13 ก.ค. 2555

[ข่าว] มหันตภัยบิ๊กอายส์ โจ๋สาว18 ใส่แค่วันเดียวตาดำติดเชื้อหวิดบอด


จักษุแพทย์เตือนสาวอยากตาโตด้วย "บิ๊กอายส์" ต้องระวัง หลังพบคนไข้สาววัย 18 ซื้อมาใส่เอง แค่วันเดียวได้เรื่อง ตาหวิดบอด เพราะเกิดอาการระคายเคืองแล้วเผลอขยี้ตาจนกระจกตาดำเป็นแผลติดเชื้อแบคทีเรียกัดกินกระจกตาดำเกือบทะลุ โชคดีมาพบแพทย์ทัน แต่ต้องตามัว มองไม่ชัดไปตลอดชีวิต เพราะเกิดแผลเป็นที่ตาดำ ได้แต่เตือนอยากสวยด้วยบิ๊กอายส์ควรปรึกษาแพทย์ก่อน

ปัญหาของสาวอยากมีดวงตาโตกว่าเดิม แต่กลับส่งผลร้ายต่อสุขภาพในครั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นพ.ฐาปนวงศ์ ตั้งอุไรวรรณ จักษุแพทย์ รพ.พระนั่งเกล้า เมื่อวันที่ 8 ก.ค. ว่า ปัจจุบันยังพบว่า วัยรุ่นผู้หญิงยังนิยมใส่คอนแทคเลนส์ตาโต หรือบิ๊กอายส์ ซึ่งเป็นเลนส์ที่ไม่ใช่เลนส์สายตา แต่เป็นเลนส์เพื่อความสวยงาม เปลี่ยนสีตา ขยายขนาดของตาดำ เพราะต้องการเลียนแบบดารา นักร้อง นางแบบ อยากสวยอยากงาม ทั้งๆที่การใช้บิ๊กอายส์ หรือแม้กระทั่งคอนแทคเลนส์ที่เป็นเลนส์สายตา ล้วนเสี่ยงอันตรายทั้งสิ้น เพราะอย่าลืมว่าคอนแทคเลนส์เป็นสิ่งแปลกปลอม และเมื่อต้องสัมผัสกับกระจกตาโดยตรงและเป็นเวลานาน หากคอนแทคเลนส์สกปรกจะทำให้เกิดการติดเชื้อที่กระจกตาและอาจลุกลามถึงขั้นตาบอดได้ภายใน 2 วัน ทั้งนี้ ที่ผ่านมา มีผู้ป่วยจากการใส่คอนแทคเลนส์ และบิ๊กอายส์มารักษาที่ รพ.พระนั่งเกล้าอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2555 พบ 2 ราย โดยรายล่าสุดเข้ามารักษาที่ รพ.พระนั่งเกล้า เมื่อประมาณวันที่ 5 ก.ค. ที่ผ่านมา


นพ.ฐาปนวงศ์ กล่าวถึงผู้ป่วยรายล่าสุดว่า เป็นหญิงอายุ 18 ปี ไปซื้อบิ๊กอายส์ที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งแถวบางลำภู นำมาใส่เมื่อช่วงเช้าวันที่ 5 ก.ค. ที่ผ่านมา แต่พอใส่แล้วที่ตาขวามีอาการแสบตา ระคายเคือง น้ำตาไหลต่อเนื่อง แล้วไปขยี้ตาและถอดบิ๊กอายส์ออก ต่อมาช่วงเย็นมีอาการบวม จึงเข้ามาพบแพทย์ที่ รพ.พระนั่งเกล้าเมื่อตรวจพบว่าผู้ป่วยติดเชื้อแบคทีเรียบริเวณกระจกตาดำข้างขวา โดยเชื้อแบคทีเรียได้กัดกินบริเวณกระจกตาดำมีแนวยาว 5 มิลลิเมตร และลึกลงไปประมาณ 1 มิลลิเมตร จนเกือบทะลุกระจกตาดำ ซึ่งโชคดีมากที่มารักษาทัน เพราะหากมาช้า 1 วัน ตาบอดแน่นอน ส่วนเชื้อแบคทีเรียที่พบนั้นชื่อว่า ซูโดโมแนส ออรูจิโนซ่า (Pseudomonas aeruginosa) เป็นเชื้อแบคทีเรียที่พบได้ตามสภาพแวดล้อมทั่วไป ซึ่งหากมีบาดแผลแล้วติดเชื้อแบคทีเรียดังกล่าว จะมีอันตรายมาก อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยรายนี้โชคดีที่มาพบแพทย์ได้ทันทำให้ตาไม่บอด แต่เมื่อรักษาจนหายแล้วจะเกิดแผลเป็นที่ตาดำ ส่งผลให้เวลามองแล้วจะไม่ชัดเหมือนคนปกติ

จักษุแพทย์ รพ.พระนั่งเกล้า กล่าวต่อไปว่า คอนแทคเลนส์มาตรฐานจะมีขนาดมาตรฐานทางการแพทย์ คือ เส้นผ่าศูนย์กลาง 13.5 - 14.5 มิลลิเมตร ส่วนบิ๊กอายส์จะมีขนาดตั้งแต่ 15 - 19 มิลลิเมตร ซึ่งใส่แล้วจะทำให้ดวงตาคับแน่น และผู้ใส่จะเกิดอาการไม่สบายตาต้องขยี้ตาบ่อยๆ เป็นผลให้เกิดแผลถลอกที่กระจกตาดำ และเชื้อโรคอาจเข้าไปทำให้เกิดการอักเสบเป็นแผลที่กระจกตาดำทำให้ตาบอดได้ ขณะเดียวกันหากใส่เป็นเวลานานจะทำให้เกิดอาการเยื่อบุตาขาวอักเสบ จากการแพ้เรื้อรัง ทำให้เยื่อบุตาขาวแห้งและอาจทำให้กระจกตาอักเสบ เกิดเป็นโรคตาแห้งคือเยื่อบุตาขาวแห้ง โดยถาวร เกิดอาการตาผ่าวร้อน แพ้งแสง ซึ่งจะเกิดความรำคาญแก่ดวงตาไปตลอดชีวิต ขอเตือนว่าการใช้คอนแทคเลนส์ไม่ว่าชนิดใดก็ตาม ควรศึกษาและปฎิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ รวมทั้งต้องดูแลรักษาอย่างเคร่งครัด ต้องเก็บรักษาในน้ำยาแช่คอนแทคเลนส์ โดยเฉพาะและปิดฝาให้สนิท เปลี่ยนน้ำยาแช่เลนส์ทุกครั้งที่ใช้ ไม่ใช้น้ำยาแช่เลนส์ซ้ำๆ ห้ามล้างคอนแทคเลนส์ด้วยน้ำประปา เนื่องจากสารคลอรีนอาจทำให้เลนส์เสื่อมสภาพ และต้องล้างมือให้สะอาด ก่อนสัมผัสคอนแทคเลนส์ทุกครั้ง

ด้าน นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า ได้รับแจ้งมาจาก นพ.ฐาปนวงศ์จึงส่งเจ้าหน้าที่ลงตรวจสอบจุดที่ผู้ป่วยระบุว่าไปซื้อบิ๊กอายส์ พบว่าเป็นห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ซึ่งเมื่อสอบถามกลับไปยังผู้ป่วยพบว่า ไปซื้อบิ๊กอายส์มาเก็บไว้นานแล้วจึงนำมาใส่ การใส่บิ๊กอายส์หรือคอนแทคเลนส์ หากเกิดการระคายเคืองดวงตาให้รีบพบแพทย์ทันที และโดยปกติแล้วการใส่บิ๊กอายส์หรือคอนแทคเลนส์จะต้องปรึกษาแพทย์ก่อน โดยในปัจจุบันมีบิ๊กอายที่ได้รับอนุญาตจากทาง อย. เพียง 2 - 3 ยี่ห้อเท่านั้น ซึ่งประชาชนสามารถโทร.มาสอบถามได้ที่เบอร์สายด่วน อย. โทร 1556


ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

0 comments:

แสดงความคิดเห็น

Loading

Share

Twitter Delicious Facebook Digg Stumbleupon Favorites More