แฟชั่น บิ๊กอาย

บิ๊กอาย กับ แฟชั่นในปัจจุบัน

เลนส์ตาโต เป็นคอนแทคเลนส์ชนิดตาโต หรือที่วัยรุ่นเรียกกันว่า “บิ๊กอาย”จะเหมือนกับคอนแทคเลนส์แฟชั่นสมัยก่อนที่มีสีสันให้เลือกมากมาย แต่ที่แตกต่างคือ เลนส์สีบริเวณตรงกลางดวงตาจะเป็นเลนส์ใสปกติแต่บริเวณขอบเลนส์จะมีสีดำ ทำให้ขอบตาคุณดูชัดมากขึ้น มีราคาตั้งแต่ 450 – 2,000 บาท

ใส่บิ๊กอายตาติดเชื้อ

บิ๊กอายทำตาบอด ติดเชื้อแบคทีเรีย แพทย์เตือนวัยโจ๋

แพทย์เตือนอันตรายจากคอนแทกท์เลนส์ "บิ๊กอาย" หลังมีผู้ป่วยติดเชื้อสูโดโมแนสที่ตา ทำให้เกิดการอักเสบอย่างรุนแรงต้องเข้ารับการรักษาตัวแล้ว 4 ราย จักษุแพทย์ ระบุ เป็นแบคทีเรียร้ายแรงลามกินตาดำได้ภายใน 2 วัน รักษาไม่ทันถึงขั้นตาบอด ผู้ป่วยรับหาซื้อง่ายแม้กระทั่งตามตลาดนัด จี้ภาครัฐออกมาเข้มงวด เพราะจัดอยู่ในกลุ่ม เครื่องมือแพทย์ ต้องได้รับอนุญาตจาก อย.

เลดี้ กาก้า Lady Gaga ใส่บิ๊กอาย

เลดี้กาก้า นำเทรนบิ๊กอาย อเมริกาเตือน Big Eye เป็นอันตราย ผิดกฏหมายในอเมริกา

นับตั้งแต่กระแสความโด่งดังของ Music Video "Bad Romance" ของนักร้องสาวชาวอังกฤษ Lady Gaga ทำให้วัยรุ่นอเมริกันเริ่มนิยมใส่ Contact Lenses ที่เรียกว่า "Big Eye" กันเป็นจำนวนมาก จนหลายฝ่ายต้องออกมาเตือนในการใช้และการเลือกซื้อ เพราะวัยรุ่นจำนวนมากนิยมสั่งซื้อผ่านอินเตอร์เน็ต จากร้านค้าออนไลน์ในแถบเอเชีย...

บิ๊กอาย คอนแทคเลนส์ปลอม

อันตรายจากการใช้คอนแทคเลนส์แฟชั่น "บิ๊กอาย"

กระแสคอนแทคเลนส์แฟชั่นได้แพร่ระบาดเข้าสู่ประเทศไทยเมื่อประมาณต้นปี 2549 ที่ผ่านมา โดยวัยรุ่นไทยนิยมใส่คอนแทคเลนส์แฟชั่นเพื่อให้ตา กลมโตเลียนแบบดาราเกาหลี และญี่ปุ่น คอนแทคเลนส์แฟชั่นดังกล่าวเป็นที่รู้จักกันดีในนาม บิ๊กอายส์ หรือ คอนแทคเลนส์ตาโต ราคาก็มีตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักพัน ระยะเวลาการใช้งานก็มีให้เลือกหลากหลาย ตั้งแต่ 1 เดือนไปจนถึง 1 ปี

20 ก.ค. 2555

[Youtube] ข่าวเช้าวันใหม่ 9 กรกฎาคม 2555 : มหันตภัยบิ๊กอายส์

สาวอายุ แค่ 18 ไปหาซื้อ บิ๊กอายส์ใส่เอง ใส่แค่วันเดียวมีอาการเคืองตา จึงขยี้ตา จนเกิดแผลและติดเชื้อ หากไปพบหมอช้านิดเดียว ตามีสิทธิบอด


จักษุแพทย์ รพ.พระนั่งเกล้า เปิดเผยว่า โดยปกติคอนแทคเลนส์มาตรฐานจะมีขนาดมาตรฐานทางการแพทย์ คือเส้นผ่าศูนย์กลาง 13.5-14.5 มิลลิเมตร ส่วนบิ๊กอายส์จะมีขนาดตั้งแต่ 15-19 มิลลิเมตร ซึ่งใส่แล้วจะทำให้ดวงตาคับแน่น และผู้ใส่จะเกิดอาการไม่สบายตาต้องขยี้ตาบ่อยๆ เป็นผลให้เกิดแผลถลอกที่กระจกตาดำ และเชื้อโรคอาจเข้าไปทำให้เกิดการอักเสบเป็นแผลที่กระจกตาดำทำให้ตาบอดได้

13 ก.ค. 2555

[ข่าว] มหันตภัยบิ๊กอายส์ โจ๋สาว18 ใส่แค่วันเดียวตาดำติดเชื้อหวิดบอด


จักษุแพทย์เตือนสาวอยากตาโตด้วย "บิ๊กอายส์" ต้องระวัง หลังพบคนไข้สาววัย 18 ซื้อมาใส่เอง แค่วันเดียวได้เรื่อง ตาหวิดบอด เพราะเกิดอาการระคายเคืองแล้วเผลอขยี้ตาจนกระจกตาดำเป็นแผลติดเชื้อแบคทีเรียกัดกินกระจกตาดำเกือบทะลุ โชคดีมาพบแพทย์ทัน แต่ต้องตามัว มองไม่ชัดไปตลอดชีวิต เพราะเกิดแผลเป็นที่ตาดำ ได้แต่เตือนอยากสวยด้วยบิ๊กอายส์ควรปรึกษาแพทย์ก่อน

ปัญหาของสาวอยากมีดวงตาโตกว่าเดิม แต่กลับส่งผลร้ายต่อสุขภาพในครั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นพ.ฐาปนวงศ์ ตั้งอุไรวรรณ จักษุแพทย์ รพ.พระนั่งเกล้า เมื่อวันที่ 8 ก.ค. ว่า ปัจจุบันยังพบว่า วัยรุ่นผู้หญิงยังนิยมใส่คอนแทคเลนส์ตาโต หรือบิ๊กอายส์ ซึ่งเป็นเลนส์ที่ไม่ใช่เลนส์สายตา แต่เป็นเลนส์เพื่อความสวยงาม เปลี่ยนสีตา ขยายขนาดของตาดำ เพราะต้องการเลียนแบบดารา นักร้อง นางแบบ อยากสวยอยากงาม ทั้งๆที่การใช้บิ๊กอายส์ หรือแม้กระทั่งคอนแทคเลนส์ที่เป็นเลนส์สายตา ล้วนเสี่ยงอันตรายทั้งสิ้น เพราะอย่าลืมว่าคอนแทคเลนส์เป็นสิ่งแปลกปลอม และเมื่อต้องสัมผัสกับกระจกตาโดยตรงและเป็นเวลานาน หากคอนแทคเลนส์สกปรกจะทำให้เกิดการติดเชื้อที่กระจกตาและอาจลุกลามถึงขั้นตาบอดได้ภายใน 2 วัน ทั้งนี้ ที่ผ่านมา มีผู้ป่วยจากการใส่คอนแทคเลนส์ และบิ๊กอายส์มารักษาที่ รพ.พระนั่งเกล้าอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2555 พบ 2 ราย โดยรายล่าสุดเข้ามารักษาที่ รพ.พระนั่งเกล้า เมื่อประมาณวันที่ 5 ก.ค. ที่ผ่านมา


นพ.ฐาปนวงศ์ กล่าวถึงผู้ป่วยรายล่าสุดว่า เป็นหญิงอายุ 18 ปี ไปซื้อบิ๊กอายส์ที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งแถวบางลำภู นำมาใส่เมื่อช่วงเช้าวันที่ 5 ก.ค. ที่ผ่านมา แต่พอใส่แล้วที่ตาขวามีอาการแสบตา ระคายเคือง น้ำตาไหลต่อเนื่อง แล้วไปขยี้ตาและถอดบิ๊กอายส์ออก ต่อมาช่วงเย็นมีอาการบวม จึงเข้ามาพบแพทย์ที่ รพ.พระนั่งเกล้าเมื่อตรวจพบว่าผู้ป่วยติดเชื้อแบคทีเรียบริเวณกระจกตาดำข้างขวา โดยเชื้อแบคทีเรียได้กัดกินบริเวณกระจกตาดำมีแนวยาว 5 มิลลิเมตร และลึกลงไปประมาณ 1 มิลลิเมตร จนเกือบทะลุกระจกตาดำ ซึ่งโชคดีมากที่มารักษาทัน เพราะหากมาช้า 1 วัน ตาบอดแน่นอน ส่วนเชื้อแบคทีเรียที่พบนั้นชื่อว่า ซูโดโมแนส ออรูจิโนซ่า (Pseudomonas aeruginosa) เป็นเชื้อแบคทีเรียที่พบได้ตามสภาพแวดล้อมทั่วไป ซึ่งหากมีบาดแผลแล้วติดเชื้อแบคทีเรียดังกล่าว จะมีอันตรายมาก อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยรายนี้โชคดีที่มาพบแพทย์ได้ทันทำให้ตาไม่บอด แต่เมื่อรักษาจนหายแล้วจะเกิดแผลเป็นที่ตาดำ ส่งผลให้เวลามองแล้วจะไม่ชัดเหมือนคนปกติ

จักษุแพทย์ รพ.พระนั่งเกล้า กล่าวต่อไปว่า คอนแทคเลนส์มาตรฐานจะมีขนาดมาตรฐานทางการแพทย์ คือ เส้นผ่าศูนย์กลาง 13.5 - 14.5 มิลลิเมตร ส่วนบิ๊กอายส์จะมีขนาดตั้งแต่ 15 - 19 มิลลิเมตร ซึ่งใส่แล้วจะทำให้ดวงตาคับแน่น และผู้ใส่จะเกิดอาการไม่สบายตาต้องขยี้ตาบ่อยๆ เป็นผลให้เกิดแผลถลอกที่กระจกตาดำ และเชื้อโรคอาจเข้าไปทำให้เกิดการอักเสบเป็นแผลที่กระจกตาดำทำให้ตาบอดได้ ขณะเดียวกันหากใส่เป็นเวลานานจะทำให้เกิดอาการเยื่อบุตาขาวอักเสบ จากการแพ้เรื้อรัง ทำให้เยื่อบุตาขาวแห้งและอาจทำให้กระจกตาอักเสบ เกิดเป็นโรคตาแห้งคือเยื่อบุตาขาวแห้ง โดยถาวร เกิดอาการตาผ่าวร้อน แพ้งแสง ซึ่งจะเกิดความรำคาญแก่ดวงตาไปตลอดชีวิต ขอเตือนว่าการใช้คอนแทคเลนส์ไม่ว่าชนิดใดก็ตาม ควรศึกษาและปฎิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ รวมทั้งต้องดูแลรักษาอย่างเคร่งครัด ต้องเก็บรักษาในน้ำยาแช่คอนแทคเลนส์ โดยเฉพาะและปิดฝาให้สนิท เปลี่ยนน้ำยาแช่เลนส์ทุกครั้งที่ใช้ ไม่ใช้น้ำยาแช่เลนส์ซ้ำๆ ห้ามล้างคอนแทคเลนส์ด้วยน้ำประปา เนื่องจากสารคลอรีนอาจทำให้เลนส์เสื่อมสภาพ และต้องล้างมือให้สะอาด ก่อนสัมผัสคอนแทคเลนส์ทุกครั้ง

ด้าน นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า ได้รับแจ้งมาจาก นพ.ฐาปนวงศ์จึงส่งเจ้าหน้าที่ลงตรวจสอบจุดที่ผู้ป่วยระบุว่าไปซื้อบิ๊กอายส์ พบว่าเป็นห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ซึ่งเมื่อสอบถามกลับไปยังผู้ป่วยพบว่า ไปซื้อบิ๊กอายส์มาเก็บไว้นานแล้วจึงนำมาใส่ การใส่บิ๊กอายส์หรือคอนแทคเลนส์ หากเกิดการระคายเคืองดวงตาให้รีบพบแพทย์ทันที และโดยปกติแล้วการใส่บิ๊กอายส์หรือคอนแทคเลนส์จะต้องปรึกษาแพทย์ก่อน โดยในปัจจุบันมีบิ๊กอายที่ได้รับอนุญาตจากทาง อย. เพียง 2 - 3 ยี่ห้อเท่านั้น ซึ่งประชาชนสามารถโทร.มาสอบถามได้ที่เบอร์สายด่วน อย. โทร 1556


ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

12 ก.ค. 2555

ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับวิธีทำความสะอาดคอนแทคเลนส์

ความสะอาดของคอนแทคเลนส์เป็นสิ่งสำคัญมาก นึกดูว่าเพียงแค่มีเศษผงเล็กๆ เข้าตา ยังทำให้แสบตาจนน้ำตาไหล แต่คอนแทคเลนส์ต้องสัมผัสติดกับดวงตาโดยตรงเป็นเวลาหลายชั่วโมงต่อวัน หากสะอาดไม่เพียงพอ จะมีผลเสียต่อดวงตา มากมายเพียงใด

การทำความสะอาดคอนแทคเลนส์ มีคนจำนวนมากเข้าใจผิดว่าใช้วิธีแช่เพียง อย่างเดียวก็ได้ เพราะข้อความ No Rub ในคำแนะนำการใช้ข้างกล่องคอนแทคเลนส์ ไม่ได้แปลว่าห้ามถู ความจริงแล้วแปลว่า ไม่ต้องถูก็พออนุโลมได้

มีรายงานวิจัยบอกว่า การถูอย่างเดียวลดเชื้อโรคได้ 95% ส่วนเชื้อโรคที่เหลือ5% น้ำยาแช่สามารถกำจัดได้ นากจากนี้ การถูยังช่วยลดคราบจุลินทรีย์(Biofilm) ที่เกาะผิวเลนส์ได้ด้วย ดังนั้น การทำความสะอาดคอนแทคเลนส์ที่ถูกต้อง คือ ต้องถูด้วยน้ำยาทำความสะอาดคอนแทคเลนส์ แล้วจึงแช่เลนส์นั้นในน้ำยาแช่คอนแทคเลนส์

อีกเรื่องที่เข้าใจผิดกันมาก คือ การแช่เลนส์ไว้ในน้ำเกลือช่วยฆ่าเชื้อโรคได้ ความจริงแล้ว น้ำเกลือไม่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อ แต่น้ำเกลือจะทำให้เชื้อโรคโตเร็วขึ้น แทนที่จะฆ่าเชื้อ กลายเป็นเพาะเชื้อตลอด 8-10 ชั่วโมงที่เราไม่ได้ใส่เลนส์ การใช้น้ำเกลือที่ถูกต้อง คือ ใช้น้ำเกลือในการล้างน้ำยาที่ใช้ฟอกถูเลนส์ ในรายที่เซ้นสิทีฟกับน้ำยาฆ่าเชื้อโรค หรือใช้น้ำเหลือในการล้างทิ้ง

หากใช้และดูแลผิดวิธีคอนแทคเลนส์จะเป็นอันตรายต่อดวงตา ก่อนใช้ควรรับคำแนะนำจากจักษุแพทย์และศึกษาข้อมูลให้ถี่ถ้วน หากมีปัญหาควรหยุดใช้แล้วพบจักษุแพทย์ทันที


ที่มา : สำนักหอสมุดกลางมหาวิทยาลัยรามคำแหง

10 ก.ค. 2555

[ข่าว] มหันตภัย 'บิ๊กอายส์' โจ๋สาว 18 ตาดำติดเชื้อหวิดบอด

จักษุแพทย์เตือนสาวอยากตาโตด้วย “บิ๊กอายส์” ต้องระวัง หลังพบคนไข้สาววัย 18 ซื้อมาใส่เอง แค่ วันเดียวได้เรื่อง ตาหวิดบอด เพราะเกิดอาการระคายเคืองแล้วเผลอขยี้ตาจนกระจกตาดำ เป็นแผลติดเชื้อแบคทีเรียกัดกินกระจกตาดำเกือบทะลุ โชคดีมาพบแพทย์ทัน แต่ต้องตามัว มองไม่ชัดไปตลอดชีวิต เพราะเกิดแผลเป็นที่ตาดำ ได้แต่เตือนอยากสวยด้วยบิ๊กอายส์ควรปรึกษาแพทย์ก่อน

ปัญหาของสาวอยากมีดวงตาโตกว่าเดิม แต่กลับส่งผลร้ายต่อสุขภาพในครั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นพ.ฐาปนวงศ์ ตั้งอุไรวรรณ จักษุแพทย์ รพ.พระนั่งเกล้า เมื่อวันที่ 8 ก.ค. ว่า ปัจจุบันยังพบว่าวัยรุ่นผู้หญิงยังนิยมใส่คอนแทคเลนส์ตาโต หรือ บิ๊กอายส์ ซึ่งเป็นเลนส์ที่ไม่ใช่เลนส์สายตา แต่เป็นเลนส์เพื่อความสวยงาม เปลี่ยนสีตา ขยายขนาดของตาดำ เพราะต้องการเลียนแบบดารา นักร้อง นางแบบ อยากสวยอยากงาม ทั้งๆที่การใช้บิ๊กอายส์ หรือแม้กระทั่งคอนแทคเลนส์ที่เป็นเลนส์สายตา เสี่ยงอันตรายทั้งสิ้น เพราะอย่าลืมว่าคอนแทคเลนส์เป็นสิ่งแปลกปลอม และเมื่อต้องสัมผัสกับกระจกตาโดยตรงและเป็นเวลานาน หากคอนแทคเลนส์สกปรกจะทำให้เกิดการติดเชื้อที่กระจกตาและอาจลุกลามถึงขั้นตาบอดได้ภายใน 2 วัน ทั้งนี้ ที่ผ่านมามีผู้ป่วยจากการใส่คอนแทคเลนส์ และบิ๊กอายส์มารักษาที่ รพ.พระนั่งเกล้า อย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2554 มีประมาณ 20 รายส่วนในปี 2555 พบ 2 ราย โดยรายล่าสุดเข้ามารักษาที่ รพ.พระนั่งเกล้า เมื่อประมาณวันที่ 5 ก.ค.ที่ผ่านมา

นพ.ฐาปนวงศ์กล่าวถึงผู้ป่วยรายล่าสุดว่าเป็นหญิงอายุ 18 ปี ไปซื้อบิ๊กอายส์ที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งแถวบางลำภู นำมาใส่เมื่อช่วงเช้าวันที่ 5 ก.ค.ที่ผ่านมา แต่พอใส่แล้วที่ตาขวามีอาการแสบตา ระคายเคือง น้ำตาไหลต่อเนื่อง แล้วไปขยี้ตา และถอดบิ๊กอายส์ออก ต่อมาช่วงเย็นมีอาการตาบวม จึงเข้ามาพบแพทย์ที่ รพ.พระนั่งเกล้า เมื่อตรวจพบว่าผู้ป่วยติดเชื้อแบคทีเรียบริเวณกระจกตาดำข้างขวา โดยเชื้อแบคทีเรียได้กัดกินบริเวณกระจกตาดำมีแนวยาว 5 มิลลิเมตรและลึกลงไปประมาณ 1 มิลลิเมตร จนเกือบทะลุกระจกตาดำ ซึ่งโชคดีมากที่มารักษาทัน เพราะหากมาช้า 1 วัน ตาบอดแน่นอน ส่วนเชื้อแบคทีเรียที่พบนั้น ชื่อว่า ซูโดโมแนส ออรูจิโนซ่า (Pseudomonas aeruginosa) เป็นเชื้อแบคทีเรียที่พบได้ตามสภาพแวดล้อมทั่วไป ซึ่งหากมีบาดแผลแล้วติดเชื้อแบคทีเรียดังกล่าว จะมีอันตรายมาก อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยรายนี้โชคดีที่มาพบแพทย์ได้ทันทำให้ตาไม่บอด แต่เมื่อรักษาจนหายแล้วจะเกิดแผลเป็นที่ตาดำ ส่งผลให้เวลามองแล้วจะไม่ชัดเหมือนคนปกติ


จักษุแพทย์ รพ.พระนั่งเกล้า กล่าวต่อไปว่าคอนแทคเลนส์มาตรฐานจะมีขนาดมาตรฐานทางการแพทย์ คือเส้นผ่าศูนย์กลาง 13.5-14.5 มิลลิเมตร ส่วนบิ๊กอายส์จะมีขนาดตั้งแต่ 15-19 มิลลิเมตร ซึ่งใส่แล้วจะทำให้ดวงตาคับแน่น และผู้ใส่จะเกิดอาการไม่สบายตาต้องขยี้ตาบ่อยๆ เป็นผลให้เกิดแผลถลอกที่กระจกตาดำ และเชื้อโรคอาจเข้าไปทำให้เกิดการอักเสบเป็นแผลที่กระจกตาดำทำให้ตาบอดได้ ขณะเดียวกันหากใส่เป็นเวลานานจะทำให้เกิดอาการเยื่อบุตาขาวอักเสบจากอาการแพ้เรื้อรัง ทำให้เยื่อบุตาขาวแห้งและอาจทำให้กระจกตาอักเสบ เกิดเป็นโรคตาแห้งคือเยื่อบุตาขาวแห้งโดยถาวร เกิดอาการตาผ่าวร้อน แพ้แสง ซึ่งจะเกิดความรำคาญแก่ดวงตาไปตลอดชีวิต ขอเตือนว่าการใช้คอนแทคเลนส์ไม่ว่าชนิดใดก็ตาม ควรศึกษาและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ รวมทั้งต้องดูแลรักษาอย่างเคร่งครัด ต้องเก็บรักษาในน้ำยาแช่คอนแทคเลนส์โดยเฉพาะและปิดฝาให้สนิท เปลี่ยนน้ำยาแช่เลนส์ทุกครั้งที่ใช้ ไม่ใช้น้ำยาแช่เลนส์ซ้ำๆห้ามล้างคอนแทคเลนส์ด้วยน้ำประปา เนื่องจากสารคลอรีนอาจทำให้เลนส์เสื่อมสภาพ และต้องล้างมือให้สะอาดก่อนสัมผัสคอนแทคเลนส์ทุกครั้ง

ด้าน นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า ได้รับแจ้งมาจากนพ.ฐาปนวงศ์จึงส่งเจ้าหน้าที่ลงตรวจสอบจุดที่ผู้ป่วยระบุว่าไปซื้อบิ๊กอายส์ พบว่าเป็นห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ซึ่งเมื่อสอบถามกลับไปยังผู้ป่วยพบว่าไปซื้อบิ๊กอายส์มาเก็บไว้นานแล้วจึงนำมาใส่ การใส่บิ๊กอายส์หรือคอนแทคเลนส์ หากเกิดการระคายเคืองดวงตาให้รีบพบแพทย์ทันที และโดยปกติแล้วการใส่บิ๊กอายส์หรือคอนแทคเลนส์จะต้องปรึกษาแพทย์ก่อน โดยในปัจจุบันมีบิ๊กอายส์ที่ได้รับอนุญาตจากทาง อย. เพียง 2-3 ยี่ห้อเท่านั้น ซึ่งประชาชนสามารถโทร.มาสอบถามได้ที่เบอร์สายด่วน อย. โทร.1556

3 มิ.ย. 2555

ตรวจสอบรายชื่อคอนแทคเลนส์ หรือบิ๊กอาย ที่ได้รับ อย.ไทย แล้ว


ปัจจุบันคอนแทคเลนส์แฟชั่น อาทิ บิ๊กอาย หรือคอนแทคเลนส์สีสันต่างๆ มีขายกันทั่วไปตามท้องตลาด รวมไปถึงการซื้อขายทางอินเตอร์เน็ต ทำให้คอนแทคเลนส์ประเภทนี้หาซื้อได้ง่ายมากขึ้น และอันตรายต่อผู้ใช้มากขึ้นด้วยเช่นกัน

อย.
นอกจากราคาที่ถูกแล้ว ร้านค้าหลายร้านมักอ้างว่า สินค้าของตนเองได้มาตรฐาน ปลอดภัย ไม่เป็นอันตรายต่อผู้ใช้ โดยหยิบยกคำว่า "อย." มาใช้เพื่อให้ดูน่าเชื่อถือ ทำให้ผู้บริโภคหลายรายซื้อพากันหลงเชื่อ และซื้อสินค้าที่เป็นอันตรายอย่างไม่รู้ตัว

ในที่นี้เราจจะพูดถึง คอนแทคเลนส์ที่ได้รับ อย.ไทย ซึ่งสามารถตรวจสอบได้จากในเว็บไซต์ของ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ตามลิ๊งค์ด้านล่างนี้เรย

"ตรวจสอบรายชื่อคอนแทคเลนส์ที่มี อย. "

ทั้งนี้ วิธีตรวจสอบเบื้องต้นคือ ให้สังเกตุฉลากข้างขวดคอนแทคเลนส์ จะต้องมีเลข อย. ระบุชัดเจน หรือสามารถโทรสอบถาม สายด่วย อย. ได้ที่เบอร์โทร. 1556


วิธีใช้น้ำยาแช่คอนแทคเลนส์

contact lens solution
วิธีการใช้น้ำยาแช่คอนแทคเลนส์ (Contact Lens Solution)
  1. ทำความสะอาดตลับแช่คอนแทคเลนส์ และฝาตลับแช่เลนส์ด้วยน้ำยาแช่คอนแทคเลนส์
  2. ล้างมือ และเช็ดให้แห้งด้วยผ้าที่สะอาดก่อนสัมผัสคอนแทคเลนส์
  3. เริ่มต้นด้วยตาข้างใดข้างหนึ่งเสมอ เพื่อป้องกันการสลับข้าง
  4. ถอดคอนแทคเลนส์วางบนฝ่ามือ หยดน้ำยาแช่คอนแทคเลนส์ ประมาณ 3 หยดบนคอนแทคเลนส์ทั้ง 2 ด้าน
  5. ถูคอนแทคเลนส์เบาๆ ในแนวตั้ง ขึ้น-ลง ข้างละ 10 วินาที เพื่อชะล้างเลนส์ด้วยน้ำยาแช่ คอนแทคเลนส์ โดยใช้นิ้วชี้ และนิ้วหัวแม่มือ ถูเลนส็ไปมา และบีบน้ำยาผ่านเลนส์
  6. เติมน้ำยาแช่ คอนแทคเลนส์ ให้เต็มตลับแช่คอนแทคเลนส์ และใส่คอนแทคเลนส์ลงไป ปิดฝาให้แน่น (ทำซ้ำกับคอนแทคเลนส์อีกข้าง)
  7. แช่คอนแทคเลนส์อย่างน้อย 4 ชั่วโมง หลังจากนั้น เลนส์ก็จะสะอาด และสามารถใส่เข้าตาได้

ข้อควรระวัง
  1. ควรเปลี่ยนน้ำยาใหม่ทุกครั้ง ห้ามนำน้ำยาที่ใช้แล้วมาใช้ซ้ำอีก
  2. อย่าแตะปากขวดเพราะอาจจะทำให้น้ำยาสกปรกได้
  3. ปิดฝาขวดให้สนิทเมื่อไม่ใช้
  4. เก็บน้ำยาที่อุณหภูมิห้อง ต่ำกว่า 25 องศาเซลเซียส เลี่ยงความร้อน
  5. ใช้น้ำยาก่อนวันหมดอายุ
  6. ไม่ใช้น้ำยาล้างจากขวดที่เปิดใช้งานนานเกิน 6 เดือน
  7. เก็บให้พ้นมือเด็ก
  8. ห้ามใช้กับการฆ่าเชื้อระบบใช้ความร้อน

สิ่งที่ต้องทำหากจะใส่คอนแทคเลนส์


วัยรุ่นทุกคนที่จะเริ่มใส่คอนแทคเลนส์ควรจะต้องตรวจสภาพดวงตาก่อนใส่คอนแทคเลนส์เป็นครั้งแรกในชีวิต เพราะอยากจะให้ผ่านการแนะนำจากหมอตาว่า วิธีใส่คอนแทคเลนส์ที่ถูกต้องทำอย่างไร เช็กสภาพดวงตาว่า อยู่ในสภาพที่แพ้ง่ายหรือเปล่า มีโรคตาหรือไม่ เพราะมีบุคคลที่ไม่เหมาะสมที่จะใส่คอนแทคเลนส์ตั้งแต่ต้นแล้ว

สิ่งที่ต้องทำหากจะใส่คอนแทคเลนส์ คือ
1. ควรจะตรวจสภาพตาก่อน
2. เลือกใช้คอนแทคเลนส์ที่เหมาะสมกับตัวเอง
3. ดูแลรักษาคอนแทคเลนส์ให้ถูกต้อง
4. ควรจะมีน้ำตาเทียมไว้หล่อลื่นในดวงตา ต้องพกติดตัว มันจะช่วยชะล้างสิ่งแปลกปลอมได้ในระดับหนึ่ง ไม่ทำให้คอนแทคเลนส์ดูดกับดวงตา ทำให้กระจกตาไม่ขาดอ็อกซิเจนจนเกินไป ไม่มีผิวลอกถลอก

ขอแนะนำ
ตอนเช้าควรล้างคอนแทคเลนส์ด้วยน้ำเกลือ ล้างเยอะๆ ก่อนใส่เข้าไปในตา เพราะน้ำเกลือไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองตา ขณะเดียวกันหลังจากถอดคอนแทคเลนส์แล้ว ควรใช้น้ำยา Multi-Purpose ล้างเมือก สิ่งสกปรก และแช่คอนแทคเลนส์ในน้ำยา Multi-Purpose เพื่อป้องกันการติดเชื้อ


ปัจจุบันเรามักจะได้ยินได้อ่านข่าวตาติดเชื้อจากคอนแทคเลนส์บ่อยครั้ง ทั้งนี้ส่วนหนึ่งเป็นเพราะหลายคนที่ใส่คอนแทคเลนส์มานานแล้ว มากกว่า50% กลับไม่รู้วิธีใส่คอนแทคเลนส์อย่างถูกวิธี และใช้ผิดมาโดยตลอด ซึ่งจะส่งผลเสียในระยะยาวกับดวงตา ทำให้ตาแห้งมากขึ้นเรื่อยๆ เช่น เกิดจากการใส่คอนแทคเลนส์ไปนานๆ แล้วไม่ได้หยอดน้ำตาเทียม ผิวกระจกตาจึงถลอก แห้ง พอถลอกแล้วจะทำให้เชื้อโรคที่คอนแทคเลนส์เกาะผิวกระจกตาที่เป็นแผล ทำให้เกิดการติดเชื้อ และเชื้อโรคที่มากับคอนแทคเลนส์มันจะไม่ใช่เชื้อโรคที่พบตามผิวหนังทั่วไป เพราะเชื้อโรคทั่วๆไปจะโดนน้ำยาฆ่าเชื้อทำลายไปหมดแล้ว จะเหลือก็เเต่เชื้อโรคที่เป็นอันตรายทั้งนั้น เพราะมันสามารถหลุดรอดการฆ่าเชื้อเข้ามาได้ มันจะทำให้ภายในแค่คืนเดียว ตาเป็นหนอง ติดเชื้ออย่างรุนแรงได้เลยทีเดียว

ดังนั้น การที่ปล่อยให้ตาแห้งนานๆ จนเยื่อบุตาอักเสบ เพราะความแห้ง ความอักเสบของเยื่อบุตา จะทำให้เกิดการหายไปของเซลล์ที่ผลิตน้ำตา กล่าวคือ เซลล์ที่ผลิตน้ำตามันจะอยู่ที่เยื่อบุตา พอเยื่อบุตาอักเสบ เซลล์ที่ผลิตน้ำตาจะลดน้อยลง ตาก็จะแห้งในที่สุด ยิ่งปล่อยให้ตาแห้ง จะทำให้เกิดมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ถ้าหยอดน้ำตาเทียมมันจะยับยั้งไม่ให้ตาแห้งมากได้ ดังนั้นควรมีติดกระเป๋าไว้เหมือนอาวุธคู่กาย แม้แต่คนที่ไม่ใส่คอนแทคเลนส์ก็ตาม ควรพกไว้เช่นกัน น้ำตาเทียมจะช่วยดูแลดวงตาของเรา เหมือนที่สาวๆ มักถนอมผิวหนังด้วยการทาโลชั่นปกป้องผิวแห้งกร้าน

Loading

Share

Twitter Delicious Facebook Digg Stumbleupon Favorites More