พิษบิ๊กอาย
1.พบว่ามีผู้ป่วยเข้ารับการรักษาด้วยอาการตาบวม เป็นสีแดงก่ำ ปวด และมีขี้ตาเป็นสีเขียวออกมาตลอดเวลา ทั้งเพศชายและหญิง ทุกรายเป็นวัยรุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี เมื่อส่องกล้องพบว่ามีรอยขาวขุ่นอยู่ในตาดำ เป็นลักษณะของการเกิดแผลที่กระจกตาดำ ผู้ป่วยต้องเข้ารักษาเป็นผู้ป่วยใน ผลจากการเก็บตัวอย่างส่งตรวจหาสาเหตุ พบว่า ตาติดเชื้อแบคทีเรียสูโดโมแนส แอรูจิโนซา ซึ่งเป็นแบคทีเรียที่สามารถกินทะลุกระจกตาดำภายใน 2 วัน หากรักษาไม่ทันอาจส่งผลให้ตาบอด หรือต้องควักลูกตาออก เพื่อไม่ให้ลามไปยังอวัยวะอื่น เนื่องจากเชื้อแบคทีเรียชนิดนี้เข้าสู่กระแสเลือดได้ ในการรักษาตาติดเชื้อแบคทีเรียสูโดโมแนส แอรูจิโนซา ต้องใช้เวลานานและต้องให้ยาฆ่าเชื้อชนิดแรงทั้งแบบยาฉีดและยาหยอดตา
2.สาเหตุที่ทำให้ตาติดเชื้อแบคทีเรียชนิดนี้ เกิดจากการใส่คอนแทคเลนส์บิ๊กอาย ผู้ป่วยทุกรายมีประวัติใส่บิ๊กอายทั้งสิ้น โดยซื้อจากแผงลอยวางขายทั่วไปตามตลาดนัด สะพานพุทธ หรือย่านขายของวัยรุ่น สั่งซื้อจากอินเตอร์เน็ต หรือซื้อจากเพื่อนที่เป็นนายหน้าขายตรงด้วยการมีแคตตาล็อกแบบของบิ๊กอายให้ เลือกเป็นชนิดใส่รายปี ในราคาคู่ละ 300 บาท ซึ่งขณะนี้กำลังเป็นที่นิยมใส่อย่างมากในกลุ่มพนักงานบริษัท หรือคนวัยทำงาน รวมทั้งนักเรียน นักศึกษาทั้งหญิงและชาย สวมใส่ตั้งแต่เรียนอยู่ในชั้นระดับมัธยมต้น
4.ขณะที่ผู้ป่วยตาติดเชื้อจนเกิดแผลที่กระจกตาดำอีกรายอายุ 14 ปี บอกว่า ซื้อบิ๊กอายจากร้านแผงลอยย่านสะพานพุทธ ใช้ได้ 3-4 เดือนเริ่มเกิดอาการแสบตา และตาแดงมาก รู้สึกเหมือนมีอะไรขาวๆ อยู่ในตาตลอดเวลา เจ็บมาก
แผลที่กระจกตาดำ
1.มักเกิดกับผู้ที่ละเลยกับการใส่ใจดูแลตัวเอง ใส่คอนแทคเลนส์เป็นประจำ พฤติกรรมการเปลี่ยนใส่คอนแทคเลนส์ เพียงแค่ลืมถอดคอนแทคเลนส์ก่อนนอน หรือเพียงแค่ลืมดูวันหมดอายุการใช้งานของคอนแทคเลนส์ การดูแลรักษาความสะอาดไม่เพียงพอ ก็อาจมีผลถึงกับทำให้ตาบอดได้
2.อาการของโรค ได้แก่ ปวดในตา ตาแดง น้ำตาไหล สู้แสงไม่ได้ บีบตา ตามัว ตรวจพบกระจกตาขุ่น บวมและอักเสบ
3.การเกิดภาวะแทรกซ้อน ทำให้กระจกตาเปลี่ยนสภาพ เกิดเป็นต้อหิน ต้อกระจก มักเป็นในรายที่ได้ยาขนาดเข้มข้นนานๆ บางรายกระจกตาบางลงและทะลุ อาจเกิดการติดเชื้อลุกลามเข้าลูกตา
4.ระดับของแผลที่กระจกตาชนิดเล็กน้อย แผลมีขนาดน้อยกว่า 2 มม. ความลึกของแผลน้อยกว่า 20% ของความหนาของกระจกตา
5.แผลระดับปานกลางขนาด 2-5 มม. ความลึกของแผล 20-50% ของความหนาของกระจกตา
6.แผลรุนแรงขนาดใหญ่กว่า 5 มม. ความลึกของแผลมากกว่า 50% ของความหนาของกระจกตา
ภาวะเสี่ยงต่อการเป็นโรค
1.ผู้ที่ใส่คอนแทคเลนส์ผิดวิธี ใส่คอนแทคเลนส์ที่หมดอายุ ใส่คอนแทคเลนส์ขณะนอนหลับ กระจกตาต้องการออกซิเจนเข้าไปหล่อเลี้ยง เมื่อมีคอนแทคเลนส์ขวางอยู่ ทำให้ออกซีเจนไม่สามารถเข้าไปเลี้ยงกระจกตาได้ การไม่ล้างกล่องใส่คอนแทคเลนส์และคอนแทคเลนส์ทำให้เกิดการสะสมของเชื้อโรค เมื่อใส่คอนแทคเลนส์ที่มีเชื้อโรคสะสมอยู่ ทำให้เชื้อโรคที่สัมผัสกระจกตาปล่อยสารที่มีฤทธิ์ย่อยเยื่อกระจกตา เป็นสาเหตุของโรคกระจกตาเปือย
2.บางรายอาจเกิดจากอุบัติเหตุที่ทำให้เกิดแผลที่ดวงตา แผลที่กระจกตาเป็นภาวะที่กระจกตาอักเสบเป็นแผล ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ตาบอด พบเป็นอันดับสองรองจากต้อกระจก โดยการติดเชื้อที่กระจกตาทำให้มีแผลเป็นและมีฝ้าขาวที่กระจกตา การมองเห็นลดลงสายตาเลือนลาง และตาบอดได้ในบางราย ซึ่งสาเหตุเกิดได้จากทั้งเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา ไวรัส ปรสิต หรืออาจมีประวัติจากการเกิดอุบัติเหตุที่ตามาก่อนหรือไม่ก็ได้
3.การใส่คอนแทกเลนส์ติดต่อกันหลายวัน โดยไม่ได้ล้างทำความสะอาด ทำให้เชื้อโรคที่สัมผัสกระจกตาอยู่ ปล่อยสารออกฤทธิ์ย่อยเยื่อกระจกตาไปเรื่อยๆ ยิ่งเสี่ยงต่อโรคกระจกตาเปือย ซึ่งรุนแรงถึงขั้นตาบอดในชั่วข้ามคืนได้
การรักษา
- เริ่มให้ยาให้เร็วที่สุด หลังจากการวิเคราะห์การเพาะเชื้อของแผล และให้ยาที่ครอบคลุมเชื้อหลายชนิดก่อน และเมื่อทราบเชื้อ จึงเปลี่ยนหรือปรับยาที่เฉพาะต่อเชื้อที่สุดด
- การให้ยาจะประกอบด้วยยาปฏิชีวนะ ให้ตามกลุ่มที่พบเชื้อจากการย้อมสี ถ้าไม่พบเชื้อ ควรให้ยาที่มีฤทธิ์กว้าง เช่น Cefazolin Ceftazidime ร่วมกับ Tobramycin หรือ Gentamicin หรือใช้ยาตัวเดียว เช่น Ciprofloxacin
- การหยอดตาควรหยอดบ่อยๆ ทุก 5-15 นาที ในชั่วโมงแรก โดยเว้น 5 นาที ถ้าใช้ยาตัวอื่นด้วยเพื่อเพิ่มปริมาณยาให้ถึงระดับเร็วๆ หรืออาจหยอดทุก 1 นาที เป็นวลา 5 นาที และซ้ำแบบนี้ทุก 30 นาที แล้วจึงห่างเป็นทุก 30-60 นาทีต่อไป
- คอนแทคเลนส์ตาโตสีๆที่ขายทั่วไป อาจทำให้เราเห็นไม่ชัด เนื่องจากเส้นสีของเลนส์อาจขยับบังการมองเห็นของเรา ตัวเลนส์หนา ทำให้อากาศถ่ายเทไม่สะดวก ส่งผลให้ตาแห้ง
- ล้างและถูตัวเลนส์ก่อนเก็บและก่อนใส่ทุกครั้ง วิธีล้างคือเทน้ำยาลงที่ตัวเลนส์ ถูเลนส์ เทน้ำยาทิ้ง ทำแบบนี้สัก 2-3 ครั้ง เพื่อเอาคราบโปรตีนและสิ่งสกปรกออก
- หมั่นเปลี่ยนน้ำยาที่แช่เลนส์บ่อยๆ เพราะเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค
- คอนแทคเลนส์รายเดือนดีกว่ารายปี ยิ่งใส่นาน เชื้อโรคยิ่งสะสมมาก
- อย่าใส่ติดต่อกันนานจนเกินไปประมาณ 12 ชม. ก็ควรถอดและเปลี่ยนมาใส่แว่นแทนบ้าง เพื่อเป็นการให้ตาได้ถ่ายเทออกซิเจนได้สะดวก
- หากนั้งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์นาน ให้ละสายตามองออกไปข้างนอกบ้าง
- คอนแทคเลนส์ตาโตคุณภาพไม่ดีเท่าคอนเทคเลนส์ทั่วไป
- กระพริบตาหรือหลับตาบ่อบๆ ตาจะได้ไม่แห้ง
ที่มา : นพ.วรวุฒิ เจริญศิริ
ศูนย์ข้อมูลสุขภาพกรุงเทพ
www.bangkokhealth.com/index.php/eyes/3685-Big-Eyes.html