูกวิธีอาจเกิดปัญหาดวงตาติดเชื้อได้


คราวนี้เรามาลองดูความเห็นของสาว ๆ สาวกบิ๊กอายกันมั่ง ว่าทำไมเค้าถึงคลั่งไคล้ใส่บิ๊กอายกันมากมายขนาดนี้ สองสาวจากม.เซนต์จอห์น น้องอุ้มและน้องแอม อายุ 16 ปี โดยน้องอุ้ม บอกกับเราว่า ได้ใส่บิ๊กอายแบบราย 3 เดือน ที่ใส่เพราะรู้สึกว่าสวย และทำให้บุคลิกดี ส่วนตัวชอบเทรนด์แบบเกาหลี ญี่ปุ่นอยู่แล้ว ส่วนวิธีการใช้น้องอุ้มบอกว่า ถ้าจะลงว่ายน้ำก็ถอดออก และไม่กลัวกับข่าวที่ออกมาว่าถ้าใส่บิ๊กอายแล้วทำให้ตาบอด

ด้านน้องแอม บอกว่า ใช้บิ๊กอายแบบรายเดือน และโปรดปรานสีเทาเป็นที่สุด ปกติตนเป็นคนสายตาสั้นแต่ก็ชอบแฟชั่นด้วย เลยเปลี่ยนมาใส่บิ๊กอาย น้องแอมเป็นคนหนึ่งที่เคยมีปัญหาใส่บิ๊กอายแล้วระคายเคือง จึงแก้ไขโดยการซื้อน้ำตาเทียมมาหยอด

เรื่องความสวยมันยอมก้นไม่ได้จริง ๆ ถึงแม้จะต้องยอมอดค่าขนมเอาเงินมาซื้อบิ๊กอาย น้อง ๆ ก็ยอมทุ่มสุดตัว แต่อย่าห่วงสวยจนละเลยเรื่องความปลอดภัยแล้วกัน...!!!

เฉลิมเกียรติ สระทองแดง
สุรีนันท์ หาพุฒพงษ์

ที่มา : campus.sanook.com

3 มิ.ย. 2555

สิ่งที่ต้องทำหากจะใส่คอนแทคเลนส์


วัยรุ่นทุกคนที่จะเริ่มใส่คอนแทคเลนส์ควรจะต้องตรวจสภาพดวงตาก่อนใส่คอนแทคเลนส์เป็นครั้งแรกในชีวิต เพราะอยากจะให้ผ่านการแนะนำจากหมอตาว่า วิธีใส่คอนแทคเลนส์ที่ถูกต้องทำอย่างไร เช็กสภาพดวงตาว่า อยู่ในสภาพที่แพ้ง่ายหรือเปล่า มีโรคตาหรือไม่ เพราะมีบุคคลที่ไม่เหมาะสมที่จะใส่คอนแทคเลนส์ตั้งแต่ต้นแล้ว

สิ่งที่ต้องทำหากจะใส่คอนแทคเลนส์ คือ
1. ควรจะตรวจสภาพตาก่อน
2. เลือกใช้คอนแทคเลนส์ที่เหมาะสมกับตัวเอง
3. ดูแลรักษาคอนแทคเลนส์ให้ถูกต้อง
4. ควรจะมีน้ำตาเทียมไว้หล่อลื่นในดวงตา ต้องพกติดตัว มันจะช่วยชะล้างสิ่งแปลกปลอมได้ในระดับหนึ่ง ไม่ทำให้คอนแทคเลนส์ดูดกับดวงตา ทำให้กระจกตาไม่ขาดอ็อกซิเจนจนเกินไป ไม่มีผิวลอกถลอก

ขอแนะนำ
ตอนเช้าควรล้างคอนแทคเลนส์ด้วยน้ำเกลือ ล้างเยอะๆ ก่อนใส่เข้าไปในตา เพราะน้ำเกลือไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองตา ขณะเดียวกันหลังจากถอดคอนแทคเลนส์แล้ว ควรใช้น้ำยา Multi-Purpose ล้างเมือก สิ่งสกปรก และแช่คอนแทคเลนส์ในน้ำยา Multi-Purpose เพื่อป้องกันการติดเชื้อ


ปัจจุบันเรามักจะได้ยินได้อ่านข่าวตาติดเชื้อจากคอนแทคเลนส์บ่อยครั้ง ทั้งนี้ส่วนหนึ่งเป็นเพราะหลายคนที่ใส่คอนแทคเลนส์มานานแล้ว มากกว่า50% กลับไม่รู้วิธีใส่คอนแทคเลนส์อย่างถูกวิธี และใช้ผิดมาโดยตลอด ซึ่งจะส่งผลเสียในระยะยาวกับดวงตา ทำให้ตาแห้งมากขึ้นเรื่อยๆ เช่น เกิดจากการใส่คอนแทคเลนส์ไปนานๆ แล้วไม่ได้หยอดน้ำตาเทียม ผิวกระจกตาจึงถลอก แห้ง พอถลอกแล้วจะทำให้เชื้อโรคที่คอนแทคเลนส์เกาะผิวกระจกตาที่เป็นแผล ทำให้เกิดการติดเชื้อ และเชื้อโรคที่มากับคอนแทคเลนส์มันจะไม่ใช่เชื้อโรคที่พบตามผิวหนังทั่วไป เพราะเชื้อโรคทั่วๆไปจะโดนน้ำยาฆ่าเชื้อทำลายไปหมดแล้ว จะเหลือก็เเต่เชื้อโรคที่เป็นอันตรายทั้งนั้น เพราะมันสามารถหลุดรอดการฆ่าเชื้อเข้ามาได้ มันจะทำให้ภายในแค่คืนเดียว ตาเป็นหนอง ติดเชื้ออย่างรุนแรงได้เลยทีเดียว

ดังนั้น การที่ปล่อยให้ตาแห้งนานๆ จนเยื่อบุตาอักเสบ เพราะความแห้ง ความอักเสบของเยื่อบุตา จะทำให้เกิดการหายไปของเซลล์ที่ผลิตน้ำตา กล่าวคือ เซลล์ที่ผลิตน้ำตามันจะอยู่ที่เยื่อบุตา พอเยื่อบุตาอักเสบ เซลล์ที่ผลิตน้ำตาจะลดน้อยลง ตาก็จะแห้งในที่สุด ยิ่งปล่อยให้ตาแห้ง จะทำให้เกิดมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ถ้าหยอดน้ำตาเทียมมันจะยับยั้งไม่ให้ตาแห้งมากได้ ดังนั้นควรมีติดกระเป๋าไว้เหมือนอาวุธคู่กาย แม้แต่คนที่ไม่ใส่คอนแทคเลนส์ก็ตาม ควรพกไว้เช่นกัน น้ำตาเทียมจะช่วยดูแลดวงตาของเรา เหมือนที่สาวๆ มักถนอมผิวหนังด้วยการทาโลชั่นปกป้องผิวแห้งกร้าน

30 เม.ย. 2555

“บิ๊กอาย” ความสวยอาจทำให้ตาบอดได้

"บิ๊กอาย” กำลังเป็นที่นิยมของสาว ๆ ตั้งแต่วัยรุ่นจนถึงคนทำงานที่ต้องการให้ดวงตามีสีสัน กลมโต ตามแฟชั่นดารานักร้องเกาหลี ซึ่งมีหลากหลายสี ทั้งสีดำ น้ำตาล ม่วง เขียว เทา รวมไปถึงลวดลายแปลกๆ อย่างลายเพชร หรือตารางหมากรุก

บิ๊กอาย คือคอนแทคเลนส์ชนิดหนึ่งแต่ไม่ได้ช่วยเรื่องการปรับสายตาสั้นยาว ปัจจุบันหาซื้อได้ง่ายตามท้องตลาดไม่จำกัดแค่เพียงการซื้อขายในร้ายสายตาเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นท้องตลาด แผงลอย หรือแม้แต่เว็บไซต์ก็สามารถหาซื้อได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว ในราคาตั้งแต่ ๕๐ ไปจนถึง ๕๐๐ บาท นอกจากราคาที่ถูกแล้วบางร้านยังมีการโฆษณาอายุการใช้งานที่ยาวนานถึง ๑ ปีอีกด้วย

จะเกิดอะไรกับดวงตาผู้สวมใส่เนื่องจากบิ๊กอายคือคอนแทคเลนส์ที่ใช้กับดวงตาที่เป็นอวัยวะที่อ่อนไหวมากที่สุด บางรายผู้สวมยังนำมาแลกเปลี่ยนกันใส่ การใช้ที่ไม่ถูกวิธี หรือคอนแทคเลนส์ที่ไม่มีความสะอาดเพียงพออาจนำเชื้อโรคเข้าสู่ลูกตา ก่อให้เกิดอาการแพ้ได้ ตั้งแต่มีอาการเคืองตา ตาแห้ง ตาอักเสบ ตาขาดออกซิเจน หรือภาวะการติดเชื้อ หากติดเชื้อรุนแรงอาจทำให้กระจกตาอักเสบและเป็นแผล จนในที่สุดก็อาจทำให้กระจกตาทะลุ และเกิดการอักเสบติดเชื้อในลูกตาได้ จนอาจถึงขั้นต้องควักลูกตาออกได้ เพราะหากปล่อยไว้เชื้อจะกระจายเข้าสู่สมองได้

การใช้คอนแทคเลนส์ที่ถูกวิธี ต้องเก็บรักษาในน้ำยาแช่คอนแทคเลนส์โดยเฉพาะ และปิดฝาให้สนิท เปลี่ยนน้ำยาแช่เลนส์ทุกครั้งที่ใช้ ห้ามล้างคอนแทคเลนส์ด้วยน้ำประปา เนื่องจากสารคลอรีนที่อยู่น้ำประปาอาจกัดกร่อนเลนส์ ทำให้เลนส์เสื่อมสภาพ ขุ่นมัว หรืออาจมีสิ่งเจือปนทำให้เลนส์สกปรกได้ และต้องล้างมือให้สะอาดก่อนสัมผัสคอนแทคเลนส์ทุก

"บิ๊กอายส์” ถือว่าเป็นสินค้าในลักษณะเดียวกับคอนแทคเลนส์ การจะนำมาจัดจำหน่ายต้องขออนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ก่อนและต้องมีการแสดงฉลากแสดงอายุการใช้ คำเตือน ข้อห้ามใช้ และข้อควรระวังในการใช้ไว้ในฉลาก หรือเอกสารกำกับเครื่องมือแพทย์ และในการโฆษณาต้องได้รับอนุญาตจาก อย. รวมทั้งต้องมีใบรับรองจากประเทศที่นำเข้ามาด้วย การตัดสินใจใช้คอนแทคเลนส์จึงควรปรึกษาจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้าน ดวงตาโดยเฉพาะ สำหรับคอนแทคเลนส์ที่ใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่น เช่น เปลี่ยนสีตา ขยายขนาดของตาดำ มักจะใช้ในกลุ่มผู้ที่ต้องอาศัยรูปร่างหน้าตาในการประกอบอาชีพ เช่น ดารา นักร้อง นางแบบ เป็นต้น ซึ่งไม่ว่าจะเป็นคอนแทคเลนส์ชนิดใดก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุด คือ การระมัดระวังเรื่องความสะอาด เนื่องจากคอนแทคเลนส์ต้องสัมผัสกับกระจกตาโดยตรง และใช้เวลานาน หากคอนแทคเลนส์สกปรก จะทำให้เกิดการติดเชื้อที่กระจกตา และอาจลุกลามถึงขั้นตาบอดได้ภายใน ๒ วัน

ที่มา : hxxp://hq.prd.go.th/prTechnicalDM/ewt_news.php?nid=598&filename=index

23 เม.ย. 2555

วิธีเลือกสีคอนแทคเลนส์ให้เหมาะกับบุคลิก

เราจะเลือกสีคอนแทคเลนส์ที่เหมาะกับตัวเราได้อย่างไร?
คำถามนี้เป็นคำถามที่พบได้บ่อยกับผู้ที่ใส่คอนแทคเลนส์เป็นครั้งแรก แต่แท้จริงแล้ววิธีเลือกสีคอนแทคเลนส์ให้เหมาะกับตัวคุณนั้นง่ายนิดเดียว เพียงแค่คุณบอกว่า "คุณเป็นคนลักษณะอย่างไร และต้องการอะไรจากการใส่คอนแทคเลนส์"

1.หากคุณเป็นคนที่ค่อนข้างมั่นใจในตนเอง หรือจัดว่าเป็นคนมีบุคลิกที่โฉบเฉี่ยว คุณเหมาะกับคอนแทคเลนส์สีประเภทที่ให้ดวงตาดูโดดเด่น สะดุดตาผู้คน จนเพื่อนๆต้องถามว่าคุณไปทำอะไรมา วิธีเลือกคอนแทคเลนส์ก็มีดังนี้
  • ผิว ผม และนัยตาของคุณมีสีโทนเย็น เช่น สีฟ้าหรือน้ำตาลอ่อนๆ คุณควรเลือกสีคอนแทคเลนส์สีโทนอบอุ่น เช่นสีน้ำตาล
  • หากคุณเป็นคนผิวคล้ำ คุณควรเลือกคอนแทคเลนส์สีสว่างๆ หรือสีที่ดูสดใส
  • หากคุณเป็นคนที่ชอบแต่งหน้า คุณควรเลือกคอนแทคเลนส์สีที่แตกต่างจากสีมาสคาร่าที่คุณทาอยู่ จงหลีกเลี่ยงคอนแทคเลนส์สีมืดๆ ที่เมื่อคุณใส่แล้วตาคุณจะดูดำคล่ำไม่ต่างอะไรกับหมีแพนด้า หาความโดดเด่นไม่เจอ
  • ถ้าคุณมีนัยตาสีน้ำตาล คุณควรใส่คอนแทคเลนส์สีม่วง , คอนแทคเลนส์สีเขียว หรือ คอนแทคเลนส์สีฟ้า/สีน้ำเงิน

2. หากคุณเป็นสาวหวาน เรียบร้อย คุณคงไม่อยากให้ดวงตาของคุณดูสะดุดตาผู้คนมากเกินไป คุณเหมาะกับคอนแทคเลนส์ที่ทำให้ดวงตาของคุณดูเป็นประกายเบาๆ มีวิธีเลือกคอนแทคเลนส์ดังนี้
  • ข้อแนะนำประการแรกสำหรับการเลือกคอนแทคเลนส์สำหรับคุณก็คือ คุณควรเลือกสีคอนแทคเลนส์โทษสีใกล้เคียงกับสีนัยตาของคุณ เพื่อที่ว่า ดวงตาของคุณจะไม่ดูเปลี่ยนไปมากนักหลักจากใส่คอนแทคเลนส์
  • หากสีตาโดยธรรมชาติของคุณเป็นสี่ฟ้า คุณควรเลือกคอนแทคเลนส์สีเทา หรือสีเขียว
  • หากผิว ผม นัยตา และการแต่งหน้าของคุณ เป็นสีโทนอบอุ่น คุณควรเลือกสีคอนแทคเลนส์สีโทนอบอุ่นเช่นเดียวกัน เช่น คอนแทคเลนส์โทนสีน้ำตาล

3. อีกหนึ่งการตัดสินใจเลือกสีคอนแทคเลนส์ก็คือ คุณควรตอบตัวเองให้ได้ว่า คุณต้องการใส่คอนแทคเลนส์ทุกวัน หรือใส่เฉพาะโอกาสพิเศษ หากเป็นอย่างหลัง คุณก็ควรเลือกคอนแทคเลนส์สีที่แตกต่างจากสีตาโดยธรรมชาติของคุณ เพื่อทำให้คุณดูต่างจากทุกๆวัน แต่ก็ควรคำนึงถึงการแต่งตัวของคุณเองด้วย

20 เม.ย. 2555

3 ข้อปฎิบัติในการเสริมสวยตาให้เข้ากับคอนแทคเลนส์สีเขียว

ปัจจุบันเทคนิคและเคล็ดลับเสริมความงามของผู้หญิงมีมากมายหลายรูปแบบ และมีตัวช่วยเพิ่มความงามแบบง่าย ๆ และรวดเร็วมากมาย โดยเฉพาะเรื่องของ "ดวงตา" ที่มีคำนิยามที่ได้ยินกันบ่อยๆว่า "ดวงตา คือประตูสู่หัวใจ" สาวคนไหนปรารถนาจะมีดวงตากลมโตก็มีคอนแทคเลนส์ "บิ๊กอาย" เป็นตัวช่วย แต่ถ้าปรารถนาปรับเปลี่ยนลุคเดิม ๆ ให้ดูแปลกตามากขึ้น หรือเปลี่ยนจากสาวแว่นเป็นสาวเริด ก็อาจใช้ตัวช่วยคือ คอนแทคเลนส์แฟชั่น อาทิเช่น บิ๊กอาย และคอนแทคเลนส์แบบสี ซึ่งคอนแทคเลนส์ประเภทนี้ก็ยังมีค่าสายตาต่างๆให้เลือก ช่วยให้ผู้ที่เคยเป็นสาวแว่นได้เปลี่ยนลุคของตัวเองแบบพลิกหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว


คอนแทคเลนส์สีเขียว
คอนแทคเลนส์สีเขียว
แต่เมื่อถึงยามที่ต้องแต่งหน้าแต่งตา สาวๆเอเชียก็ยังชินกับการแต่งตาที่แมทช์กับดวงตาสีเข้มๆแบบชาวเอเชีย สาวๆส่วนใหญ่ยังวาดภาพไม่ออกว่าควรแต่งตาเช่นไรให้เข้ากับคอนแทคเลนส์ บิ๊กอายสีต่างๆดี บทความนี้จึงขอนำเสนอ 3 ข้อปฎิบัติในการเสริมสวยตาให้เข้ากับคอนแทคเลนส์สีเขียว

1. การเสริมสวยตาที่เสริมให้ตาสีเขียวของคุณดูสวยงามและสะดุดตา ก็ต้องเลือกเฟ้นใช้สีที่ตัดกับสีเขียว นั่นก็คือ “คอนแทคเลนส์สีม่วง” นั่นเอง ซึ่งม่วงก็ยังมีหลายโทน ทั้งม่วงสไตล์มะเขือม่วง ม่วงลูกพลัมหรือลูกไหน ม่วงลาเวนเดอร์ หรือกระทั่งสีม่วงอมชมพู และสีเทาแก่ ก็ยังไปกันได้ดีกับคอนแทคเลนส์สีเขียว

2. เลี่ยงการใช้อายไลน์เนอร์และอายแชโดว์สีแดง ก็เพราะว่ามันจะดูเหมือนกับว่าคุณกำลังแต่งหน้ารับเทศกาลคริสต์มาส แต่หากเป็นคอนแทคเลนส์สีน้ำตาลโทนอบอุ่น คอนแทคเลนส์สีแดงเบอร์กันดี คอนแทคเลนส์สีแดงเลือดนก ก็ยังโอเค ขอแค่ไม่ให้ออกสีแดงจัดมากเกินไปเท่านั้น

3. หากประสงค์เสริมสวยตาแบบสโมคกี้อาย ให้เลือกเฟ้นเสริมสวยแบบซอฟท์สโมคกี้อาย อย่าถมสีดำให้หนักมือนัก ไม่เช่นนั้นตาคุณจะดูหลอน ๆ เหมือนกับซอมบี้ ไม่ก็โดนใครทำร้ายมาเลยเชียวล่ะ

17 เม.ย. 2555

สาระน่ารู้ : บิ๊กอาย

บิ๊กอาย เป็นคอนแทคเลนส์ชนิด bifocal เลนส์แบ่งออกเป็นสองครึ่งหนึ่ง ส่วนบนและส่วนอื่นๆ จะต่ำกว่า และบางครั้งก็สามารถอยู่ในตำแหน่งศูนย์กลาง เลนส์หนึ่งในส่วนภายในและส่วนนอกที่ต้องการเลนส์ คอนแทคเลนส์บิ๊กอายจะอ่อน มีส่วนประกอบของวัสดุก๊าซ โดยตาของผู้สวมใส่จะเริ่มทยอยปรับตัวให้เข้าความแตกต่างของส่วนที่เป็นกล้ามเนื้อตา ประสานงานกับการทำงานของเลนส์ แสงจะถูกหักเหในมุมของจอตา ความสามารถในการหักเหแสงที่แตกต่างอาจทำให้บางคนมีปัญหามากและปัญหาในการสวมใส่ ปัจจุบันบิ๊กอายจัดเป็นเครื่องมือแพทย์ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข การผลิต นำเข้าหรือจำหน่าย ต้องได้รับการอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ผู้บริโภคสามารถตรวจสอบว่าได้รับการอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) หรือไม่ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องรีบเข้าไปตรวจสอบ และจับกุมผู้ที่กระทำความผิด เพราะจำนวนผู้เข้ารับการรักษาที่มีลักษณะตาอักเสบจากการใส่บิ๊กอายเพิ่มมากขึ้น ในส่วนของนักเรียน กระทรวงศึกษาธิการควรที่จะออกกฎระเบียบมาคุมเข้มในเรื่องของการใส่บิ๊กอาย หากเป็นบิ๊กอายที่ได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ผู้ที่จะนำมาสวมใส่ควรที่จะรักษาความสะอาดให้ดี จะช่วยป้องกันตาติดเชื้อแบคทีเรียได้


บิ๊กอาย คอนแทคเลนส์
พิษบิ๊กอาย
1.พบว่ามีผู้ป่วยเข้ารับการรักษาด้วยอาการตาบวม เป็นสีแดงก่ำ ปวด และมีขี้ตาเป็นสีเขียวออกมาตลอดเวลา ทั้งเพศชายและหญิง ทุกรายเป็นวัยรุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี เมื่อส่องกล้องพบว่ามีรอยขาวขุ่นอยู่ในตาดำ เป็นลักษณะของการเกิดแผลที่กระจกตาดำ ผู้ป่วยต้องเข้ารักษาเป็นผู้ป่วยใน ผลจากการเก็บตัวอย่างส่งตรวจหาสาเหตุ พบว่า ตาติดเชื้อแบคทีเรียสูโดโมแนส แอรูจิโนซา ซึ่งเป็นแบคทีเรียที่สามารถกินทะลุกระจกตาดำภายใน 2 วัน หากรักษาไม่ทันอาจส่งผลให้ตาบอด หรือต้องควักลูกตาออก เพื่อไม่ให้ลามไปยังอวัยวะอื่น เนื่องจากเชื้อแบคทีเรียชนิดนี้เข้าสู่กระแสเลือดได้ ในการรักษาตาติดเชื้อแบคทีเรียสูโดโมแนส แอรูจิโนซา ต้องใช้เวลานานและต้องให้ยาฆ่าเชื้อชนิดแรงทั้งแบบยาฉีดและยาหยอดตา

2.สาเหตุที่ทำให้ตาติดเชื้อแบคทีเรียชนิดนี้ เกิดจากการใส่คอนแทคเลนส์บิ๊กอาย ผู้ป่วยทุกรายมีประวัติใส่บิ๊กอายทั้งสิ้น โดยซื้อจากแผงลอยวางขายทั่วไปตามตลาดนัด สะพานพุทธ หรือย่านขายของวัยรุ่น สั่งซื้อจากอินเตอร์เน็ต หรือซื้อจากเพื่อนที่เป็นนายหน้าขายตรงด้วยการมีแคตตาล็อกแบบของบิ๊กอายให้ เลือกเป็นชนิดใส่รายปี ในราคาคู่ละ 300 บาท ซึ่งขณะนี้กำลังเป็นที่นิยมใส่อย่างมากในกลุ่มพนักงานบริษัท หรือคนวัยทำงาน รวมทั้งนักเรียน นักศึกษาทั้งหญิงและชาย สวมใส่ตั้งแต่เรียนอยู่ในชั้นระดับมัธยมต้น

3.หนึ่งในผู้ป่วยตาติดเชื้อจนเกิดแผลที่กระจกตาดำ กล่าวว่า ใส่บิ๊กอายเนื่องจากเป็นคนสายตาสั้น เมื่อใส่แว่นจะรู้สึกเกะกะ และยอมรับว่าอยากสวย บวกกับเห็นเพื่อนใส่มานาน 2-3 ปี จึงตัดสินใจสั่งซื้อทางอินเตอร์เน็ตแบบรายปี คู่ละ 300 บาท ซึ่งตนจะบอกระยะสายตาที่สั้น เลือกแบบแล้วเพื่อนจะเป็นคนสั่งซื้อให้พร้อมจัดส่งถึงบ้าน เมื่อเริ่มเปลี่ยนเป็นคู่ที่ 2 ได้ราว 2-3 เดือน เริ่มมีอาการโดยเกิดการระคายเคืองตา จึงถอดบิ๊กอายออกและนอนหลับตามปกติ เมื่อตื่นขึ้นมา ตาแดง คิดว่าไม่เป็นไร เพราะเคยเป็นมาก่อน ทำให้ใส่บิ๊กอายกลับเข้าไปใหม่ แต่ทันทีที่เจอกับแสงแดด ปรากฏว่าตาสู้แสงไม่ได้ แสบตาและน้ำตาไหล ตาแดงก่ำมาก

4.ขณะที่ผู้ป่วยตาติดเชื้อจนเกิดแผลที่กระจกตาดำอีกรายอายุ 14 ปี บอกว่า ซื้อบิ๊กอายจากร้านแผงลอยย่านสะพานพุทธ ใช้ได้ 3-4 เดือนเริ่มเกิดอาการแสบตา และตาแดงมาก รู้สึกเหมือนมีอะไรขาวๆ อยู่ในตาตลอดเวลา เจ็บมาก

บิ๊กอาย คอนแทคเลนส์ แผลที่กระจกตา
แผลที่กระจกตาดำ
1.มักเกิดกับผู้ที่ละเลยกับการใส่ใจดูแลตัวเอง ใส่คอนแทคเลนส์เป็นประจำ พฤติกรรมการเปลี่ยนใส่คอนแทคเลนส์ เพียงแค่ลืมถอดคอนแทคเลนส์ก่อนนอน หรือเพียงแค่ลืมดูวันหมดอายุการใช้งานของคอนแทคเลนส์ การดูแลรักษาความสะอาดไม่เพียงพอ ก็อาจมีผลถึงกับทำให้ตาบอดได้

2.อาการของโรค ได้แก่ ปวดในตา ตาแดง น้ำตาไหล สู้แสงไม่ได้ บีบตา ตามัว ตรวจพบกระจกตาขุ่น บวมและอักเสบ

3.การเกิดภาวะแทรกซ้อน ทำให้กระจกตาเปลี่ยนสภาพ เกิดเป็นต้อหิน ต้อกระจก มักเป็นในรายที่ได้ยาขนาดเข้มข้นนานๆ บางรายกระจกตาบางลงและทะลุ อาจเกิดการติดเชื้อลุกลามเข้าลูกตา

4.ระดับของแผลที่กระจกตาชนิดเล็กน้อย แผลมีขนาดน้อยกว่า 2 มม. ความลึกของแผลน้อยกว่า 20% ของความหนาของกระจกตา

5.แผลระดับปานกลางขนาด 2-5 มม. ความลึกของแผล 20-50% ของความหนาของกระจกตา

6.แผลรุนแรงขนาดใหญ่กว่า 5 มม. ความลึกของแผลมากกว่า 50% ของความหนาของกระจกตา

บิ๊กอาย คอนแทคเลนส์ ตาติดเชื้อแบคทีเรีย
ภาวะเสี่ยงต่อการเป็นโรค
1.ผู้ที่ใส่คอนแทคเลนส์ผิดวิธี ใส่คอนแทคเลนส์ที่หมดอายุ ใส่คอนแทคเลนส์ขณะนอนหลับ กระจกตาต้องการออกซิเจนเข้าไปหล่อเลี้ยง เมื่อมีคอนแทคเลนส์ขวางอยู่ ทำให้ออกซีเจนไม่สามารถเข้าไปเลี้ยงกระจกตาได้ การไม่ล้างกล่องใส่คอนแทคเลนส์และคอนแทคเลนส์ทำให้เกิดการสะสมของเชื้อโรค เมื่อใส่คอนแทคเลนส์ที่มีเชื้อโรคสะสมอยู่ ทำให้เชื้อโรคที่สัมผัสกระจกตาปล่อยสารที่มีฤทธิ์ย่อยเยื่อกระจกตา เป็นสาเหตุของโรคกระจกตาเปือย

2.บางรายอาจเกิดจากอุบัติเหตุที่ทำให้เกิดแผลที่ดวงตา แผลที่กระจกตาเป็นภาวะที่กระจกตาอักเสบเป็นแผล ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ตาบอด พบเป็นอันดับสองรองจากต้อกระจก โดยการติดเชื้อที่กระจกตาทำให้มีแผลเป็นและมีฝ้าขาวที่กระจกตา การมองเห็นลดลงสายตาเลือนลาง และตาบอดได้ในบางราย ซึ่งสาเหตุเกิดได้จากทั้งเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา ไวรัส ปรสิต หรืออาจมีประวัติจากการเกิดอุบัติเหตุที่ตามาก่อนหรือไม่ก็ได้

3.การใส่คอนแทกเลนส์ติดต่อกันหลายวัน โดยไม่ได้ล้างทำความสะอาด ทำให้เชื้อโรคที่สัมผัสกระจกตาอยู่ ปล่อยสารออกฤทธิ์ย่อยเยื่อกระจกตาไปเรื่อยๆ ยิ่งเสี่ยงต่อโรคกระจกตาเปือย ซึ่งรุนแรงถึงขั้นตาบอดในชั่วข้ามคืนได้


การรักษา
  1. เริ่มให้ยาให้เร็วที่สุด หลังจากการวิเคราะห์การเพาะเชื้อของแผล และให้ยาที่ครอบคลุมเชื้อหลายชนิดก่อน และเมื่อทราบเชื้อ จึงเปลี่ยนหรือปรับยาที่เฉพาะต่อเชื้อที่สุดด
  2. การให้ยาจะประกอบด้วยยาปฏิชีวนะ ให้ตามกลุ่มที่พบเชื้อจากการย้อมสี ถ้าไม่พบเชื้อ ควรให้ยาที่มีฤทธิ์กว้าง เช่น Cefazolin Ceftazidime ร่วมกับ Tobramycin หรือ Gentamicin หรือใช้ยาตัวเดียว เช่น Ciprofloxacin
  3. การหยอดตาควรหยอดบ่อยๆ ทุก 5-15 นาที ในชั่วโมงแรก โดยเว้น 5 นาที ถ้าใช้ยาตัวอื่นด้วยเพื่อเพิ่มปริมาณยาให้ถึงระดับเร็วๆ หรืออาจหยอดทุก 1 นาที เป็นวลา 5 นาที และซ้ำแบบนี้ทุก 30 นาที แล้วจึงห่างเป็นทุก 30-60 นาทีต่อไป


ข้อแนะนำการใส่คอนแทคเลนส์
  1. คอนแทคเลนส์ตาโตสีๆที่ขายทั่วไป อาจทำให้เราเห็นไม่ชัด เนื่องจากเส้นสีของเลนส์อาจขยับบังการมองเห็นของเรา ตัวเลนส์หนา ทำให้อากาศถ่ายเทไม่สะดวก ส่งผลให้ตาแห้ง
  2. ล้างและถูตัวเลนส์ก่อนเก็บและก่อนใส่ทุกครั้ง วิธีล้างคือเทน้ำยาลงที่ตัวเลนส์ ถูเลนส์ เทน้ำยาทิ้ง ทำแบบนี้สัก 2-3 ครั้ง เพื่อเอาคราบโปรตีนและสิ่งสกปรกออก
  3. หมั่นเปลี่ยนน้ำยาที่แช่เลนส์บ่อยๆ เพราะเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค
  4. คอนแทคเลนส์รายเดือนดีกว่ารายปี ยิ่งใส่นาน เชื้อโรคยิ่งสะสมมาก
  5. อย่าใส่ติดต่อกันนานจนเกินไปประมาณ 12 ชม. ก็ควรถอดและเปลี่ยนมาใส่แว่นแทนบ้าง เพื่อเป็นการให้ตาได้ถ่ายเทออกซิเจนได้สะดวก
  6. หากนั้งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์นาน ให้ละสายตามองออกไปข้างนอกบ้าง
  7. คอนแทคเลนส์ตาโตคุณภาพไม่ดีเท่าคอนเทคเลนส์ทั่วไป
  8. กระพริบตาหรือหลับตาบ่อบๆ ตาจะได้ไม่แห้ง

ที่มา : นพ.วรวุฒิ เจริญศิริ
ศูนย์ข้อมูลสุขภาพกรุงเทพ
www.bangkokhealth.com/index.php/eyes/3685-Big-Eyes.html

12 เม.ย. 2555

8 ข้อแนะนำการใส่คอนแทคเลนส์

โดย นพ.วรวุฒิ เจริญศิริ
ศูนย์ข้อมูลสุขภาพกรุงเทพ
(www.bangkokhealth.com/index.php/eyes/3685-Big-Eyes.html)

1.คอนแทคเลนส์ตาโตสีๆที่ขายทั่วไป อาจทำให้เราเห็นไม่ชัด เนื่องจากเส้นสีของเลนส์อาจขยับบังการมองเห็นของเรา ตัวเลนส์หนา ทำให้อากาศถ่ายเทไม่สะดวก ส่งผลให้ตาแห้ง
2.ล้างและถูตัวเลนส์ก่อนเก็บและก่อนใส่ทุกครั้ง วิธีล้างคือเทน้ำยาลงที่ตัวเลนส์ ถูเลนส์ เทน้ำยาทิ้ง ทำแบบนี้สัก 2-3 ครั้ง เพื่อเอาคราบโปรตีนและสิ่งสกปรกออก
3.หมั่นเปลี่ยนน้ำยาที่แช่เลนส์บ่อยๆ เพราะเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค




4.คอนแทคเลนส์รายเดือนดีกว่ารายปี ยิ่งใส่นาน เชื้อโรคยิ่งสะสมมาก
5.อย่าใส่ติดต่อกันนานจนเกินไปประมาณ 12 ชม. ก็ควรถอดและเปลี่ยนมาใส่แว่นแทนบ้าง เพื่อเป็นการให้ตาได้ถ่ายเทออกซิเจนได้สะดวก
6.หากนั้งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์นาน ให้ละสายตามองออกไปข้างนอกบ้าง
7.คอนแทคเลนส์ตาโตคุณภาพไม่ดีเท่าคอนเทคเลนส์ทั่วไป
8.กระพริบตาหรือหลับตาบ่อบๆ ตาจะได้ไม่แห้ง

8 เม.ย. 2555

'อะแคนทะมีบา' ภัย "คอนแทคเลนส์"

ปัจจุบันหลายๆคนหันมาให้ความสำคัญกับตัวตามากขึ้น เพราะดวงตาขึ้นชื่อว่า เป็น หน้าต่างที่ทำให้เราได้มองเห็นโลกกว้าง ฉะนั้นหากไม่ดูแลรักษาให้ดี ก็อาจทำให้เราก้าวเข้าสู่โลกมืดได้โดยไม่รู้ตัว หากแต่มีหลายคนกำลังเสี่ยงต่อการมีปัญหาความผิดปกติทางสายตารุนแรงโดยไม่รู้ตัว ซึ่งนั่นก็คือกลุ่มผู้ที่ใส่คอนแทคเลนส์ ที่ส่วนใหญ่มักละเลยรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ และข้อควรปฎิบัติโดยไม่รู้ตัว ซึ่งนั้นก็เหมือนเป็นการเปิดประตูต้อนรับสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ที่มองไม่เห็นอย่าง “อะแคนทะมีบา” เข้ามารุกรานและทำอันตรายต่อดวงตา

ศ.พญ.พนิดา โกสียรักษ์วงศ์ ภาควิชาจักษุวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยว่า "อะแคนทะมีบา เป็นโปรตัวซัวแบบเซลล์เดียวที่อาศัยอยู่ในน้ำและดิน มีช่วงชีวิต 2 แบบ คือ

  • แบบ “ซีสต์” มีขนาด 10-25 ไมครอน เมื่ออยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม เพียงแต่จะฝังตัวอยู่นิ่ง ๆ
  • แบบ “โทรโฟซอยต์” ที่เคลื่อนไหว มีขนาด 15-45 ไมครอน จะเปลี่ยนรูปร่างจาก “ซีสต์” มีฤทธิ์ทำลายดวงตา

อย่างไรก็ตาม เชื้ออะแคนทะมีบา ทั้ง 2 แบบ สามารถทนทานอยู่ได้นานในสิ่งแวดล้อมทุกรูปแบบ เช่น หนาวจัด ร้อนจัด แห้งแล้ง ขาดอาหาร สระว่ายน้ำที่ใส่คลอรีน หรือแม้แต่บ่อน้ำร้อน

เกี่ยวข้องอย่างไรกับคนใส่คอนแทคเลนส์?
ส่วนใหญ่ร้อยละ 70 ในคนที่ใส่คอนแทคเลนส์ สามารถพบกระจกตาอักเสบเนื่องจากติดเชื้ออะแคนทะมีบาได้ โดยส่งผลทำให้เกิดอาการ ดังนี้ ปวดตามาก สู้แสงไม่ได้ กระจกตาขุ่น ฝ้า เป็นแผลอักเสบที่กระจกตา ในบางรายดูคล้ายอักเสบเนื่องจากติดเชื้อไวรัสเริม

เมื่อเป็นแล้วจะรักษาได้อย่างไร ?
ควรไปพบจักษุแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด ในส่วนของการรักษา โดยทั่วไปจะต้องหยอดตาด้วยยาฆ่าเชื้อนี้โดยเฉพาะ ซึ่งจะต้องผสมจากน้ำยาบางชนิดที่ไม่มีขายในท้องตลาด โดยจะต้องหยอดตาบ่อย ๆ เป็นเวลานานหลายเดือน หรืออาจเป็นปี และเฝ้าติดตามดูอาการเป็นระยะ ๆ นานหลายปี เนื่องจากเชื้ออะแคนทะมีบาสามารถมีชีวิตอยู่ในรูปแบบของซีสต์ได้นานหลายสิบปี ดังนั้นเมื่อใดที่ร่างกายอ่อนแอหรือมีเชื้อโรคที่ไปเป็นอาหารชั้นดีของเชื้ออะแคนทะมีบา ซีสต์ดังกล่าวก็จะแปลงร่างเป็นโทรโฟซอยต์ทำให้ดวงตาอักเสบทันที


จะป้องกันอย่างไรไม่ให้ติดเชื้อ?
  1. ล้างมือทำความสะอาดโดยการฟอกสบู่หลาย ๆ ครั้ง ก่อนหยิบจับคอนแทคเลนส์
  2. น้ำยาทำความสะอาดล้างเลนส์ ควรใช้ให้หมดภายใน 1 เดือน ไม่เก่าเก็บเกิน 2 เดือนหลังจากเปิดใช้แล้ว
  3. ขัดถูล้างเลนส์ทั้ง 2 ด้านเป็นเวลาพอสมควร ตลอดจนล้างขัดถูตลับแช่เลนส์ให้สะอาดทุกครั้งก่อนใส่น้ำยาแช่เลนส์ที่เปลี่ยนใหม่ทุกวัน เพราะโรคนี้มักพบในคนที่ใส่คอนแทคเลนส์ชนิดนิ่มบ่อยกว่าชนิดแข็ง โดยเฉพาะไม่ล้างทำความสะอาดเลนส์ทุกวันหรือใส่นอน
  4. ควรนำตลับแช่เลนส์อบไมโครเวฟทุก 2-3 สัปดาห์ และเปลี่ยนตลับใหม่ทุก 2-3 เดือน เนื่องจากเชื้อโรคนี้อยู่ทนทาน

หากคุณมีอาการหรือพฤติกรรมต่อไปนี้ อย่าใส่คอนแทคเลนส์เด็ดขาด
  1. เปลือกตาอักเสบ
  2. ตาแห้ง
  3. เป็นโรคภูมิแพ้
  4. ไม่มีเวลาดูแลล้างทำความสะอาดคอนแทคเลนส์
เนื่องจากเชื้ออะแคนทะมีบา เป็นสาเหตุสำคัญของอาการกระจกตาอักเสบ และยังส่งผลให้เกิดแผลที่ดวงดา ที่ร้ายไปกว่านั้นคือ มีความอดทนต่อยาที่ใช้รักษาทุกชนิด ทำให้ต้องหยอดยาเป็นเวลานาน และในบางรายอาจไม่ตอบสนองต่อยา เป็นผลให้เชื้ออาจมีการลุกลามไปทั่วทั้งกระจกตา จนเกิดอาการอักเสบทั้งลูกตาได้

การรักษาต้องหยอดยาเป็นเวลานาน ถ้ามีอาการอักเสบมาก จักษุแพทย์จะทำการผ่าตัดเปลี่ยนกระจกตาให้ แต่ก็สามารถกลับมามีเชื้อชนิดนี้ได้อีก จึงต้องเฝ้าติดตามดูอาการเป็นเวลานาน และในบางรายอาจมีอาการหนักถึงขั้นที่ต้องได้รับการผ่าตัดเอาลูกตาออกในที่สุดแม้ว่าจะผ่าตัดเปลี่ยนกระจกตาแล้วก็ตาม เนื่องจากสามารถกลับมามีเชื้อชนิดนี้ได้อีก ดังนั้น การใส่คอนแทคเลนส์แล้วปฏิบัติตัวไม่ถูกวิธี มีสิทธิติดเชื้อจนตาบอดได้ ยิ่งเห่อใส่ตามแฟชั่น ยิ่งต้องควรระวังมากกว่าปกติ เพราะหากดูแลดวงตาและรักษาคอนแทคเลนส์ไม่ถูกวิธี อาจมีเชื้อโรคเข้าสู่ดวงตาได้ง่าย หรือแค่ฝุ่นละอองปลิวเข้าตา ก็อาจพาเชื้อ “อะแคนทะมีบา” เข้าไปได้ด้วยเหมือนกัน ส่วนผู้ที่ไม่มีเวลาทำความสะอาดล้างเลนส์ แนะนำให้ใส่ชนิดรายวันแล้วทิ้ง หรือเปลี่ยนเป็นใส่แว่นตาจะปลอดภัยกว่า เพื่อให้ดวงตาคู่สวยของคุณมองเห็นโลกสดใสและจะอยู่คู่ชีวิตคุณได้ตลอดไป

7 เม.ย. 2555

วิธีใส่บิ๊กอาย และวิธีถอดบิ๊กอาย อย่างง่ายๆ

วิธีใส่บิ๊กอาย
  1. ล้างมือให้สะอาด
  2. นำบิ๊กอายวางหงายบนนิ้วชี้ข้างขวา สังเกตว่ามันไม่กลับด้าน
  3. ใช้มือซ้ายแหวกเปลือกตาออก จากนั้นค่อยๆ แตะบิ๊กอายลงที่ตาดำ รอให้แนบสนิท
  4. กะพริบตาถี่ๆ ให้บิ๊กอายแนบสนิทกับดวงตา
  5. ถ้าบิ๊กอายหลุดมือตกพื้น ต้องเอาแช่น้ำยาทำความสะอาดก่อนทุกครั้ง

วิธีถอดบิ๊กอาย
  1. ล้างมือให้สะอาด
  2. ก้มหน้าเล็กน้อย ใช้นิ้วชี้กับนิ้วกลางค่อยๆ คีบบิ๊กอายออกจากดวงตา
  3. ใช้น้ำยาล้างคอนแทคเลนส์ล้างคอนแทคเลนส์ให้สะอาด โดยใช้นิ้วถูเพื่อล้างคราบโปรตีน
  4. แช่คอนแทคเลนส์ในตลับที่สะอาด



How to Put in and Remove Contact Lenses
วิธีใส่และวิธีถอดคอนแทคเลนส์

6 เม.ย. 2555

อันตรายจากบิ๊กอาย โรคกระจกตาเสื่อม

ดวงตาปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นอวัยวะอีกหนึ่งอย่างที่สำคัญ ในชีวิตของคนมีตาปกติต้องใช้งานดวงตาทุกวี่วันไม่มีหยุด นอกเสียจากตอนนอนหลับ หรือหลับตาเพื่อพักสายตาเพียงชั่วครู่ เมื่อดวงตาเป็นอวัยวะที่มีบทบาทสำคัญถึงเพียงนี้ หากใช้แล้วไม่รู้จักพัก ดูแลไม่ดี ‘มุมสุขภาพ’ ต้องขอเตือนให้ระวัง ‘โรคกระจกตาเสื่อม’ ที่เกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะผู้ที่ใช้คอนแทคเลนส์ไม่ถูกวิธี เป็นโรคตาแห้ง และมีโรคประจำตัวที่ทำให้ต่อมน้ำตาแห้ง

อาการเตือนก็จะมีตั้งแต่แสบตา คันตา รู้สึกเจ็บตา เป็นตาแดงบ่อยๆ เห็นรอยเส้นเลือดฝอยสีแดงขึ้นในตาขาว ตาพร่ามัว เหล่านี้เป็นอาการของปัญหาตาแห้ง ส่วนผู้ที่ใช้คอนแทคเลนส์อย่างไม่ถูกต้อง เช่น ใช้งานเกินอายุคอนแทคเลนส์ ใส่ค้างไว้นานเกิน 8-10 ชั่วโมง หรือใส่นอน ไม่ค่อยล้างทำความสะอาดคอนแทคเลนส์และกล่องเก็บ พฤติกรรมดังกล่าวมักจะนำอาการเจ็บตา มีเยื่อเมือกสีขาวปกคลุมทั้งตาขาวและตาดำ

สาเหตุที่การใช้คอนแทคเลนส์อย่างผิดๆ ทำให้กระจกตาเปื่อยได้ก็เพราะ การใส่คอนแทคเลนส์ที่สกปรกอาจนำฝุ่นผงเข้าไปทำลายกระจกตาให้เป็นแผลถลอก และเป็นแหล่งสะสมของเชื้อบักเตรี ชื่อ สูโดโมแนส แอโรจิโนซา เป็นแบคทีเรียที่เกิดขึ้นในที่เปียกชื้น ดังนั้นการนำคอนแทคเลนส์ที่มีเชื้อดังกล่าวมาใส่ จึงเป็นโอกาสให้เพาะพันธุ์เต็มดวงตาและทำลายกระจกเมื่อมีแผลเปิด ส่วนสาเหตุอาการตาแห้งแล้วกระจกตาเปื่อยได้ เนื่องจากดวงตาที่มีสภาพแห้งจะทำให้กระจกตาไม่แข็งแรง เกิดการแยก หรือการถลอก จนทำให้เกิดแผล และเป็นทางเข้าของเชื้อโรค ในที่สุดกระตกก็จะเปื่อย

โรคกระจกตาเปื่อย หากเป็นในระดับรุนแรงจะมีหนองที่ดวงตา ยิ่งถ้าหนองขึ้นเต็มดวงตา จักษุแพทย์อาจต้องผ่าตัดควักดวงตาออกเพื่อป้องกันมิให้เชื้อแบคทีเรียชนิด ดังกล่าวลุกลามไปยังสมองหรืออวัยวะอื่นๆ ทว่าอาการที่ไม่รุนแรงก็ยังพอรักษาด้วยยาได้ ไม่อยากเป็นโรคกระจกตาเปื่อย ต้องไม่ขาดวิตามินเอ ที่มีสรรพคุณบำรุงสายตา มีมากในผักและผลไม้สีเขียว ผู้ที่ทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน หรือทำงานในที่มีแสงสว่างน้อย ต้องหมั่นพักสายตาทุกๆ 1 ชั่วโมง กรณีที่สงสัยว่า ตนเองมีอาการตาแห้งเกิดขึ้นบ่อยๆ ควรปรึกษาจักษุแพทย์เพื่อวัดปริมาณน้ำตา ถือเป็นการป้องกันโรคกระจกตาเสื่อมได้

ที่มา : ทีมเดลินิวส์ออนไลน์
www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=457&contentID=148914

5 เม.ย. 2555

โรคกระจกตาเปื่อย ภัยร้ายใกล้ตัวคนใส่คอนแทคเลนส์

โรคกระจกตาเปื่อยอาจเกิดได้กับคนที่ไม่ได้ใส่คอนแทคเลนส์ หรืออาจเกิดจากอุบัติเหตุที่ทำให้เกิดแผลที่ดวงตา แต่กลุ่มที่เสี่ยงมากที่สุดก็คือ กลุ่มคนที่ใส่คอนแทคเลนส์ผิดวิธี ตัวอย่างการใช้คอนแทคเลนส์ผิดวิธีคือ การใส่คอนแทคเลนส์ที่หมดอายุ เช่น คุณอาจลองใส่แล้วก็พบว่า ใส่แล้วก็ยังมองเห็นชัดอยู่ อีกทั้งนานๆถึงใส่ซักครั้ง หากใครเคยมีความคิดแบบบข้างต้น คุณกำลังใส่คอนแทคเลนส์แบบผิดวิธี เพราะคอนแทคเลนส์เมื่อเปิดใช้แล้ว อายุของมันจะมีกำหนด เช่น คอนแทคเลนส์แบบรายปี คอนแทคเลนส์รายเดือน และ คอนแทคเลนส์แบบรายวัน ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับประเภทคอนแทคเลนส์ที่คุณเลือกใช้

ข้อห้ามสำคัญอีกประกาศหนึ่ง ที่คนส่วนใหญ่อาจละเลย จะด้วยเหตุผลอันใดก็ตามถือว่า คุณมีความเสี่ยงมาก คือการใส่คอนแทคเลนส์ขณะนอนหลับ ไม่ควรทำอย่างยิ่ง เพราะกระจกตาต้องการออกซิเจนเข้าไปหล่อเลี้ยง เมื่อมีคอนแทคเลนส์ขวางอยู่ ทำให้ออกซีเจนไม่สามารถเข้าไปเลี้ยงกระจกตาได้ ยิ่งถ้าใส่คอนแทคเลนส์ติดต่อกันหลายวัน โดยที่ไม่มีการล้างทำความสะอาด โดยเฉพาะกล่องใส่คอนแทคเลนส์ ซึ่งทำให้เกิดการสะสมของเชื้อโรค เมื่อใส่คอนแทกเลนส์ที่มีเชื้อโรคสะสมอยู่ ทำให้เชื้อโรคที่สัมผัสกระจกตา ปล่อยสารที่มีฤทธิ์ย่อยเยื่อกระจกตาไปเรื่อย ๆ อันเป็นอีกสาเหตุของโรคกระจกตาเปือย ซึ่งรุนแรงถึงขั้นตาบอดในชั่วข้ามคืนได้

รายการอโรคา ปาร์ตี้ ตอนโรคกระจกตาเปื่อย โดย พญ.อรวรรณ จิตต์พูลกุศล
แพทย์ศูนย์โรคตา โรงพยาบาลพญาไท 3

3 เม.ย. 2555

วิธีถนอมสายตา หากต้องใช้คอมพิวเตอร์เป็นประจำ

ในยุคที่คอมพิวเตอร์เข้ามามีบทบาทกับชีวิตประจำวันของเรามากขึ้น ไม่ว่าจะโดยงาน หรือกิจวัตส่วนตัวคนที่ต้องนั่งแต่อยู่หน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆแทบทุกคนจะต้องมีอาการปวดตา ตามัว ตาแห้ง สายตาล้า หรืออาการทางสายตาอื่นๆ กันบ้าง ปัจจุบันอาการทางสายตาที่เกิดจากการใช้คอมพิวเตอร์มีเพิ่มขึ้น จากสถิติพบว่า ผู้ใช้คอมพิวเตอร์จำนวนมากกว่า 50% มีอาการปวดตา ตามัว ตาแห้ง สายตาล้า และปวดศรีษะ รวมทั้งมีอาการอื่นๆ เช่น ปวดเหมื่อยคอและหลัง ซึ่งอาการเหล่านี้มักจะเกิดขึ้นกับผู้ที่ใช้คอมพิวเตอร์มากกว่า 2 ชั่วโมงต่อวัน และยังมีตัวแปรอีกหลายประการที่ทำร้ายสายตาของเรา เช่น ชนิดของจอคอมพิวเตอร์ แสงสะท้อนจากจอคอมพิวเตอร์ ความสว่างของห้อง ท่านั่ง ฯลฯ

วิธีถนอมสายตา ใช้คอมพิวเตอร์ทุกวัน
วิธีถนอมสายตาเวลาใช้คอมพิวเตอร์
1. กระพริบตาให้ถี่ขึ้น อาการ ตาแห้ง เกิดจากการที่เรากระพริบตาน้อยลง เนื่องจากมีสมาธิขณะทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ อัตราการกระพริบตาจะลดลงจาก 20 - 22 ครั้งต่อนาที เหลือเพียง 6 - 8 ครั้งต่อนาที ถ้าไม่อยากตาแห้ง ควรจะกระพริบตาให้ถี่ขึ้น หรืออาจใช้น้ำตาเทียมหยอดตา เพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น

2. จัดวางคอมพิวเตอร์ให้เหมาะสม
ให้ บริเวณหน้าต่างอยู่ทางด้านข้างของจอคอมพิวเตอร์ เพื่อลดแสงตกสะท้อนบนหน้าจอ ควรจัดให้มีระยะห่างระหว่างจอภาพกับตัวเราประมาณ 50 - 70 ซ.ม. จัดระดับจอภาพจากจุดศูนย์กลางของจอคอมพิวเตอร์ ให้อยู่ต่ำกว่าระดับสายตาประมาณ 4 - 9 นิ้ว ไม่ควรให้จอภาพอยู่สูงหรือต่ำเกินไป

3. ปรับความสว่างของห้อง
ควร ปิดไฟบางดวงที่ทำการรบกวนการทำงาน เพราะปัญหาส่วนใหญ่เกิดจากความ สว่างที่มากเกินไป ถ้ามีแสงจ้าจากหน้าต่าง ควรใช้มูลี่เพื่อปรับแสงให้ผ่านได้เพียงบางส่วน และไม่เข้าตาโดยตรง หลีกเลี่ยงการใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีผิวสะท้อน เช่น โต๊ะสีขาว ควรใช้วัสดุที่มีผิวด้าน ที่สะท้อนแสงไม่มากจะดีกว่า

4. เลือกใช้ตัวอักษรขนาดใหญ่ เวลา พิมพ์งาน
ควรเลือกใช้ขนาดของตัวอักษรที่ใหญ่พอ และปรับความเข้มของตัวอักษรให้มากขึ้น ซึ่งขนาดตัวอักษรและความเข้มที่เหมาะสมจะสังเกตได้จากการที่เราอ่านตัวอักษร ได้ในระยะห่างเป็น 3 เท่าของระยะที่นั่งทำงาน หรือเลือกใช้จอคอมพวิเตอร์ชนิด LCD (จอแบน) ซึ่งจะช่วยถนอนสายตาได้ดีกว่าจอแบบเก่า (CRT)

5. เลือกใช้แว่นที่เหมาะสมกับการใช้คอมพิวเตอร์
ควรเลือกใช้เลนส์สีเขียวอ่อน ที่ช่วยให้สบายตาภายใต้แสงจากหลอดไฟฟ้าฟลูออเรสเซนต์ และเพื่อลดแสงสะท้อนจากจอภาพ โดยเลือกแว่นตาที่มีกำลังขยายสำหรับระยะ 50 - 70 ซ.ม. (ระยะกลาง) ซึ่งค่ากำลังของเลนส์ดังกล่าวจะแตกต่างจากเลนส์อ่านหนังสือ หรือเลนส์มองใกล้ทั่วไป

6. พักสายตา ทุกๆ ชั่วโมง
ควรเปลี่ยนอริยาบถ หรือลุกขึ้นยืดเส้นยืดสายบ้าง เพื่อพักสายตาและป้องกันอาการปวดเมื่อยจากการใช้คอมพิวเตอร์ติดต่อกันเป็น เวลานาน

2 เม.ย. 2555

[ข่าว] เทรนด์เกาหลีมาแรงวัยรุ่นฮิตใส่บิ๊กอายร้านแว่นรับเละ

เทรนด์เกาหลีมาแรง วัยรุ่นฮิตใส่คอนเทคเลนส์บิ๊กอายตาโต ร้านขายแว่นตาภูธรรับอานิสงส์ "ประจักษ์การแว่น" เผยเด็กหญิงตั้งอายุ 13 ปีเข้ามาใช้บริการใส่บิ๊กอายแบบสี พร้อมเตือนระวังซื้อสินค้าจากจีนแดง อาจมีผลต่อดวงตา ขณะที่ตลาดแว่นตาในพื้นที่รับมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้น หลังเปิดห้างยักษ์กลางเมือง ทำธุรกิจแฟรนไชส์เคลื่อนสู่ท้องถิ่น

นายธีรยุทธ์ วัฒนธีรวุฒิ ผู้จัดการร้าน "ประจักษ์การแว่น" ซึ่งเป็นร้านจำหน่ายแว่นตาชื่อดังใน จ.ขอนแก่น เปิดให้บริการมานานกว่า 60 ปี เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดแว่นตาว่า โดยภาพรวมธุรกิจร้านจำหน่ายแว่นตาในภาคอีสานถือว่าทรงตัว ผู้ประกอบการสามารถประคองกิจการให้อยู่รอดได้ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาดของจังหวัดว่ามีประชากรมากน้อยแค่ไหน

ส่วนภาพรวมใน จ.ขอนแก่น ช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาหลังการเปิดศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่าขอนแก่น พบว่ามีร้านจำหน่ายแว่นตาที่เป็นระบบแฟรนไชส์จากส่วนกลางเข้ามาเปิดให้บริการเป็นจำนวนมาก ส่วนแบ่งการตลาดในพื้นที่ก็เพิ่มขึ้น ทำให้ยอดขายโดยรวมของร้านประจักษ์การแว่นทั้ง 2 สาขาลดลงไปประมาณร้อยละ 25 ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าสาเหตุที่ยอดขายลดลงนั้นเกิดจากการที่ประชาชนหันไปใช้บริการร้านแว่นตาที่ห้างดัง หรืออาจเป็นเพราะสภาวะเศรษฐกิจนั้นไม่สามารถประเมินได้

"สำหรับร้านประจักษ์การแว่นในอดีตจะเน้นจำหน่ายแว่นสายตาเป็นหลัก แต่ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา กระแสเกาหลีฟีเวอร์ วัยรุ่นหันมาใส่คอนเทคเลนส์มากขึ้น โดยเฉพาะคอนเทคเลนส์สีตาโต หรือ "บิ๊กอาย" ส่งผลให้ร้านจำหน่ายแว่นตาได้รับอานิสงส์จากกระแสดังกล่าว สัดส่วนของรายได้มาจากการจำหน่ายคอนแทคเลนส์มากขึ้น"

เขายังกล่าวอีกว่า สำหรับผู้ที่มาใช้บริการคอนแทคเลนส์ทั้งแบบแฟชั่นบิ๊กอายและแทนการใส่แว่นตา ส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิงถึงร้อยละ 99 กลุ่มอายุเริ่มตั้งแต่อายุ 13-30 ปี ช่วงอายุที่มีการใส่คอนเทคเลนส์จะเป็นช่วง 18-20 ปี ส่วนราคาของบิ๊กอายที่ได้มาตรฐานนำเข้าจากประเทศเกาหลี ราคาเริ่มต้นที่ 380-500 บาท อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีคอนแทคเลนส์สีที่ผลิตมาจากจีนแดงทะลักเข้ามายังไทย มีวางจำหน่ายตามท้องตลาดทั่วไป ซึ่งราคาจากจีนจะถูกกว่าเกาหลีประมาณร้อยละ 20 แต่คุณภาพจะด้อยกว่า

อย่างไรก็ตาม ขอเตือนวัยรุ่นที่นิยมใส่บิ๊กอาย ไม่ควรหาซื้อบิ๊กอายที่ไม่ได้คุณภาพมาตรฐานตามร้านค้าแผงลอยทั่วไป เพราะนอกจากพ่อค้าที่ไม่มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องบิ๊กอาย ในส่วนของผู้บริโภคอาจจะได้รับผลกระทบจากการเลือกซื้อสินค้าดังกล่าว และอาจมีผลต่อดวงตาได้

ผู้จัดการร้านประจักษ์การแว่น ยังระบุด้วยว่า ส่วนร้านแว่นตาประเภทรถเร่ที่ออกไปให้บริการตรวจวัดสายตาตามหมู่บ้าน/ชุมชนต่างๆ นั้น อยากจะแจ้งเตือนประชาชนว่าแว่นดังกล่าวเป็นอันตรายต่อสายตา และทำให้เสียเงินโดยใช่เหตุ เพราะนอกจากเลนส์แว่นตาดังกล่าวไม่ได้มาตรฐานแล้ว อุปกรณ์การตรวจวัดของพ่อค้าเร่อาจจะไม่ได้มาตรฐานเช่นเดียวกัน เพราะส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าก็อปปี้ ทั้งเลนส์และกรอบแว่นตา

"ที่ผ่านมามีลูกค้าที่เลือกซื้อแว่นสายตาตามรถเร่ในหมู่บ้านเข้ามาเปลี่ยนเลนส์ที่ร้านประจักษ์การแว่นไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50% จึงอยากจะเตือนลูกค้าไม่ควรเลือกซื้อแว่นสายตาที่ไม่ได้มาตรฐาน โดยวิธีการเลือกซื้อแว่นตาที่ดี ควรจะเข้ามาใช้บริการที่ร้านเลย โดยมีการตรวจวัดสายตาก่อนเพื่อเลือกใช้เลนส์ที่สอดคล้องกับองค์ประกอบทางสายตาและสอดคล้องกับรสนิยมของผู้ใช้อีกด้วย"

ที่มา : http://www.komchadluek.net/detail/20100222/49392/เทรนด์เกาหลีมาแรงวัยรุ่นฮิตใส่บิ๊กอายร้านแว่นรับเละ.html

"คอนแทคเลนส์-บิ๊กอาย"จำเป็นแค่ไหนกับ"คนบันเทิง"

กำลังเป็นเทรนด์วัยรุ่น วัยใสกันเลยทีเดียว เมื่อสาวๆ ลุกขึ้นมาใส่บิ๊กอายเพื่อให้นัยน์ตาใสกิ๊ง! เป็นตากวางกันเป็นแถว แต่เมื่อไม่นานมานี้ กลับมีกระแสข่าว ถึงอันตรายจากบิ๊กอาย ทำให้วัยรุ่นต้องแห่เข้ารับการรักษา

แพนเค้ก เขมนิจ ใส่บิ๊กอายเนื่องจากติดเชื้อ บางรายเป็นแผลที่กระจกตาในตาดำ ซึ่งอันตรายชนิดที่สามารถทำลายกระจกตา จนถึงขั้นทำให้ตาบอดได้ มาดูกันหน่อยดีกว่า ว่าเหล่าดารา-นักแสดงในเมืองไทย มีความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไรบ้าง

ประเดิมกันที่นางเอกสุดฮอตอย่าง "แพนเค้ก" เขมนิจ จามิกรณ์ ที่มีทั้งงานแสดง งานโฆษณา ซึ่งบางงานต้องใส่คอนแทคเลนส์สี แต่เธอบอกว่าไม่หวั่นเพราะเชื่อในวิวัฒนาการความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ในทุกวันนี้

"กับข่าวที่ออกไป แพนเองก็ไม่ได้รู้สึกมากนัก เพราะไม่ใช่คนสายตาสั้นที่ต้องใส่คอนแทคเลนส์ตลอดเวลา แต่เคยใส่คอนแทคเลนส์สีเวลาทำงาน ซึ่งไม่ได้ใส่บ่อย นอกจากนี้ยังเชื่อว่าวิวัฒนาการทุกวันนี้ มีความปลอดภัยการันตีอยู่ แต่การติดเชื้อหรือไม่มันอยู่ที่วิธีการดูแลของแต่ละคนมากกว่า กับเด็กๆ สาวๆ ที่อยากใส่แพนว่าถ้าอยากใส่เพื่อแฟชั่นก็ทำได้ แต่เรื่องการดูแลน่าจะสำคัญ บางทีมีฝุ่นเข้าตานิดหน่อยก็เคืองแล้ว มันคือดวงตาของเรา ถ้าอยากสวยก็ต้องระวังด้วย" แพนเค้กกล่าว

เต้ย จรินทร์พร ใส่บิ๊กอาย
ฟาก "เต้ย" จรินทร์พร จุนเกียรติ กล่าวเป็นกลางๆ ว่าถ้าไม่ใส่ได้ก็ดี เพราะว่าอันตรายมันเกิดขึ้นได้ ถ้าไม่ดูแลดวงตาของเราเอง "เต้ยจะใส่เฉพาะเวลาทำงาน พอมีข่าวก็กลัวเหมือนกัน ก็อยากจะแนะนำ ว่าใส่บิ๊กอายได้ แต่ตาปกติคนเราก็สวยอยู่แล้ว ถ้าจะใส่ก็ต้องทำความสะอาดให้ดี เต้ยไม่เคยเกิดอันตรายจากการใส่ด้วยตัวเอง แต่คนใกล้ตัวเจอ ต้องไปโรงพยาบาล ต้องปิดตาทำอะไรไม่ได้เลย อยากให้ดูแลดีๆ รักษาความสะอาด เพราะตาเป็นสิ่งสำคัญมาก ถ้าตาบอดเราจะมานั่งเสียใจ" เต้ยกล่าว

ส่วน "พลอย" เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์ เป็นนางเอกสาวอีกคนหนึ่ง ที่บอกทันที ว่าเธอไม่นิยมใส่บิ๊กอาย และมองว่าเรื่องดวงตา เป็นเรื่องละเอียดอ่อน เป็นอวัยวะภายใน ที่เสี่ยงกับการติดเชื้อ และอันตรายมากที่สุด

"เราควรใช้คอนแทคเลนส์ ที่มีคุณภาพ ถึงแม้ว่าราคามันจะแพงหน่อย แต่ควรใช้สิ่งที่ได้รับมาตรฐานอย่างดี เดี๋ยวนี้จะเห็นว่ามีคอนแทคเลนส์จากเกาหลี คู่ละ 200-300 บาท แต่คุณภาพมันไม่ได้รับการการันตี อย่าไปใช้ของพวกนี้เลย ใช้ของที่ได้รับมาตรฐาน หรือร้านที่วัดสายตา เพราะตามันเป็นสิ่งสำคัญมากๆ อย่าประมาท" พลอยกล่าว

ในขณะที่ “จุ๋ย” วรัทยา นิลคูหา ซึ่งเป็นนักแสดงอีกคนหนึ่งที่ใส่คอนแทคเลนส์ เพราะสายตาสั้น ไม่ได้ใส่เพราะความสวยงาม "ปกติจะใช้เลนส์แบบวันเดย์ อาจจะมีบ้างบางครั้งที่ต้องถ่ายแฟชั่นเดินแบบบ้าง เพื่อให้หน้ามันดูคมชัดขึ้น ดูมีอะไร แต่ใส่แล้วก็ถอดทิ้งไม่มีการแช่หรือนำกลับมาใช้ใหม่ อยากจะให้ระมัดระวัง เพราะเรื่องความสะอาด คือเรื่องที่สำคัญ อยากให้ดูแลรักษาอย่าเอาตามแฟชั่นมาก บางทีมันไม่ได้เหมาะกับตัวเรา อยากให้ดูอะไรที่เหมาะกับตัวเอง จุ๋ยอยากให้คิด ว่าคนใส่คอนแทคเลนส์จำเป็นสำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องสายตา ที่ไม่อยากจะใส่แว่น เพราะรำคาญ แต่การใส่เพื่อแฟชั่น หรือสวยงามนั้น เราไม่แนะนำให้ใส่ตั้งแต่เด็ก เพราะจากความรู้ที่ได้มา ทราบว่าการใส่คอนแทคมันดูดน้ำในตาเราไป และถ้ามันสกปรกมันจะทำให้เราติดเชื้อได้ง่าย อย่างน้องๆ หน้าตาใสๆ แบ๊วๆ ตามธรรมชาติ จุ๋ยว่าไม่จำเป็นต้องใส่เลย” จุ๋ย กล่าว

ยิปโซ รมิตา ใส่บิ๊กอาย
มาดูกันที่ "ยิปโซ" รมิตา มหาพฤกษ์พงศ์ ซึ่งมองว่าอันตรายส่วนใหญ่มาจากการใส่คอนแทคเลนส์โดยรวม ไม่ใช่จากการใส่บิ๊กอายเพียงอย่างเดียว "บิ๊กอายเป็นการใส่เพื่อแฟชั่น และมีบางยี่ห้อที่ไม่ผ่าน อย.แต่เด็กๆ เห็นว่าขายทั่วไปใส่ได้เหมือนกัน แต่ใช้แล้วอาจจะทำให้ตาอักเสบ หรืออาจจะเป็นอันตรายอย่างที่เป็นข่าว จริงๆ มันป้องกันง่าย เวลาซื้อเราก็ต้องเลือกซื้อ ที่มาจากร้านแว่นตา หรือร้านที่ได้มาตรฐาน เราเองก็ต้องดูแลตาด้วย บางคนชอบใส่คอนเทคเลนส์นอน ใสแล้วก็ต้องล้างทุกวัน ถ้าตาระคายเคืองเราก็อย่าไปใส่มัน ยิปโซเคยได้ยินมาว่ามีบางคนพลิกด้านที่ไม่ควรจะใส่มาใส่ เพราะอีกด้านสีสวยกว่า อันนี้น่ากลัว เพราะดวงตาเป็นอวัยวะที่ละเอียดอ่อน เรามีคู่เดียว มันหายแล้วหายไปเลย ตัวยิปโซก็ใส่บิ๊กอายนะ ใส่จนบางวันตื่นขึ้นมามองหน้าตัวเอง ทำไมตาโตน่ากลัวจัง (หัวเราะ) คือใส่ให้พอดี บางคนคิดว่าใส่บิ๊กอายแล้วจะสวย ไม่จำเป็นยิปโซเชื่อว่าหลายๆ คนไม่ใส่ก็สวย ดูความเหมาะสมดีกว่า ไม่จำเป็นต้องตามเทรนด์หรอก" ยิปโซกล่าวขำๆ


ฟาก แคทลียา อิงลิช กล่าวว่า เคยได้ยินข่าวเรื่องนี้เหมือนกัน ฟังๆ ดูก็กลัวๆ เหมือนกันเพราะแคทก็เป็นคนคน หนึ่งซึ่งใส่คอนแทคเลนส์เป็นประจำ เพราะสายตาสั้นนิดหนึ่ง

"ส่วนบิ๊กอายแคทไม่ใส่เพราะมันไม่เหมาะกับเรา แต่อาจจะเหมาะกับบางคนที่หน้าตาน่ารักๆ แต่แคทเป็นแนวสปอร์ตไม่ได้เป็นแนวแบ๊ว เวลาใส่แล้วไม่เข้ากับใบหน้า (หัวเราะ) แคทว่าถ้าไม่จำเป็นเราไม่ควรจะไปยุ่งกับตามากนัก จริงๆ จะใส่เป็นบางครั้งบางคราวก็ได้แต่อย่าใส่ตลอด เพราะเราต้องพักดวงตาของเราด้วย แต่เวลาจะใส่ต้องล้างมือให้สะอาดก่อนใส่ เพราะเวลาใส่หากมือไม่สะอาดอาจทำให้ตาเราติดเชื้อได้" แคทกล่าว

ที่มา : http://www.komchadluek.net/detail/20091210/40533/บิ๊กอายเพิ่มเสน่ห์ดวงตา.html

30 มี.ค. 2555

[บทความ] บิ๊กอาย อันตรายถึงตาบอด

คงปฏิเสธไม่ได้ถึงแฟชั่นยอดฮิต....บิ๊กอายที่แพร่หลายอยู่ในหมู่วัยรุ่นและวัยทำงาน ด้วยความที่หาซื้อได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นทางร้านค้าออนไลน์หรือแม้แต่ตามตลาดนัดทั่วไป อันที่จริงแล้วบิ๊กอายเป็นคอนแทกเลนส์แฟชั่น ใส่แล้วทำให้ตาดำดูใหญ่ขึ้น แถมยังมีลูกเล่นสีและลวดลายต่างๆ ตามเทรนด์เกาหลี และที่สำคัญราคายังไม่แพงอีกด้วย ซึ่งจริงๆแล้วผลิตภัณฑ์นี้จัดอยู่ในกลุ่มเครื่องมือแพทย์ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ดังนั้น การผลิต นำเข้าหรือจำหน่าย จึงจำเป็นจะต้องได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ก่อนเท่านั้น


ในระยะที่ผ่านมามีข่าวผู้ป่วยติดเชื้อที่ตาเนื่องจากการใช้บิ๊กอายหลายราย เชื้อที่เป็นสาเหตุ คือ ซูโดโมแนส ออรูจิโนซ่า (Pseudomonas aeruginosa) ซึ่งเป็นแบคทีเรียที่พบได้ทั่วไป เชื้อนี้เป็นสาเหตุสำคัญอันดับแรกของการติดเชื้อที่กระจกตาในผู้ใช้คอนแทกเลนส์ นั่นหมายความว่า ไม่ใช่แค่คนที่ใช้บิ๊กอายเท่านั้นแต่หมายรวมถึงคนใช้คอนแทกเลนส์ทั่วไปด้วย หากยังจำกันได้ เชื้อชนิดเดียวกันนี้เคยเป็นข่าวมาแล้วหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นกรณีของนางงามชาวบราซิลวัย 20 ปี ที่ติดเชื้อแบคทีเรียตัวเดียวกันนี้ที่กระเพาะปัสสาวะในขณะอยู่โรงพยาบาล ภายหลังเข้ารับการรักษาผ่าตัดนิ่วที่ไต ซึ่งในที่สุดคณะแพทย์ต้องตัดมือและเท้าทั้ง 2 ข้างออกเนื่องจากเชื้อแบคทีเรียดังกล่าวเข้าสู่กระแสเลือด และได้เสียชีวิตลงอย่างรวดเร็วในเวลาต่อมา เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นในเวลาอันรวดเร็วภายในระยะเวลาเพียงเดือนเศษเท่านั้น หรือในประเทศไทยเองก็เกิดเป็นข่าวดังจากการติดเชื้อดังกล่าวที่กระจกตาเมื่อมารับการผ่าตัดในโรงพยาบาล ทำให้ผู้ป่วยบางรายถึงขั้นตาบอด

ทำไมเชื้อชนิดเดียวกันนี้จึงก่อให้เกิดโรคในลักษณะที่แตกต่างกันได้หลายโรค ?????????คำตอบนั้นอยู่ที่ตัวเชื้อนี้เป็นแบคทีเรียแกรมลบที่จัดเป็นเชื้อประเภทฉวยโอกาส นั่นหมายความว่า เชื้อนี้มักไม่ก่อโรคในคนที่มีสุขภาพดี แต่มักพบในผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ ซึ่งรวมไปถึงผู้ป่วยที่อยู่ในอาการโคม่าหรือผู้ป่วยที่พักรักษาตัวในโรงพยาบาล แบคทีเรียชนิดนี้สามารถแพร่กระจายและก่อโรคได้หลายระบบ อาทิเช่น การติดเชื้อที่กระจกตา ระบบประสาทส่วนกลาง เยื้อหุ้มหัวใจ ปอด ผิวหนังและเนื้อเยื่ออ่อน ทางเดินปัสสาวะ ปัญหาสำคัญของเชื้อนี้ คือ มักก่อให้เกิดการติดเชื้อในกระแสเลือด ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ เชื้อตัวยังมีความสามารถในการดื้อยาสูงและเชื้อบางสายพันธุ์ของกลุ่มนี้สามารถดื้อยาหลายขนาน หรือที่รู้จักกันว่า Multi-Drug Resistance (MDR)

สำหรับการติดเชื้อที่กระจกตาจากการใช้คอนแทคเลนส์นั้น ดังที่กล่าวแล้วไม่ใช่แต่เพียงผู้ใช้บิ๊กอายเท่านั้น แต่หมายรวมถึงคอนแทกเลนส์ทั่วไปด้วย สิ่งที่ต้องระวังก็คือ บิ๊กอายที่นำเข้ามาโดยไม่ถูกกฎหมาย ไม่ได้รับการรับรองมาตรฐาน ยิ่งตัวเลนส์มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางใหญ่กว่าตาดำของชาวเอเชียแล้ว ยิ่งอาจก่อความระคายเคืองเกิดรอยถลอก ทำให้โอกาสที่เชื้อผ่านชั้น เยื่อบุผิวตาดำ ไปสู่กระจกตามีมากยิ่งขึ้น เชื้อนี้ยังสามารถสร้างเอนไซม์หลายชนิด เช่น เอ็นไซม์ที่ใช้ย่อยโปรตีนซึ่งสามารถทำลายเยื่อบุผิวตาดำได้ นอกจากนี้ยังมีอาวุธประจำกายอื่นๆ ที่หลากหลายในการทำลายเนื้อเยื่อ ซึ่งอาจจัดแบ่งออกได้เป็นดังนี้
  1. การเข้าเกาะติดเนื้อเยื่อและทวีจำนวนเชื้อ
  2. การเข้าบุกรุกทำลายเซลล์
  3. สร้างเอนไซม์และท็อกซินที่เป็นพิษต่อเนื้อเยื่อ

เชื้อนี้ยังมีความสามารถในการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้ผลิตสารที่ทำลายกระจกตาได้ นอกจากนี้ยังกระตุ้นตัวรับ (receptor) เยื่อบุผิวตาดำให้จับตัวเชื้อแล้วกระตุ้นให้เซลล์สร้างสารที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบ ที่จะดึงดูดเซลล์เม็ดเลือดขาวเข้ามาที่กระจกตา เกิดการทำลาย เยื่อบุผิวตาดำ ก่อให้เกิดอันตรายจนอาจทำให้ตาบอดถาวรได้ ดังนั้น ก่อนเลือกใช้คอนแทกเลนส์ จึงควรตรวจสอบว่าผ่านการรับรองจากอย. หรือไม่ และควรดูแลทำความสะอาดเพื่อป้องกันการปนเปื้อนจุลินทรีย์อย่างสม่ำเสมอ

ที่มา : http://www.pharmacy.mahidol.ac.th/thai/knowledgeinfo.php?id=36
โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ มัลลิกา ชมนาวัง

ภาควิชาจุลชีววิทยา คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

29 มี.ค. 2555

3 ข้อ เตือนใจก่อนใส่บิ๊กอาย

อย.เตือน!! ก่อนใช้คอนแทคเลนส์ ควรปรึกษาจักษุแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อการใช้งานอย่างถูกต้องและเหมาะสม รวมถึงศึกษา วิธีการใช้ คำเตือน วิธีการเก็บรักษา ข้อห้ามใช้ และข้อควรระวัง ที่สำคัญเลือกซื้อคอนแทคเลนส์ที่ได้รับอนุญาตจาก อย. แล้ว โดยสังเกตได้จากเครื่องหมาย อย. บนฉลากกล่อง และควรสังเกตเดือน ปี ที่หมดอายุ ไม่ควรซื้อจากร้านค้า แผงลอยตามตลาด หรือศูนย์การค้า เพราะอาจเสี่ยงกับคอนแทคเลนส์ที่ไม่ได้มาตรฐาน รวมถึงหากใช้ไม่ถูกวิธี อาจถึงขั้นตาบอดได้ จึงขอมอบ คาถา 3 ข้อ คือ

1. ใช้คอนแทคเลนส์ ที่ได้รับอนุญาตจาก อย.
2. ใช้อย่างถูกวิธี
3. รักษาความสะอาดอยู่เสมอ


นพ.พงศ์พันธ์ วงศ์มณี รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เปิดเผยว่า คอนแทคเลนส์ หรือเลนส์สัมผัสที่มีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เพื่อแก้ไขความผิดปกติของสายตาหรือเพื่อความสวยงาม จัดเป็นเครื่องมือแพทย์ที่ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าต้องได้รับอนุญาตตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง เลนส์สัมผัส ดังนั้น คอนแทคเลนส์หรือเลนส์สัมผัส บนฉลากหรือเอกสารกำกับเครื่องมือแพทย์นั้นจะต้องระบุ ชื่อสินค้า วัสดุที่ใช้ทำ ค่าพารามิเตอร์ (กำลังหักเห ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง รัศมีความโค้ง) เลขที่ใบอนุญาต ระยะเวลาการใช้งาน วิธีการใช้ วิธีการเก็บรักษา

สาววัยรุ่น ใส่บิ๊กอาย ตาโต แอ๊บแบ๊ว เกาหลี


คำเตือนโดยแสดงข้อความว่า..
'การใช้เลนส์สัมผัสควรได้รับ การสั่งใช้ และตรวจติดตามทุกปี โดยจักษุแพทย์หรือผู้ประกอบโรคศิลปโดยอาศัยทัศนมาตรศาสตร์เท่านั้น' 'การใช้คอนแทคเลนส์โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ที่ผิดวิธีมีความเสี่ยงต่อการอักเสบหรือการติดเชื้อของดวงตา อาจรุนแรงถึงขั้นเสียสายตาอย่างถาวรได้'

ข้อห้ามใช้โดยแสดงข้อความว่า..
'ห้ามใส่คอนแทคเลนส์สัมผัสนานเกินระยะเวลาใช้งานที่กำหนด' 'ห้ามใช้เลนส์สัมผัสร่วมกับบุคคลอื่น'
'ห้ามใส่เลนส์สัมผัสทุกชนิดเวลานอน ถึงแม้จะเป็นชนิดใส่นอนได้ก็ตาม ควรถอดล้างทำความสะอาดทุกวัน'

รวมทั้งข้อควรระวังในการใช้ ทั้งนี้ ผู้ขายต้องขายเฉพาะคอนแทคเลนส์หรือเลนส์สัมผัสที่ได้รับอนุญาตจาก อย. และต้องดูแลให้มีฉลากและเอกสารกำกับเครื่องมือแพทย์ตามที่ได้รับอนุญาตไว้ รวมถึงการโฆษณาคอนแทคเลนส์หรือเลนส์สัมผัสใดๆ ต้องได้รับอนุญาตจาก อย. ก่อน

รองเลขาธิการฯ อย. กล่าวต่อไปว่า ก่อนตัดสินใจใช้คอนแทคเลนส์ควรปรึกษาจักษุแพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อการใช้งานอย่างถูกต้องและเหมาะสม รวมถึงศึกษาวิธีการใช้ วิธีการเก็บรักษา ระยะเวลาการใช้งาน คำเตือน ข้อห้ามใช้ และข้อควรระวัง ที่สำคัญ เลือกซื้อคอนแทคเลนส์ที่ได้รับอนุญาตจาก อย. แล้ว โดยสังเกตได้จากเครื่องหมาย อย. บนฉลากกล่อง และควรสังเกตเดือน ปี ที่หมดอายุ ไม่ควรซื้อคอนแทคเลนส์จากร้านค้า แผงลอยตามตลาด หรือศูนย์การค้า เพราะอาจได้รับอันตรายจากการใช้คอนแทคเลนส์ที่ไม่ได้มาตรฐาน และก่อนการใช้ควรอ่านฉลากและเอกสารกำกับเครื่องมือแพทย์ให้เข้าใจเสียก่อน เพราะหากใช้ไม่ถูกวิธี อาจทำให้เกิดการแพ้ ติดเชื้อ กระจกตาเป็นแผล จนถึงขั้นตาบอดได้ ปัญหาที่พบบ่อยสำหรับผู้ใช้คอนแทคเลนส์ คือ การรักษาความสะอาดอย่างไม่ถูกต้อง ทั้งการล้าง แช่ และเก็บรักษา ซึ่งก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อแบคทีเรียอันตรายถึงขั้นทำให้ตาบอดได้เช่นกัน


อันตรายจากการใส่ บิ๊กอาย

ดังนั้น เพื่อการใช้คอนแทคเลนส์อย่างปลอดภัย อย.จึงขอมอบคาถา 3 ข้อ คือ
1. ใช้คอนแทคเลนส์ที่ได้รับอนุญาตจาก อย.
2. ใช้อย่างถูกวิธี
3. รักษาความสะอาดอยู่เสมอ

ที่มาจาก : กองพัฒนาศักยภาพผู้บริโภค อย.

27 ส.ค. 2554

วิธีเลือกน้ำยาล้างคอนแทคเลนส์

อย่างที่เราทราบกันดีนะคะว่าปัจจุบันนี้ น้ำยาล้างคอนแทคเลนส์มีหลากหลายชนิด แต่ละชนิดก็มีข้อดีข้อเสียต่างกัน ดังนั้นการเลือกใช้น้ำยาล้างชนิดใดก็ควรเลือกด้วยความระมัดระวังและเลือกให้เหมาะกับลักษณะการใช้งาน...

น้ำยาล้างคอนแทคเลนส์
  1. เลือกใช้แบบล้าง แช่ และกำจัดคราบโปรตีนในขวดเดียวน้ำ ยาในรูปแบบนี้ไม่ค่อยมีปัญหาเวลาเข้าตา สามารถฆ่าเชื้อโรคได้ดีพอสมควร ปัญหาที่เกิดมักเกิดจากการที่น้ำยาประเภทนี้ล้างทำคราบโปรตีนติดแน่นได้ไม่ค่อยดีนัก ปัจจุบันมักมีการโฆษณาว่าน้ำยาประเภทนี้ไม่ต้องถูเลนส์ก็ล้างได้ดี ในความเป็นจริงแล้วการถูเลนส์ยังเป็นสิ่งจำเป็นอยู่ เพื่อให้น้ำยาประเภทนี้ใช้งานได้ดีปัญหาอีกประการ คือ น้ำยานี้โดยมากจะเหลือคราบสกปรกไว้ ซึ่งนั่นอาจจะทำให้ผู้ใช้เกิดการแพ้สารกันเชื้อโรคในน้ำยานั้น น้ำยาประเภทนี้ใช้ได้ดีที่สุดกับคอนแทคประเภทใส่แล้วทิ้ง
  2. เลือกใช้แบบล้าง แช่ และกำจัดคราบโปรตีนแยกขวดกัน พวกนี้ส่วนมากจะล้างได้ดีกว่า สามารถฆ่าเชื้อโรคได้ดีถึงดีมาก มักมียาเม็ดที่ให้แช่ไว้สำหรับล้างคราบโปรตีนทุกๆ เดือน ปกติแล้วน้ำยาชนิดนี้ใช้ได้ดีกับเลนส์ที่ใส่ประจำ เพราะล้างคราบโปรตีนได้ดี ข้อเสียคือ อาจมีอาการแพ้จากสารประกอบในน้ำยาได้ไม่ค่อยสะดวก แล้วถ้าล้างน้ำยาล้างออกไม่หมดก็จะทำให้ตาเจ็บ ตาแดง และอาจต้องไปพบแพทย์อีกด้วย
  3. เลือกใช้แบบ Hydrogen Peroxide กลุ่มน้ำยาในรูปแบบนี้มักแยกเป็น 2 ขวด ขวดแรกเป็นล้างเลนส์ก่อนฆ่าเชื้อ ขวดที่สองใช้ใส่ในขวดพิเศษพร้อมกับเลนส์ ส่วนมากอันนี้ต้องแช่ไว้ค้างคืน น้ำยาประเภทนี้ฆ่าเชื้อได้ดีมาก ใช้ได้กับคอนแทคเลนส์เกือบทุกชนิด แต่ไม่ค่อยสะดวกเพราะใช้เวลานานในขั้นตอนต่างๆ และเมื่อแช่เลนส์แล้วเอามาใช้ทันทีไม่ได้ จำเป็นต้องแช่ให้ครบกำหนดเวลา ถ้านำเลนส์ออกมาใส่ก่อนครบกำหนดเวลาก็อาจทำให้ตาเจ็บ ตาแดง ต้องรีบไปพบแพทย์ทันที
จำไว้ให้ขึ้นใจว่าควรให้ความสำคัญกับการเลือกน้ำยาล้างคอนเทคเลนส์ ให้เหมาะกับลักษณะการใช้งานคอนเทคเลนส์ของเราด้วย เพื่อที่ดวงตาของเราจะได้สวยใสและปลอดภัยยังไงล่ะ


ที่มา :  variety.teenee.com/foodforbrain/37740.html


บทความที่เกี่ยวข้อง

14 ส.ค. 2554

วิธีสังเกตความผิดปกติของดวงตา และแนวทางการรักษา

ผลแทรกซ้อนของคอนแทคเลนส์ที่มีได้ก็เสมอคือเรื่องการติดเชื้อ การติดเชื้อที่เกิดขึ้นจะรุนแรงกว่าตาแดงตาอักเสบทั่วไปที่ไม่มีคอนแทคเลนส์ เพราะว่าเชื้อมักจะเกาะอยู่ที่คอนแทคเลนส์และทำให้ภูมิคุ้มกันและยาเข้าไปไม่ถึง นอกจากนี้การติดเชื้่อก็มักจะมีเชื้อที่รุนแรงไม่เจอบ่อย


ใส่คอนแทคเลนส์ ตาผิดปกติ

การติดเชื้ออย่างเบาๆมีตั้งแต่ตาแดง กระจกตาอักเสบ แผลที่กระจกตา ไปจนถึงติดเชื้อเข้าไปในลูกตาซึ่งสองชนิดหลังสามารถทำให้ตาบอดได้เลยทีเดียว และที่เจอได้ต่อมาก็คืออาการตาแห้ง เจอได้บ่อยในผู้ป่วยที่ใช้คอนแทคเลนส์มานานๆหรือแพ้น้ำยาล้างหรือคอนแทคเลนส์ ผลข้างเคียงทั้งสองอย่างนี้เจอได้มากขึ้นหากว่าใช้ผิดวิธี เช่น ใส่นานเกินวันละ 8 ชั่วโมง ใส่แล้วนอนหลับค้างคืน หรือล้างน้ำยาได้ไม่สะอาดพอ , การใช้คอนแทคเลนส์ที่ไม่เหมาะสม เช่น ออกซิเจนผ่านน้อยไป เลือกขนาดความโค้งไม่เหมาะสม หากพบว่าใส่แล้วเกิดอาการเคืองตา ควรตรวจสอบว่าคอนแทคเลนส์ที่ใช้มีคุณสมบัติที่เหมาะสมหรือไม่ ควรถอดออกแล้วพักการใช้เปลี่ยนไปใช้แว่นสายตาแทน หากตาแดง ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจดูว่ามีแผลที่กระจกตาหรือไม่ เพราะแผลเหล่านี้ไม่สามารถสังเกตได้ง่ายๆด้วยการมองตาเปล่า

ผลข้างเคียงเหล่านี้สามารถพบได้ แม้ว่าจะใช้คอนแทคเลนส์ที่มีคุณภาพดีอย่างถูกต้องและปฏิบัติทุกวิธีอย่างเหมาะสม แต่ผลข้างเคียงจะเพิ่มขึ้นได้มากหากใช้คอนแทคเลนส์ที่คุณภาพไม่ดีหรือผิดวิธีได้แก่

  1. คอนแทคเลนส์ที่ไม่ได้มาตรฐาน บางชนิดอาจจะมีสารที่ทำให้เกิดการระคายเคืองต่อตาได้ หลายครั้งพบว่าใส่ๆไปแล้วสีหลุดออกมาติดลูกตาเลยก็มี
  2. พวกคอนแทคเลนส์กลุ่มประดับ หลายตัวเป็นชนิดแข็งกว่าปกติ พวกนี้บาดระคายเคืองง่าย ออกซิเจนผ่านน้อย โอกาสเกิดการติดเชื้อสูงกว่าปกติอยู่แล้ว
  3. ในกลุ่มที่มีสีสรรแปลกๆ ต้องระวังเรื่องความร้อนไว้ด้วย เนื่องจากมีรายงานว่าถ้าหากใส่แล้วไปเจอความร้อนหรือเลเซอร์เวลารักษาสิว สีที่ปกติไม่หลุดออกมาก็สามารถหลุดออกมาได้ (เลนส์ไม่ละลาย แต่สีละลายหลุดมาติดกับลูกตาสีสรรสดใสและงดงาม)

ข้อมูลที่ควรรู้ก่อนซื้อคอนแทคเลนส์มาใช้

สิ่งหนึ่งที่คนเข้าใจผิดก็คือ แค่รู้ว่าสายตาเราสั้นยาวแค่ไหนก็เลือกซื้อได้ทันที แต่สิ่งหนึ่งที่คนหลายๆคนไม่ทราบก็คือ การเลือกคอนแทคเลนส์มีอีกข้อมูลที่สำคัญคือ ค่า BC

ค่า BC หรือ Base Curve Radius คือค่าความโค้งของคอนแทคเลนส์ด้านที่สัมผัสกับกระจกตาของเรา ค่า BC ที่น้อยเกินไปก็จะคับเกินไป ทำให้คอนแทคเลนส์ฟิตกับกระจกตาเกิน ใส่ไม่สบาย เกิดแผลที่กระจกตาได้ง่าย ส่วนค่า BC ที่มากเกินไปก็จะหลวมเกินไป ทำให้เกิดการเลื่อนจากตำแหน่งได้ง่าย

การเลือกซื้อ สิ่งที่ควรทำคือ รู้ค่าสายตาว่าสั้นยาวเอียงเท่าใด รู้ค่าBC จากนั้นค่อยเลือกชนิดของคอนแทคเลนส์หรือยี่ห้อที่ต้องการ (ถ้าร้านนั้นไม่มีชนิดที่เหมาะกับเราก็เปลี่ยนร้านไปหาร้านอื่นก่อน) บางคนบอกว่าคอนแทคเลนส์ที่มีในแต่ละรุ่นไม่ได้มีค่า BC และค่าสายตาครบทุกค่า บางยี่ห้อมีสายตาสั้นอย่างเดียว บางยี่ห้อมีไม่ถึงสายตาของเรา บางยี่ห้อมีความโค้งให้เลือกแค่ขนาดเดียวถ้าเป็นอย่างนั้นต้องตัดใจ ถ้ารุ่นนั้นยี่ห้อนั้นไม่มีอันที่เหมาะกับดวงตาของเรา เราก็ต้องไปเลือกรุ่นและยี่ห้ออื่นแทน

นอกจากนี้คนที่ขายต้องสอนวิธีการใช้ที่ถูกต้องทุกขั้นตอน ตั้งแต่การใส่ การระวังความสะอาด การใช้น้ำยาเพื่อทำความสะอาดเลนส์ (น้ำตาที่ใช้มีหลายชนิด) รวมทั้งการระวังสิ่งผิดปกติที่จะเกิดขึ้น และร้านไหนที่มีการวัดสายตา อย่าลืมถามหาค่า สายตาสั้นยาวและค่า BC จากเค้าด้วย เพื่อจะได้เอาไว้ใช้เลือกซื้อคอนแทคเลนส์ในภายหลัง ถ้าคนขายคนไหนไม่ทราบเรื่องค่า BCหรือบอกว่าอันไหนๆก็เหมือนกัน ก็ลองหันดูร้านอื่นดูหน่อยแล้วกัน เพื่อความปลอดภัยของดวงตาคุณเอง.. 

Loading

Share

Twitter Delicious Facebook Digg Stumbleupon Favorites More