แฟชั่น บิ๊กอาย

บิ๊กอาย กับ แฟชั่นในปัจจุบัน

เลนส์ตาโต เป็นคอนแทคเลนส์ชนิดตาโต หรือที่วัยรุ่นเรียกกันว่า “บิ๊กอาย”จะเหมือนกับคอนแทคเลนส์แฟชั่นสมัยก่อนที่มีสีสันให้เลือกมากมาย แต่ที่แตกต่างคือ เลนส์สีบริเวณตรงกลางดวงตาจะเป็นเลนส์ใสปกติแต่บริเวณขอบเลนส์จะมีสีดำ ทำให้ขอบตาคุณดูชัดมากขึ้น มีราคาตั้งแต่ 450 – 2,000 บาท

ใส่บิ๊กอายตาติดเชื้อ

บิ๊กอายทำตาบอด ติดเชื้อแบคทีเรีย แพทย์เตือนวัยโจ๋

แพทย์เตือนอันตรายจากคอนแทกท์เลนส์ "บิ๊กอาย" หลังมีผู้ป่วยติดเชื้อสูโดโมแนสที่ตา ทำให้เกิดการอักเสบอย่างรุนแรงต้องเข้ารับการรักษาตัวแล้ว 4 ราย จักษุแพทย์ ระบุ เป็นแบคทีเรียร้ายแรงลามกินตาดำได้ภายใน 2 วัน รักษาไม่ทันถึงขั้นตาบอด ผู้ป่วยรับหาซื้อง่ายแม้กระทั่งตามตลาดนัด จี้ภาครัฐออกมาเข้มงวด เพราะจัดอยู่ในกลุ่ม เครื่องมือแพทย์ ต้องได้รับอนุญาตจาก อย.

เลดี้ กาก้า Lady Gaga ใส่บิ๊กอาย

เลดี้กาก้า นำเทรนบิ๊กอาย อเมริกาเตือน Big Eye เป็นอันตราย ผิดกฏหมายในอเมริกา

นับตั้งแต่กระแสความโด่งดังของ Music Video "Bad Romance" ของนักร้องสาวชาวอังกฤษ Lady Gaga ทำให้วัยรุ่นอเมริกันเริ่มนิยมใส่ Contact Lenses ที่เรียกว่า "Big Eye" กันเป็นจำนวนมาก จนหลายฝ่ายต้องออกมาเตือนในการใช้และการเลือกซื้อ เพราะวัยรุ่นจำนวนมากนิยมสั่งซื้อผ่านอินเตอร์เน็ต จากร้านค้าออนไลน์ในแถบเอเชีย...

บิ๊กอาย คอนแทคเลนส์ปลอม

อันตรายจากการใช้คอนแทคเลนส์แฟชั่น "บิ๊กอาย"

กระแสคอนแทคเลนส์แฟชั่นได้แพร่ระบาดเข้าสู่ประเทศไทยเมื่อประมาณต้นปี 2549 ที่ผ่านมา โดยวัยรุ่นไทยนิยมใส่คอนแทคเลนส์แฟชั่นเพื่อให้ตา กลมโตเลียนแบบดาราเกาหลี และญี่ปุ่น คอนแทคเลนส์แฟชั่นดังกล่าวเป็นที่รู้จักกันดีในนาม บิ๊กอายส์ หรือ คอนแทคเลนส์ตาโต ราคาก็มีตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักพัน ระยะเวลาการใช้งานก็มีให้เลือกหลากหลาย ตั้งแต่ 1 เดือนไปจนถึง 1 ปี

14 พ.ค. 2553

คอนแทคเลนส์ หรือ เลนส์สัมผัส

เลนส์สัมผัสหรือที่เราเรียกกันทับศัพท์ง่ายๆ ว่า คอนแทคเลนส์นั้น เป็นวิวัฒนาการทางจักษุวิทยาที่นำมาใช้แทนแว่นตา ช่วยแก้ปัญหาและขจัดความรำคาญของการใช้แว่นตา เสริมสร้างบุคลิกให้ผู้ที่มีสายตาผิดปกติให้มีความสวยงามเหมือนธรรมชาติ ไม่มีร่องรอยของแว่นตา และทำให้การมองเห็นภาพได้ชัดเจน เสมือนตาปกติโดยไม่ต้องใช้แว่นตา บางครั้งทำให้สะดวกและปลอดภัยในขณะที่เล่นกีฬาแทนการใส่แว่นตา

เลนส์สัมผัส แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ
  1. คอนแทคเลนส์ชนิดแข็ง หรือ Hard Contact Lens เป็นเลนส์ที่ทำด้วยพลาสติกแข็งน้ำซึมผ่านไม่ได้เลย
  2. เลนส์ชนิดนิ่ม เป็นเลนส์ที่ทำด้วยพลาสติกที่สามารถอมน้ำได้ ตั้งแต่ 35 ถึง 65 เปอร์เซ็นต์ จึงทำให้นิ่มมีรูเล็กๆ และน้ำซึมผ่านได้ ช่วยให้ออกซิเจนสามารถละลายผ่านเข้าไปถึงกระจกตาได้สะดวกขึ้น แต่ก็มีผลเลียที่เลนส์ชนิดนี้ จะจับเอาโปรตีน เยื่อเมือก เกลือแร่ และอนุภาคต่างๆ ที่มีอยู่ในน้ำตาเข้าไว้ในตัวเลนส์ ทำให้เลนส์สกปรกง่าย เป็นฝ้า ชำรุดเกิดอาการแพ้และระคายเคืองตาได้ จึงต้องคอยระวังรักษาอย่างดี หมั่นทำความสะอาดโดยการใช้ระบบความร้อนทำความสะอาด หรือใช้น้ำยาแช่ทำความสะอาดแทนความร้อน

การเลือกซื้อคอนแทคเลนส์
คนเราแต่ละคน แตกต่างกัน บางคน ตาโต บางคนตาเล็ก ตาโปน ตาลึก ไม่เหมือนกัน คอนแทคเลนส์ที่ดีควร พอดีกับตาคนคนนั้น ทั้ง สายตา และกระชับตาดี

เลนส์ที่กำลังสายตาพอดี จะทำให้ท่านเห็นได้ชัดเจน สบายตา ไม่ต้องเพ่ง แต่ถ้าใส่เลนส์แล้วรู้สึกว่า เดี๋ยวชัดเดี๋ยวไม่ชัด แสดงว่า เลนส์ชิ้นนั้นไม่กระชับพอดีตา ลองทดลองด้วยตัวเองแบบง่ายๆ ถ้าท่านใส่เลนส์อยู่ให้หลับตาลง เมื่อลืมตาขึ้น ถ้าภาพมัวแล้วค่อยๆ ชัดขึ้น ก็แสดงว่าเลนส์ที่ใส่อยู่นั้น หลวมเกินไป แต่ในทางกลับกัน ถ้าลืมตาขึ้น ภาพคมชัด แล้วค่อยๆ มัวลง ต้องกระพริบตาบ่อยๆ ถึงชัดขึ้น มักเกิดจากเลนส์คับเกินไป อาจต้องใช้เลนส์ที่หลวมกว่านั้น โดยส่วนมากผู้บริโภคส่วนใหญ่เข้าใจว่า Contact Lens เป็น Free Size


การเริ่มต้นใช้เลนส์อย่างถูกวิธี
  1. ควรบอกจักษุแพทย์ เป็นผู้เลือกเลนส์ที่น่าจะเหมาะสมกับคุณ
  2. บอกความต้องการของคุณให้ชัดเจนว่า ต้องการใช้เลนส์อะไร เอาเลนส์นิ่มหรือแข็ง อยากให้ชัดมากๆ หรือเอาสบายๆ เข้าไว้
  3. อยากใส่เลนส์ทุกวันหรือเฉพาะวัน
  4. เอาแบบเปลี่ยนรายวัน หรือเอาแบบประหยัด
  5. ถ้าคุณเป็นคนแพ้ง่าย ก็บอกไปด้วย
  6. งานอาชีพของคุณ ถ้าเป็นคอมพิวเตอร์ เป็นพนักงานบนเครื่องบิน เป็นศัลยแพทย์ มีข้อพิจารณา ข้อระวังในการ เลือกเลนส์เหมือนกัน

คุณหมอจะให้คุณลองคอนแทคเลนส์ที่เลือกไว้ ประเมินผลเบื้องต้นถ้าพอดี ก็ให้กลับไปใช้ชีวิตประจำวันสัก 2-3 วัน แล้วนัดกลับมาตรวจอีกครั้งให้แน่ใจว่าเลนส์พอดี แต่พอไปใส่ทำงาน เมื่อตาแห้งเลนส์หลวมลง เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยคุณควรขอใบ Prescription จากคุณหมอ เพื่อสั่งซื้อเลนส์ในคราวต่อๆ ไป ซึ่งอาจซื้อตามร้านค้า หรือเดี๋ยวนี้สั้งทำทาง Internet ก็ได้


เมื่อได้เลนส์มา ควรตรวจสอบที่ข้างกล่องว่า ตรงกับใน Prescrition หรือไม่ ซึ่งประกอบด้วย
  • Lens Power สั้นยาว เอียง เท่าไร
  • Base Curve ซึ่งย่อว่า B.C. หมายถึง ความคับหลวมของเลนส์
  • Diameter หรืเส้นผ่านศูนย์กลาง

เลนส์ต่างยี่ห้อที่กำลังเท่ากัน มี Base curve เท่ากัน อาจจะใส่ไม่พอดีเหมือนเดิม ถ้าใส่เลนส์อะไรพอดีแล้ว ควรใช้แบบเดิมตลอด ไม่ควรเปลี่ยนบ่อยๆ หลายคนใช้คอนแทคเลนส์ไปเรื่อยๆ โดยไม่เคยมาพบแพทย์เลย ลองคิดดูนะคะ การใช้คอนแทคเลนส์ต้องเสียเงินอย่างต่ำ ปีละ 4- 5 พันบาทอยู่แล้ว แถมการใช้ที่ไม่ถูกต้องยังเสี่ยงกับสุขภาพตาได้ การให้คุณหมอช่วยเลือกเลนส์ให้ คุณจะมั่นใจว่า คุณจะใช้เงินของคุณอย่างคุ้มค่า ได้ดวงตาที่มีสุขภาพ


ข้อสำคัญ
  1. ควรล้างมือให้สะอาดทุกครั้งก่อนใส่หรือถอดเลนส์
  2. อย่าใช้ยาหยอดตาทุกชนิดขณะใส่เลนส์
  3. ควรถอดเลนส์ก่อนนอนทุกคืน (อันนี้สำคัญมาก)
  4. อย่าใส่เลนส์ขณะตาอักเสบ หรือถ้ามีอาการผิดปกติใดๆ เกิดขึ้นควรรีบปรึกษาจักษุแพทย์และปฏิบัติตามคำแนะนำโดยเคร่งครัด

ระวังคอนแทคเลนส์ปลอม

วัยรุ่นกับแฟชั่น นับว่าเป็นสิ่งที่อยู่คู่กันมาโดยตลอด มีการหมุนเวียนเปลี่ยนกระแสนิยมในเรื่องการแต่งกายไปเรื่อย ๆ และที่เริ่มได้รับความนิยมล่าสุดก็คือ คอนแทคเลนส์ตาโต หรือที่เรียกว่า “บิ๊กอาย” ที่ทำให้ตาโตเหมือนสาวเกาหลี ญี่ปุ่น ประกอบกับมีให้เลือกหลากหลายสี เช่น สีฟ้า สีเขียว สีน้ำตาล หรือมีลายประกายสีม่วง สีเทา ซึ่งจะทำให้ดวงตาดูแปลกไปจากเดิม

คอนแทคเลนส์เหล่านี้ มิได้มีขายแต่ในร้านขายแว่นตาหรือร้านขายยาเท่านั้น เพราะตามแผงลอย แผงแบกะดินก็มีวางขายเช่นกัน นอกจากนั้นยังเสนอขายในราคาที่เย้ายวนให้ตัดสินใจซื้อ เพราะมีราคาที่ถูกกว่าในร้าน จึงเป็นเหตุให้มีของเลียนแบบหรือคอนแทคเลนส์ปลอมเกิดขึ้น

สิ่งที่น่ากังวลก็คือความปลอดภัยต่อการนำไปใช้ เพราะหากเป็นคอนแทคเลนส์ปลอม หรือของเลียนแบบ อาจมีคุณภาพที่ไม่ได้มาตรฐาน จึงเป็นอันตรายต่อลูกตาและเสี่ยงต่อการติดเชื้อจากโรคต่าง ๆ จนอาจถึงขั้นทำให้ตาบอดได้

ดังนั้นจึงควรให้ความสำคัญกับแหล่ง ร้านค้าที่จำหน่าย โดยเลือกซื้อจากร้านที่มีความน่าเชื่อถือและไว้ใจได้ หรือหมั่นตรวจสอบทุกครั้งว่าคอนแทคเลนส์ที่เลือกซื้อมีการบรรจุอย่างเรียบ ร้อยและมีฉลากกำกับที่ครบถ้วนถูกต้อง แล้วจึงค่อยตัดสินใจวื้อ อย่าให้เป็น “คนซื้อสวย คนขายหลอก แต่สุดท้ายกลับแย่”

ความเหมาะสมของบุคคลต่างๆ กับการใช้คอนแทคเลนส์

ผู้ที่เหมาะจะใส่คอนแทคเลนส์
1. ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับสายตาดังนี้
  • สายตาสั้น
  • สายตายาว
  • สายตาเอียง
  • สายตาคนสูงอายุ
2. ผู้ที่ผ่านการผ่าตัดต้อกระจกทั้งชนิด ข้างเดียวหรือ 2 ข้าง
3. ผู้ที่มีอาการตาสั่น (nystagmus) และควรแนะนำเป็นคอนแทคเลนส์ชนิดนิ่ม
4. ผู้ที่ไม่มีโรคประจำตัวเป็นอุปสรรค
5. ผู้ที่มีกระจกตาโค้งมากกว่าปกติ (Keratoconus) เช่น 6.9, 5.4 และกระจกตาบางมาก ควรแนะนำเป็นคอนแทคเลนส์ชนิดแข็ง (HCL)
6. ผู้ที่เป็น "TRICHIASIS" คือมีความผิดปกติของขนตาที่งอนเข้าไปแยงกระจกตา เป็นสาเหตุทำให้น้ำตาไหล แก้ไขได้โดยใส่คอนแทคเลนส์ขนิดนิ่ม (SCL)
7.ผู้ที่เป็น "ENTROPION" คือขอบตาเปิดเข้าด้านในมากกว่าปกติ แก้ไขได้โดยใส่คอนแทคเลนส์ขนิดนิ่ม (SCL)

ผู้ที่ไม่เหมาะจะใส่คอนแทคเลนส์
1. มีสุขภาพตาไม่ดีเช่น เป็นต้อลม, ต้อเนื้อ, ตาแดง, กระจกตาไม่รับรู้ความรู้สึก, ตาแห้ง, ตาบวมและผู้ที่กระพริบตาครึ่งตา
2. มีโรคประจำตัวบางโรคเช่น
  • โรคเบาหวานมีอาการบวมเป็นแผลถลอก แผลหายช้าและอักเสบง่าย ค่าสายตาไม่คงที
  • โรคไขข้ออักเสบ ทำให้ตาแห้งการทำความสะอาดเลนส์และการใส่ต้องตรวจและติดตามผลบ่อยกว่าปกติ
  • โรคความดันโลหิตสูง มีผลทำให้น้ำในร่างกายไม่คงที่
  • โรคภูมิแพ้ มีโอกาสแพ้เนื้อวัสดุที่ผลิตคอนแทคเลนส์และแพ้น้ำยาได้ จะทำให้มีอาการตาแดง, ตาแห้งและคันตา
  • ตั้งครรภ์ ทุกอย่างในร่างกายจะปรับสภาพใหม่ มีผลทำให้กระจกตาบวม ควรแนะนำให้ใส่หลังคลอดแล้ว 3-4 เดือน
3. ผู้ที่ต้องทานยาบางประเภทเป็นประจำ เช่น
  • ยา ANTIHISTAMINE รักษาโรคภูมิแพ้
  • ยา ANTIDIABETIC รักษาโรคเบาหวาน
  • ทานยาคุมกำเนิดเป็นเวลานานหลายปี มีผลทำให้น้ำที่กระจกตามีมากขึ้น 78% จะมีอาการกระจกตาบวม
4. ผู้ที่ทำงานบางประเภทที่ต้องประสบกับสิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นประจำ เช่น
  • มีฝุ่นละอองมาก
  • มีลมแรงพัดผ่านเป็นประจำ
  • มีควันบุหรี่หรือควันพิษ รวมถึงเขม่าต่างๆ
  • มีไอระเหยของสารเคมีต่างๆ ที่เป็นอันตราย
5. ผู้ที่อายุไม่เหมาะสม เช่น เด็กเกินไปหรือมีอายุมากเกินไป ไม่สามารถรับผิดชอบตัวเองได้

สิ่งที่ต้องรู้เมื่อจะซื้อ คอนแทคเลนส์

คอนแทคเลนส์ชนิด Disposable หมายถึงเลนส์ที่ใช้แล้วไม่ต้องล้างเลย ใช้แล้วถอดทิ้งเหมือนเราใช้กระดาษทิชชู ส่วน คอนแทคเลนส์ชนิด Planned Replacement หมายถึงเลนส์ที่ใช้แล้วใช้ซ้ำอีกได้ แต่ต้องเปลี่ยนบ่อยๆ มีอายุการใช้งานค่อนข้างสั้น ทุก 2-4 สัปดาห์

คอนแทคเลนส์ทั้งสองประเภท เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น เรื่อยๆ แต่มีความเข้าใจผิดของผู้ใช้อยู่เสมอว่า เลนส์พวกนี้เป็นเลนส์ Free size ดังนั้นเมื่อไปหาซื้อเลนส์ ผู้ใช้มักบอกคนขายแต่เพียงว่า ต้องการ ACUVUE เบอร์ -3.00 หรือ ต้องการ FOCUS เบอร์ -4.75 เท่านั้น และ คนขายก็มักหยิบเลนส์มาให้ได้เสียด้วย ที่จริงแล้ว บนหน้าซองบรรจุเลนส์ คุณจะเห็นว่านอกจากค่ากำลังของเลนส์ หรือ power -3.00 D หรือ -4.75D แล้วยังมีตัวอักษร B.C. 8.8 หรือ B.C. 8.6 กำกับมาด้วย ให้คุณแน่ใจได้เลยว่า นั่นย่อมไม่ได้หมายความว่าเลนส์ชิ้นนั้น ผลิตขึ้นก่อนคริสตกาล แต่มันสำคัญอย่างไรด้วยหรือ หรือฝรั่งทำเกินมา เฉยๆ

ค่า B.C. ย่อมาจาก Base Curve หมายถึงรัศมีความโค้งด้านหลังของเลนส์ชิ้นนั้น ซึ่งเป็นด้านจะต้องสัมผัสกับดวงตาของเรา เลนส์ที่มี B.C. 8.8 มิลลิเมตร หมายถึงเลนส์ชิ้นนั้น แบนกว่าเลนส์ที่มี B.C. 8.4 มิลลิเมตร ซึ่งจะทำให้ เลนส์ 8.4 ติดแน่น บีบรัดดวงตามากกว่าส่วนเลนส์ 8.8 จะรู้สึกหลวมเลื่อนได้มากก

เมื่อคุณซื้อเลนส์ คุณอาจเพิ่มหรือลด กำลังของเลนส์ได้ตามใจชอบ เช่น อยากให้ภาพคมชัดขึ้น อาจลองซื้อเลนส์กำลังสูงขึ้นสัก 0.25 แต่ถ้าใส่แล้วไม่ชอบใจ อยากใส่ให้ภาพนุ่มนวลลงก็อาจซื้อเลนส์อ่อนลง สัก 0.25 ได้ไม่เสียหายอะไรนอกจากรู้สึกมึนๆนิดๆ แต่การเปลี่ยนค่า Base Curve ขอให้เป็นหน้าที่ของจักษุแพทย์นะคะ เพราะการใส่เลนส์คับหรือหลวมเกินไปอาจเป็นอันตรายได้ ควรซื้อเลนส์ Base Curve เดิมเสมอ ห้ามเปลี่ยนเองค่ะ

8 เม.ย. 2553

บิ๊กอาย แฟชั่นตาโต ที่ต้องระวัง

ระวัง บิ๊กอาย
กระแสแฟชั่นเกาหลี ญี่ปุ่นช่วงนี้มาแรงจริง ๆ ทั้งเสื้อผ้า ทรงผม แต่ที่กำลังอินสุด ๆ คงหนีไม่พ้น อุปกรณ์ตกแต่งดวงตา ทั้งขนตาปลอม และคอนแทคเลนส์ตาโต หรือที่รู้จักกันว่าบิ๊กอายนั่นเอง

บิ๊กอาย ชื่อบอกว่าอยู่แล้วว่า ตาโต ใครที่ ตาหยี ตาเล็ก จึงได้โอกาสเปลี่ยนลุกให้ดูเฉี่ยวขึ้น น่ารักขึ้น ด้วยวิธีง่าย ๆ โดยไม่ต้องทำศัลยกรรม ด้วยการใส่คอนแทคเลนส์เพิ่มขนาดตาดำให้ดูโตขึ้น งานนี้ไม่ต้องเจ็บตัว แถมยังหาซื้อได้ง่าย ๆ อีกด้วย หาซื้อง่ายแบบนี้ จะปลอดภัยจริงหรือ นี่คือสิ่งที่วัยรุ่นไทย ละเลยไปรึเปล่ามาทำความรู้จักกันอีกซักนิด เพราะถ้าไม่ระวัง แทนที่จะสวยหล่อ อาจกลายเป็นว่า มองอะไรไม่เห็นไปตลอดชีวิต

อันตราย บิ๊กอาย
บิ๊กอาย คอนแทคเลนส์ตาโต
 ต้องยอมรับว่า บิ๊กอาย ไม่ได้ฮิตเฉพาะกันแต่หมู่วัยรุ่นผู้หญิงเท่านั้น แต่ยังได้รับความนิยมในหมู่วัยรุ่นชายอีกด้วย บิ๊กอาย สนนราคาอยู่ที่ หลักร้อย ไปจนถึงหลักพัน มีทั้งแบบใช้เปลี่ยนรายวันและแบบรายเดือน มีหลายขนาดและหลากสี ซึ่งเมื่อใส่แล้ว จะทำให้ดวงตาดำของเรามีขนาดใหญ่ขึ้น ทำให้ดูตาโตขึ้น เหมือนชื่อ

บิ๊กอาย มาจากไหน
คอนแทคเลนส์ตาโตเหล่านี้ นำเข้าจากเกาหลีเสียเป็นส่วนใหญ่ สามารถหาซื้อได้ตามร้านแว่นตาชั้นนำ หรือร้านที่กลุ่มวัยรุ่นรู้จัก นอกจากนี้ยังสามารถสั่งซื้อได้ตามเว็บไซต์ต่าง ๆ อีกด้วย แต่ไม่มีการรับประกันใด ๆ จากทางร้าน หรือเว็บไซต์ ดังนั้นจึงมีความเสี่ยงสูงที่จะเจอของไม่มีคุณสภาพ และอาจทำอันตรายต่อดวงตาของเราได้

ใส่ไม่ระวัง อาจตาบอดได้
เนื่องจากดวงตาเป็นอวัยวะที่บอบบางมาก โดยปกติเพียงแค่ฝุ่นเข้าดวงตา ก็สามารถทำให้เคืองตาจนอักเสบได้ภายในเวลา 1 วัน คอนแทคเลนส์ก็เช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นวัสดุทางการแพทย์ เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่มีปัญหาทางด้านสายตา แต่ไม่สามารถใช้แทนแว่นสายตาได้ การตัดสินใจใช้คอนแทคเลนส์จึงควรอยู่ในดุลยพินิจของจักษุแพทย์ การใช้คอนแทคเลนส์อย่างไม่ระมัดระวัง ไม่ว่าจะเป็นการทำความสะอาดอย่างไม่ถูกต้อง ใส่ต่อเนื่องไม่มีการถอดเปลี่ยน สิ่งเหล่านี้อาจทำให้ดวงตาอักเสบและเกิดการติดเชื้อขั้นรุนแรงได้ ทั้งนี้คอนแทคเลนส์จะต้องสัมผัสกับกระจกตาโดยตรงและเป็นระยาวเวลานาน หากสกปรก จะส่งผลให้เกิดการติดเชื้อที่กระจกตา และอาจลุกลามจนถึงขั้นตาบอดได้ภายใน 2 วัน

ใช้อย่างไร จึงจะปลอดภัย? วิธีที่จะสนุกกับแฟชั่นให้ปลอดภัยนั้น ทำได้ง่าย ตามคำแนะนำของจักษุแพทย์ดังนี้

1.ไม่ควรใส่นานเกินไป เฉลี่ยควรใส่เพียงแค่วันละ 8 -10 ชั่วโมง ต่อวัน ควรถอดออกก่อนที่จะทำความสะอาดใบหน้า กรณีที่ใช้เครื่องสำอาง และเมื่อถึงเวลานอนควรถอดออก หากใส่ค้างไว้ อาจทำให้ดวงตาอักเสบได้
2.ถอดและใส่อย่างถูกวิธี เพราะถ้าทำไม่ถูกวิธี อาจทำให้เกิดรอยฉีกขาดคอนที่คอนแทคเลนส์ และอาจขีดข่วนเป็นแผลที่กระจกตาได้
3.ต้องรักษาความสะอาด โดยเมื่อถอดแล้วให้ล้างด้วยน้ำยาทำความสะอาดเพื่อฆ่าเชื้อโรคเท่านั้น และเปลี่ยนน้ำยาล้างและแช่ทุกครั้งด้วย
4.ไม่ควรใช้ร่วมกับบุคคลอื่น มีวัยรุ่นบางกลุ่มได้แยกกันซื้อคอนแทคเลนส์แล้วนำมาแบ่งกันใช้ ถือว่าอันตรายมาก ๆ เพราะอาจเกิดการติดเชื้อแบคทีเรียต่าง ๆ และที่สำคัญอาจทำให้ติดเชื้อเอดส์ได้

เราสามารถสนุกกับแฟชั่นได้ แต่อย่าลืมระมัดระวังด้วย เพราะแฟชั่นบางอย่าง สามารถทำให้เราสวย-หล่อ แต่อาจเป็นภัยต่อร่างกายเราได้เช่นกัน

ข้อมูลจาก : never-age.com

เพิ่มเสน่ห์ให้ดวงตาคู่สวยด้วย "คอนแทคเลนส์บิ๊กอาย"

สวยด้วยคอนแทคเลนส์ บิ๊กอาย
หมายเหตุ : รูปนี้เป็นเพียงภาพประกอบเท่านั้น
เดี๋ยวนี้มีนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อให้ผู้หญิงอย่าหยุดสวยกันเยอะแยะมากมายเลยค่ะ แต่ที่มาแรงแซงโค้งที่สร้างความอัศจรรย์ใจให้ดวงตาคู่สวยยิ่งสวยยิ่งขึ้นก็คงหนีไม่พ้น "คอนแทคเลนส์ บิ๊กอาย" ที่มาเป็นตัวช่วยสำคัญสำหรับสาวๆ ที่อยากตาหวาน ตาโต ได้สมใจ

"น้องทับทิม" ดาวมหา'ลัย ABAC ที่นิยมชมชอบการใส่คอนแทคเลนส์บิ๊กอายเป็นที่สุด มาอธิบายการใส่คอนแทคเลนส์บิ๊กอายให้ถูกวิธีและปลอดภัยกันค่ะ

ทีมงาน : เคยได้ยินมาเยอะว่า การใส่คอนแทคเลนส์แฟชั่น
จะทำให้ตาอักเสบ เป็นความจริงมั๊ยคะ
ทับทิม : จริงๆ แล้วตัวคอนแทคเลนส์นี้ ไม่อันตรายเลยค่ะ สิ่งที่ทำอันตรายกับดวงตา
ก็คือ ตัวคนที่ใส่เองอ่ะค่ะ แบบว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไรงี้ เห็นเพื่อนใส่ก็ใส่ตามบ้าง
โดยที่ไม่ศึกษาวิธีใช้ วิธีดูแลรักษา ก็มีสิทธิ์ที่จะเกิดอันตรายได้ค่ะ

ทีมงาน : งั้นถ้ามีเพื่อนที่ไม่เคยใส่คอนแทคเลนส์มาก่อนเลย อยากใส่ให้ตาสวยๆ
แต่ก็กลัว ทับทิมพอจะบอกขั้นตอนง่ายๆ ให้เพื่อนๆ ได้มั๊ยคะ
ทับทิม : ได้เลยค่า~ ทับทิมจะบอกเป็นข้อๆ เลยนะคะ ^^

1. อย่างแรกเลยคือวิธีการใส่ ตั้งแต่เริ่มซื้อมา ควรนำคอนแทคเลนส์มาล้างและแช่ด้วยน้ำยาเฉพาะ
สำหรับคอนแทคเลนส์ซะก่อน ห้ามใช้น้ำเปล่า น้ำดื่ม น้ำปะปา หรือน้ำเกลือแทนนะคะ
แล้วก็แช่ไว้ 4 ชม. ก่อนใส่ ไม่ใช่ซื้อมาปุ๊บแกะใส่ปร๊าบบบบ แบบนั้นจะทำให้ดวงตาระคายเคืองได้
เนื่องจากสารกันเสียที่เคลือบคอนแทคเลนส์ไว้ในกล่องอ่ะค่ะ

2. ก่อนใส่เลนส์ ควรล้างมือด้วยสบู่ให้สะอาด แล้วจึงล้างคอนแทคเลนส์ด้วยน้ำยาคอนแทคเลนส์อีกครั้ง
*สาวๆถ้าคิดจะใส่เลนส์แล้ว ไม่ควรไว้เล็บยาว เพราะเล็บเป็นตัวการสำคัญ ที่ทำให้เลนส์ฉีกขาด
หรือระหว่างใส่ เล็บอาจไปขีดข่วนตาดำได้ จะเป็นอันตรายมหาศาลนะคะ


3. วิธีการถอดคอนแทคเลนส์ที่ถูกต้อง คือ ล้างมือด้วยสบู่ให้สะอาด
แล้วใช้ปลายนิ้วหยิบเลนส์ออกมา หรือใช้ที่คีบเลนส์หนีบออกมาก็ได้

4. สุดท้ายแล้วค่ะ เมื่อถอดคอนแทคเลนส์ออกมาแล้ว ให้ใช้น้ำยาทำความสะอาดเลนส์
เทบนฝ่ามือ แล้วถูให้คราบโปรตีนออกจากเลนส์ ก่อนแช่ในตลับที่สะอาดค่ะ

ทีมงาน : ครบถ้วนกันเลยทีเดียวนะคะ เห็นทับทิมเน้นมากเลยเรื่องล้างมือให้สะอาด
ทับทิม : ทุกกระบวนการ ไม่ว่าจะใส่หรือจะถอด ต้องล้างอยู่ดีอ่าค่ะ เพื่อความสะอาดที่สุด
ล้างทั้งมือ และ ใช้น้ำยาล้างคอนแทคเลนส์ด้วย เพราะดวงตาเรามันซ่อม มันเปลี่ยนไม่ได้
ต้องเซฟตี้เฟิร์สค่ะ ^^ ทุกวันนี้ที่มีข่าวว่าดวงตามีปัญหากันมากๆ
เนื่องจากใส่คอนแทคเลนส์ไม่สะอาด และผิดวิธี ยังไงก็ต้องฝึกไว้นะคะว่า
ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ก็ควรล้างไว้ก่อนค่ะ

ทีมงาน : สำหรับสาวๆ ที่แต่งหน้าเป็นประจำ
ควรจะต้องใส่คอนแทคเลนส์ก่อนหรือหลังแต่งหน้าดีล่ะจ๊ะ
ทับทิม : ควรใส่เลนส์ ก่อนแต่งหน้าเสมอค่ะ สำคัญมาก เพราะว่า ถ้าใส่ทีหลัง มันจะมีเศษเครื่องสำอาง
อย่างพวกผงอายแชโดว์เกาะอยู่ที่ดวงตา แล้วเราไปใส่เลนส์แปะทับตาดำเข้าอีก ลองนึกภาพดูนะคะ
มันจะเป็น ดวงตา > เศษเครื่องสำอาง > เลนส์ แล้วเลนส์ก็จะขูดๆ กับตาโดยมี
เศษเครื่องสำอางอยู่ตรงกลาง เวลากระพริบตา มันก็จะเสียดสีค่ะ ดังนั้น ก็ควรใส่เลนส์ก่อน เพื่อที่ว่า
จะได้เป็น ดวงตา > เลนส์ > เครื่องสำอาง ยังไงซะมีเศษเครื่องสำอางอยู่ด้านนอก
ก็ยังดีกว่าอยู่ในตาดำ จริงมั๊ยคะ ^^

ทีมงาน : สำหรับคอนแทคเลนส์รายเดือน หรือ รายปี เราสามารถใส่ติดตาได้ตลอดเลยป่าว

ทับทิม : ไม่ว่าจะรายวัน หรือ รายเดือน หรือ รายปี ก็เหมือนกันหมดนะคะ คือ ใส่ได้ไม่เกิน 8 ชั่วโมง และ ห้ามใส่นอนเด็ดขาดเลยค่ะ เพราะงั้นก็จะไม่สามารถใส่ต่อเนื่องกันเป็นเดือน เป็นปี ได้อ่าค่ะ
อ่อ.. แล้วก็อย่าลืมเช็ควันเดือนปีที่ผลิตให้แม่นๆ ด้วยนะคะ เพราะเลนส์เหล่านี้ไม่ควรนำมาใส่ต่อค่ะ
1. เลนส์หมดอายุ
2. เลนส์ฉีดขาด หรือมีรอยขีด
3. เลนส์ที่แห้งแข็งแล้ว

ทีมงาน : ละเอียดยิบดีจังเลยค่ะ ^^ แต่พี่ก็ยังอยากรู้อีกว่า
คนที่สายตาสั้น กับ สายตาธรรมดา จะใส่เหมือนกันมั๊ย
ทับทิม : ต่างกันค่ะพี่ ต่างกันที่ตอนซื้อ ถ้าคนที่สายตาธรรมดา ก็เลือกซื้อแบบไม่มีค่าสายตา แค่นี้เองค่ะ
แต่ถ้าคนไหนที่สายตาสั้น ก็แนะนำว่าให้ไปเช็คค่าสายตาที่คลินิค หรือ รพ. ก่อน
จากนั้นก้อสามารถเลือกซื้อคอนแทคเลนส์แบบที่ต้องการได้เลยค่ะ
แต่...การซื้อก็ไม่ควรสั่งค่าสายตามั่วๆ นะคะ อย่างเช่น ถ้าค่าสายตา 100 แต่ที่ร้านมีค่าสายตา 150 ขาย
ด้วยความอยากสวย ก็ซื้อแบบค่าสายตา 150 มาใส่ แบบนั้นยิ่งจะทำให้เราสายตาสั้นขึ้น และเวียนหัวด้วยค่ะ

โอ้โห! เป็นไงกันบ้างคะ จุใจกันเลยทีเดียว สำหรับคำแนะนำจากสาวน้อย
ที่นิยมการใส่คอนแทคเลนส์แฟชั่นบิ๊กอาย อย่างน้องทับทิม ต้องขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ

ที่มา : daomahalai.com

4 เม.ย. 2553

13 วิธีใช้ บิ๊กอาย "สวยหล่อแบบปลอดภัย ไม่เสี่ยงตาบอด"

ใส่บิ๊กอาย สวย สาวแอ๊บแบ๊ว

1. เลือกซื้อบิ๊กอายที่ไว้ใจได้
อันดับแรกอยู่ที่การเลือกซื้อ เดี๋ยวนี้บิ๊กอายมีทั้งแบบสำหรับคนสายตาปกติกับคนสายตาสั้น ให้สามารถเลือกซื้อได้ตามใจปรารถนา แต่ก็ต้องระวังด้วยนะ เพราะของที่ขายตามตลาดนั้น (ส่วนใหญ่) เป็นของที่ไม่ได้มาตรฐาน อยากให้จำไว้ว่า อย่าเชื่อถือคำโฆษณาว่ามาจากเกาหลีไปซะหมด เพราะพ่อค้าแม่ค้าบางรายก็เอาคำว่าเกาหลี (ปลอมๆ) มาหลอกขายเรา ทางที่ดี ขอให้เลือกซื้อบิ๊กอายที่มี อ.ย. รับประกัน หรือเลือกซื้อตามสถานที่ที่ไว้ใจได้ค่ะ

2. แช่บิ๊กอายทิ้งไว้ 1 คืนก่อนใส่
เพื่อล้างสารกันบูดออกไป ไม่อย่างนั้นจะเป็นอันตรายต่อดวงตาของเรา

3. ล้างมือก่อนใส่ – ถอดบิ๊กอายทุกครั้ง
อันนี้สำคัญมาก ไม่ว่าก่อนถอดหรือใส่บิ๊กอาย ต้องขอให้เธอๆ ทุกคนล้างมือด้วยน้ำสบู่ก่อนซะก่อน จากนั้นก็ใส่หรือถอดตามวิธีที่ถูกต้อง

วิธีใส่บิ๊กอาย
  1. ล้างมือให้สะอาด
  2. นำบิ๊กอายวางหงายบนนิ้วชี้ข้างขวา สังเกตว่ามันไม่กลับด้าน
  3. ใช้มือซ้ายแหวกเปลือกตาออก จากนั้นค่อยๆ แตะบิ๊กอายลงที่ตาดำ รอให้แนบสนิท
  4. กะพริบตาถี่ๆ ให้บิ๊กอายแนบสนิทกับดวงตา
  5. ถ้าบิ๊กอายหลุดมือตกพื้น ต้องเอาแช่น้ำยาทำความสะอาดก่อนทุกครั้ง

วิธีถอดบิ๊กอาย
  1. ล้างมือให้สะอาด
  2. ก้มหน้าเล็กน้อย ใช้นิ้วชี้กับนิ้วกลางค่อยๆ คีบบิ๊กอายออกจากดวงตา
  3. ใช้น้ำยาล้างคอนแทคเลนส์ล้างคอนแทคเลนส์ให้สะอาด โดยใช้นิ้วถูเพื่อล้างคราบโปรตีน
  4. แช่คอนแทคเลนส์ในตลับที่สะอาด

4. ห้ามใช้น้ำประปา น้ำเกลือล้างบิ๊กอาย
อันนี้สำคัญมาก เพราะคลอรีนในน้ำประปาอาจจะทำให้เนื้อคอนแทคเลนส์เสื่อมสภาพ แล้วฉีกขาดง่าย ส่งผลร้ายต่อกระจกตาของเราอย่างรุนแรง ควรล้าง และแช่คอนแทคเลนส์ในน้ำยาสำหรับล้างและแช่คอนแทคเลนส์เท่านั้น

5. ถ้าแต่งหน้าควรใส่บิ๊กอายก่อนแต่งหน้า
เพื่อป้องกันปัญหาเครื่องสำอางรอบดวงตาเละ หรือหลุดเข้าไปทำร้ายรอบดวงตาของเราได้นะจ๊ะ

6. ห้ามใส่บิ๊กอายเกินวันละ 8 ชั่วโมง
ข้อนี้สำคัญมาก เพราะการใส่บิ๊กอายจะทำให้ดวงตาของเราขากออกซิเจน และถ้าใส่ติดต่อกันยาวนานเกินวันละ 8 ชั่วโมง ก็จะทำให้ดวงตาของเราขากออกซิเจนหนักเข้าไปอีก ดังนั้นใครที่ชอบใส่คอนแทคเลนส์นอน ให้ระวังเอาไว้เลยค่ะว่าอันตรายแน่นอน ตรงนี้ต้องระวังกันให้ดีนะคะเพราะถ้าดวงตาขาดออกซิเจนติดต่อกันนานมากๆ อาจจะส่งผลให้ตาบอดได้เลยค่ะ

7. สำรวจวันหมดอายุก่อนเสมอ
สำหรับใครที่ชอบใส่คอนแทคเลนส์หมดอายุก็ต้องระวังไว้ให้ดี เพราะคอนแทคเลนส์หรือบิ๊กอายที่หมดอายุแล้วนั้น ตัวเนื้อของมันจะเสื่อม และอาจจะเป็นอันตรายต่อดวงตาของเราได้ ดังนั้นจึงแนะนำให้ใส่คอนแทคเลนส์ตามกำหนดอายุของมัน เช่น เป็นคอนแทคเลนส์หรือ บิ๊กอายรายเดือนก็อย่าใส่มากกว่า 1 เดือน

8. อย่าไว้เล็บยาว
เป็นอีกข้อหนึ่งที่สาวๆต้องเลือก ถ้าคิดจะมีตากลมโต สวยใส อย่าไว้เล็บยาวหรือต่อเล็บน่าจะดีกว่า เพราะความคมของเล็บอาจจะทำให้บิ๊กอายของเราฉีกขาดได้ง่าย และที่สำคัญ เวลาใส่หรือถอดบิ๊กอายก็ทำได้ยากลำบาก ยิ่งเวลาถอด ถ้าไม่ระวังเล็บอาจจะจิกลงในเนื้อตาของเรา ทำให้เป็นรอยขีดข่วน เสี่ยงต่อการอักเสบอีกต่างหากนะ นอกจากนี้ การไว้เล็บยาวยังทำให้สิ่งสกปรกเข้ามาสะสมในซอกเล็บได้ง่าย เวลาล้างมืออาจจะไม่สะอาดเท่าที่ควร เมื่อเราถอดหรือใส่คอนแทคเลนส์ สิ่งสกปรกพวกนั้นก็เลยเข้าไปฮูเลอยู่ในดวงตาของเราอย่างง่ายดาย สรุปว่า ตัดเล็บสั้นและหมั่นทำความสะอาดเล็บเข้าไว้เป็นดีที่สุดค่ะ

9. ทำความสะอาดตลับใส่บิ๊กอายเป็นประจำ
นอกจากตัวบิ๊กอายและดวงตาของเราแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ละเลยไม่ได้เลยก็คือตลับใส่บิ๊กอายที่ต้องหมั่นดูแลสม่ำเสมอ เพราะถ้าเราไม่ดูแล ตลับใส่บิ๊กอายนี่แหละที่จะเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคชั้นเริด ให้เชื้อโรคมันมาสรวลเสเฮฮาจัดปาร์ตี้กันอย่างเมามัน ดังนั้นเราต้องหมั่นทำความสะอาดตลับใส่บิ๊กอายสม่ำเสมอ และควรเปลี่ยนตลับใส่บิ๊กอายทุก 1 – 3 เดือน เพื่อความสะอาดจ้ะ

10. ห้ามแช่บิ๊กอายทิ้งไว้จนลืม
สำหรับบางคนที่ไม่ได้ใส่บิ๊กอายบ่อยๆ และแช่ทิ้งไว้ในตลับอาจจะเกิดปัญหาน้ำยาแห้งจนบิ๊กอายพังได้ ดังนั้นหมั่นเอาออกมาเปลี่ยนน้ำยาทำความสะอาดอยู่เสมอ ก็จะช่วยรักษาบิ๊กอายให้นานขึ้นค่ะ

11. ห้ามใส่บิ๊กอายที่แห้ง แข็งแล้ว
บิ๊กอายที่ถูกทิ้งไว้ในอากาศนานๆ มักจะแห้งแข็งตัว ดังนั้นเมื่อถอดบิ๊กอาย เราต้องรีบเอาใส่ตลับแช่บิ๊กอายโดยเร็ว เพราะถ้าปล่อยทิ้งไว้ยจนแห้งมันจะทำให้คุณภาพเนื้อบิ๊กอายเสื่อมและฉีกขาดเป็นอันตรายต่อดวงตาของเราได้ จึงขอแนะนำแบบเคร่งครัดเลยว่า ห้ามใส่คอนแทคเลนส์ที่แห้งแข็งแล้วเด็ดขาดนะจ๊ะ เพื่อความปลอดภัยของดวงตาของเราเอง

12. เมื่อมีปัญหากับดวงตาห้ามใส่บิ๊กอาย
ยกตัวอย่างเช่น กำลังอยู่ในช่วงแสบตา ตาแดง ตาอักเสบ ช่วงเวลาเหล่านี้ห้ามงดการใส่บิ๊กอายแบบเด็ดขาด รอให้ดวงตาของเรากลับสู่สภาวะปกติซะก่อน ไม่อย่างนั้นอาจจะส่งผลร้ายแบบที่เราเองก็คาดไม่ถึงได้เลย

13. เลือกใส่เมื่อจำเป็น เพราะดวงตาเป็นอวัยวะที่สำคัญ
ข้อสุดท้ายที่อยากจะฝากไว้ก็คือ ให้เธอๆ เลือกใส่บิ๊กอายเฉพาะช่วงเวลาที่จำเป็น เช่น วันไปเที่ยว หรือวันที่อยากจะสวยเป็นพิเศษ เพราะดวงตาเป็นอวัยวะที่บอบบาง เราไม่ควรเอาอะไรไปยุ่งกับมันมากนัก

ที่มา: http://dek-d.com/board/view.php?id=1658234

Loading

Share

Twitter Delicious Facebook Digg Stumbleupon Favorites More